21 มิถุนายน 2549 08:41 น.

ความรัก/ความหลง/ความหวังดี

ผู้หญิงสีรุ้ง

**บางทีเราทึกทักว่าความหลงคือความรัก 
   จนบางครั้งเรามองความห่วงใยที่มาจากความรักที่แท้ ว่าเป็นความก้าวก่าย ชีวิตเรา ของเรา

ในรถตู้ 5.30 pm 

     จัด จัด ดัด ด้า จัด จัด ดัด ด้า อย่าทำให้รัก...เดี๋ยวมันหลง เดี๋ยวมันรัก.....
 
     - ฮัลโหล  มีอะไรเนี่ย  .....อยู่บนรถ จะไปหาเพื่อน...จะกลับกี่โมงยังไม่รู้...
แม่ไม่ต้องยุ่งน่า เดี๋ยวกลับก็เห็นเองแหละ เออๆ แค่นี้นะ ...บอกว่าไม่รู้ไง เดี๋ยวกลับก็รู้เองแหละ ไม่แน่เดี๋ยวไม่กลับเลย ... ..ไม่กิน กินไปก่อนเลย เดี๋ยวไปกินกะเพื่อน ....แค่นี้นะ


      จัด จัด ดัด ด้า จัด จัด ดัด ด้า อย่าทำให้รัก...เดี๋ยวมันหลง .....
      -ฮัลโหล จ้า เดี๋ยวน้า ใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ ตัวเองรอแปปน้า อ่อ..จริงๆรีบสุดๆแล้วอ่ะ  อืม เดี๋ยวตัวเองจะกินไรป่าว ให้เค้าซื้อไรไปให้ป่ะ เหรอๆ อืม...อีกประมาณ 5 นาทีอ่ะ ตัวเองรอก่อนเดี๋ยวเขาซื้อของเข้าไปให้กิน  
      เออนี่ แล้วผ้าตัวเองมีใส่ป่ะเนี่ย ...เดี่ยวเค้าเข้าไปซักให้แล้วกัน อืมๆๆ แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ อิอิ จ้า คิดถึงเหมือนกัน

       หญิงสาวในชุดนักศึกษาพาณิชย์สถาบันใดก็ไม่ทราบ ซึ่งนั่งถัดจากฉันไปหนึ่งเบาะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะระลาบระล้วง เพียงแต่ ในรถค่อนข้างเงียบ จึงไม่แปลกที่ฉันจะได้ยินทุกคำที่เธอพูดผ่านโทรศัพท์ไปถึงปลายสาย 
       ฉันพบความแตกต่างระหว่างน้ำเสียง สีหน้า คำพูด ที่กรอกผ่านโทรศัพท์ เครื่องดียวกันนั้น เพียงต่างเวลา ต่างคู่สนทนา อย่างชัดเจน 
 
**บางทีเราทึกทักว่าความหลงคือความรัก 
   จนบางครั้งเรามองความห่วงใยจากความรักที่แท้ ว่าเป็นความก้าวก่าย ชีวิตเรา ของเรา


     ฉันถึงที่หมายก่อน เธอ คนนั้น จุดหมายของเธออยู่ที่ใด ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่า เธอ กำลังหลง หลงทาง หลงมายาจากความใคร่ แต่ก็เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องของฉัน  เพียงแต่ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าแม่ที่รักเธออย่างไม่มีเงื่อนไข คนนั้น ตอนนี้จะยังคงรอลูกสาวสุดที่รักกลับมากินข้าวเย็นด้วยอยู่มั๊ย แล้วแม่คนนั้น ก็คงจะแบ่งเด็บกับข้าวไว้รอ เผื่อลูกสาวกลับมาแล้วจะหิว อย่างแน่นอน 

   หน้าปากซอย(บ้านฉัน) 6.15pm

   -ตืดดด ตืดดดด ตืดดดด แม่ แม่จะเอาอะไรมั๊ย หนูอยู่ปากซอย เดี๋ยวจะได้ซื้อเข้าไปเลย .....อืม  แล้วแม่หุงข้าวไว้ยัง... เหรอ  อืม...จ้าๆ
 
    


				
19 มิถุนายน 2549 16:01 น.

วันว่าง

ผู้หญิงสีรุ้ง

ท่านคือ คนละเมอ 
           ดึกดื่นค่อนคืนลุกขึ้นมา
          ก่อกำแพงปิดล้อมตัวเอง     
             ครั้นพอตอนกลางวัน 
               ท่านก็นึกฉงนใจ 
     เหตุไฉนไม่มีผู้ใดแวะมาเยือน
       โลกอันอ้างว้างของท่านเลย
 

    *************************************************************

 

   จาก "นับกลีบดอกไม้ " ของ ซาง ฌือ อิน
 
   มันเป็นหนังสือที่อ่านยากเสียจริงๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งต้องคิดลึกๆ  จะมีก็แต่บทนี้แหละ ที่อ่านเข้าใจง่ายหน่อย 
   บังเอิญว่า ไปเจอมันกองรวมอยู่กับหนังสือเก่าๆ ที่รอคนผ่านไปมามาหยิบไป ราคาก็ไม่สูงเท่ากับข้อความในหนังสือสักนิด.... 
 

       ________________________________________________________

 

27-5-49  

สวนจตุจักร/บ่ายแก่ๆ

 

สองคน ริมถนน ไวโอลิน กีตาร์ 

คนมากมาย ผ่านไปมา หรือแม้ว่าหยุดฟัง

รอยยิ้มทาบทา ฉายพร้อมกับเสียงดนตรี

เหงื่อชุ่ม ยิ้มยังคง

 

ชายแปลกหน้า ต่างภาษา

สนทนาผ่านจังหวะดนตรี

จากไปเมื่อบทเพลงจบลง

 

ฉันนั่งตรงนี้ มองผ่านแผ่นหลังของนักดนตรี 

ดูกริยาผู้คนรายรอบ คนมากมาย มีจุดมุ่งหมาย

เพื่อจับจ่าย จึงมาที่นี่

 

จุดหมายของฉัน เพียงชาเย็นๆสักแก้ว 

กับเสียง กีตาร์ ไวโอลิน จากสองคนแปลกหน้าเหล่านี้ 

ก็เพียงพอ  นี่หล่ะที่พักของฉัน

 

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^				
5 มิถุนายน 2549 16:50 น.

ที่เราเรียกว่า"เพื่อน"

ผู้หญิงสีรุ้ง

ฉันยังคงเคลือบแคลงอยู่ ว่าระหว่างเรา จะยังคงเป็นเพื่อนกันต่อไปได้หรือไม่ มันเป็นเรื่องที่มีเหตุอยู่ ผลของมันจึงออกมาแบบนี้

       ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เธอเริ่มโกหก
      
       ตั้งแต่เมื่อไร ที่เธอมองฉันด้วยสายตาแบบนั้น

       กอดที่บริสุทธิ์ใจจากฉัน มือเธอที่กุมมือฉันตอนหนาวๆน่ะ ฉันยังคงคิดว่า มันคือความอุ่นจากมิตรภาพ แต่เปล่าเลย เธอเองไม่ได้ต้องการเพียงเท่านั้น

      ฉันไม่ใช่ของเธอหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น แม้"เพื่อน" ในตอนนี้
 ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะใช้คำนั้นได้หรือเปล่า
 
       ฉันไม่ได้เกลียดเธอ เพียงแต่ รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง
 
       ฉันไม่ได้เกลียดเธอ เพียงแต่ ความรู้สึกแห่งมิตรภาพ เลือนลาง
 
       ฉันไม่ได้เกลียดเธอ เพียงแต่ ไม่สามารถรู้สึกกับเธออย่างที่เคยเป็นได้
 
          ฉันเข้าใจว่ามันคงยากที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจและยอมรับ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกเธอ ทั้งที่ฉันควรจะบอกเธอมานานแล้ว
 
                        "ขอบคุณ"
 
          ฉันดีใจที่เคยมีเพื่อนอย่างเธอ ฉันดีใจที่เธอเคยดูแลฉัน
 
                 แล้วก็  "ขอโทษ"
 
          ขอโทษ สำหรับบางอย่าง ที่ฉันทำให้เธอเสียใจ 
 
         แต่เธอก็อย่าโกรธฉันเลย เพราะเธอเอง ก็ทำให้ฉันเสียใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน  และเธอก็อย่าคาดหวังอะไรกับฉันมากมายเลยนะ อย่าคาดหวังให้ฉันหายโกรธเธอในเวลาอันสั้น แม้ฉันจะขอโทษเธอแต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของฉันทั้งหมด
 
         ฉันขอบคุณ และขอโทษเธอแล้ว ในส่วนของฉัน คงไม่ติดค้างอะไรกับเธออีก ที่เหลือก็คือ ความทรงจำที่ฉันจะเก็บไว้กับใจ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ				
5 มิถุนายน 2549 16:45 น.

ฉีนคือสายลม ในสายตา

ผู้หญิงสีรุ้ง

มีใครคนนึง เคยบอกว่า "เธอเหมือน สายลม " 
  
                      เขาไม่กล้าคิดเอาเองว่า ฉันเป็นอย่างไร 

                       เพราะกลัวว่านั่นมันจะผิดไปจากที่คิด ...
  
                             ฉันน่ะเหรอ เหมือน สายลม ? 
    
                     ใจร้ายไปหน่อยมั๊ย ที่ตัดสินฉันแบบนี้ ...
  
                  นิสัยของสายลมน่ะมักจะพัดมาอย่างเอาแต่ใจ และพร้อมจะพัดไป อย่างไม่เห็นร่องรอย  
  
          มันก็เป็นความจริงอย่างที่เขาว่า แต่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ถูก  
   
          เขาจะรู้มั๊ย ว่าสายลมน่ะ เป็นอะไรๆ ได้มากกว่าที่คิด เป็นได้มากกว่า สัญลักษ์ของการเปลี่ยนฤดู  เป็นได้มากกว่าพายุที่เกรี้ยวกราก ฉุนเฉียว
    
          แม้ว่า สายลม จะขี้เล่น และสนใจแต่ความรู้สึกของตัวเองไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่า  มีใครเคยสังเกตุบ้างไหมว่า 
          ลมหนาว มักพัดมาเมื่อถึงเวลาที่ควรเสมอ 
          ลมฝน ไม่เคยลืมหอบหิ้วเม็ดน้ำน้อยๆติดมาด้วย 
 

          บางครั้งความรู้สึกของสายลมอาจบางเบา เป็นเพียงอากาศ แต่ว่า 
ถ้าไม่ละเลยจนเกินไปนัก ก็จะรับรู้ได้ว่าสายลม ไม่เคยห่างหายไปไหนเลย 
 

        ฉันอาจจะเหมือนสายลมอย่างที่เขาว่าจริงๆก็ได้ .. จริงๆแล้วฉันก็เป็นฉัน ฉันไม่มั่นคงเท่าสายลมด้วยซ้ำ ก็สมควรแล้วที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจฉันนัก  
        การที่มีเพื่อนแบบเขา ก็นับว่าโชคดีแล้วล่ะ ที่อย่างน้อย ยังพอมีคนที่มองเห็นเค้าร่างจิตใจ และความรู้สึกของฉันอยู่บ้าง  
 
        ขอบคุณมากๆเลย :)				
1 มิถุนายน 2549 16:32 น.

เรื่องน่าขำ

ผู้หญิงสีรุ้ง

ฉันนั่งคุกเข่า ปล่อยให้น้ำตาเป็นอิสระจากความเศร้า 
                               มองเม็ดน้ำตา เม็ดน้อย ค่อยๆซึม 
                              แทรกตัวลงบนกางเกนยีนส์ตัวเก่ง 
                                       ด้วยภาพที่พร่ามัว 

ฉันไม่ปัดมันออกไปจากแก้ม 
เพราะรู้ว่าแม้ปัดออกไปเท่าใด 
ก็จะมีน้ำตาหยดใหม่มาแทนที่อยู่ดี 
 
                      ฉันปล่อยมันออกมา เพราะไม่บ่อย และไม่ง่ายนัก 
                          ที่จะปลดปล่อยตัวเองได้ถึงเพียงนี้ 
 
นาทีนั้น ฉันคิดว่าคงไม่มีอารมณ์ใดมาแทนที่ 
ความเศร้า เหล่านี้ได้เลย 
ฉันไม่ได้ยิน 
ฉันไม่ร้อน ไม่หนาว 
ไม่มองสิ่งใด นอกจาก เม็ดน้ำตาที่กำลังซึมเปียก 
 
                              ไม่คาดคิดว่า จะมีเรื่องน่าขำเกิดขึ้น 
                   ความรู้สึกที่หนักหน่วงกว่าความเศร้าที่ปลดน้ำตานี้
                     นั่นคือ ความรู้สึกปวดชา ที่ก่อตัวจากปลายเท้า 
                 เรื่อยขึ้นมาจนถึงน่อง จนเกือบจะกินเนื้อที่ทั้งขาของฉัน 
 
สุดท้ายแล้วฉันต้องลุกขึ้นยืน 
ลืมน้ำตาไปหมด 
ฉันป้ายน้ำตาออกจากทั้งสองแก้ม 
ยิ้มน้อยๆกับความน่าขำของตัวเอง 
ที่แม้ว่า ใครๆปลอบเท่าใด
แสดงความห่วงใยเท่าใด 
ก็ไม่สามารถทำให้ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเลิกเศร้าได้อย่างนี้ 
 
                                   แต่ว่า ที่น่าขำกว่านั้นก็คือ 
                       เหน็บชาน่ะ เริ่มกินมาถึงหัวใจฉันด้วย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้หญิงสีรุ้ง
Lovings  ผู้หญิงสีรุ้ง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้หญิงสีรุ้ง
Lovings  ผู้หญิงสีรุ้ง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้หญิงสีรุ้ง
Lovings  ผู้หญิงสีรุ้ง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงผู้หญิงสีรุ้ง