27 กันยายน 2548 11:39 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เพื่อนที่ดีมีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดีมีน้อยด้อยราคา
ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล
คือบทกลอนสอนใจให้หวนคิด
อันมวลมิตรสนิทสนมมีถมเถ
แต่ใจคนมิอาจคาดคะเน
อาจแฝงเล่ห์ลวงหลอกให้ชอกช้ำ
บางคนปากปราศรัยยิ้มในหน้า
หวานวาจาฟังรื่นพาชื่นฉ่ำ
แต่จิตใจไม่เป็นเช่นน้ำคำ
กลับด่างดำเฝ้าผลาญรานใจคน
บางคนจ้องนินทาคอยว่าร้าย
มุ่งทำลายคนดีจนปี้ป่น
สร้างแผนการซับซ้อนซ่อนเล่ห์กล
ทำเลวจนใจหยาบบาปไม่กลัว
บางคนเอาสิ่งของวางกองใส่
ถนัดใช้เงินตรามาฟาดหัว
หวังจะซื้อใจคนจนเคยตัว
หูตามัวลืมใช้น้ำใจจริง
บางคนนั้นร้ายเหลือเชื่อไม่ได้
ทุกสิ่งไซร้ลวงหลอกช่างกลอกกลิ้ง
ลืมสัจวาจาได้ไม่ประวิง
พร้อมละทิ้งคำมั่นเคยสัญญา
บางคนหมายแข่งขันแย่งกันเด่น
ไม่อยากเป็นคนพ่ายกลัวขายหน้า
เพราะขาดซึ่งน้ำใจนักกีฬา
จึงเล่นนอกกติกาช่างน่าอาย
บางคนจิตรุ่มร้อนนอนไม่หลับ
หาทางดับอย่างไรก็ไม่หาย
ไฟริษยาเข้ารุมสุมใจกาย
จนละลายคำว่า เพื่อน เลือนจากใจ
เลือกคบคนหากแลแค่ภายนอก
มิอาจบอกดีชั่วตัวตนได้
จงสัมผัสให้ลึกถึงข้างใน
ธาตุแท้เป็นเช่นไรใช้เวลา
เพื่อนที่ดีมีหนึ่งถึงจะน้อย
ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา
เหมือนเกลือดีมีน้อยด้อยราคา
ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล
.....................................
ปล. กลอนบทแรก และ บทจบที่ยกมานั้น ..
เป็นบทกลอนที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ๆ .. ( ไม่ทราบผู้แต่ง )
ผู้หญิงสีม่วงชอบมากค่ะและท่องจำได้ขึ้นใจ ..
เพราะสอนใจได้ดีในเรื่อง .. เพื่อน .. :)
17 กันยายน 2548 11:26 น.
ผู้หญิงสีม่วง
กาลครั้งหนึ่งไม่นานสักเท่าไหร่
มีชายชาติอาชาไนยใจมุ่งมั่น
อยากหาคู่ชีวิตจิตผูกพัน
หญิงในฝันที่หวังช่างสวยงาม
คงจะพบหญิงนั้นสักวันหนึ่ง
คิดได้จึงลาพ่อขออย่าห้าม
จะดั้นด้นค้นหาพยายาม
ออกติดตามแล้วรับกลับบ้านเรา
คู่ครองในอุดมคติที่หมายมาด
ต้องมิใช่เพียงอากาศอันว่างเปล่า
ขอเพียงได้ประสบพบนงเยาว์
จะคว้าเอามาแนบอิงแอบใจ
แล้วเวลาผ่านไปไวเหมือนปด
สิบปีหมดกับการพล่านคว้าไขว่
เที่ยวจับลมแล้วจะเหลืออะไร
วันสูญไปวัยล่วงผ่านนานเกินพอ
ครั้นคิดได้จึงหวนคืนกลับบ้าน
หลังเปิดบานประตูคู้กราบพ่อ
ไม่พบหรือเนื้อนวลควรเคลียคลอ
คนที่จะพาเข้าหออย่างพอใจ
กัดฟันตอบคำถามน้ำเสียงสั่น
เธอคนนั้นที่ลูกเฝ้าฝันใฝ่
พบกันแล้วแต่มิอาจสานสายใย
ห่างกันไกลเกินคว้ามาชื่นชม
สำหรับเธอลูกมิใช่ชายในฝัน
แม้นานวันเทพไซร้ไม่อุ้มสม
จึงจำพรากจากมาดีกว่าตรม
ไม่อยากจมความช้ำทุกค่ำคืน
ฟังเรื่องราวทั้งหมดสลดนัก
อันความรักมิง่ายจะได้ชื่น
ใจตรงกันลำบากยากเต็มกลืน
ขอจงตื่นจากหลับยอมรับมัน
อยู่กับคนของความจริงเป็นสิ่งแน่
เพราะถึงแม้ไม่ใช่นางในฝัน
แต่หากลองปรับเปลี่ยนเรียนรู้กัน
คงสักวันเป็นคู่ครองที่ต้องการ
ผลัดกันเป็นผู้รับและผู้ให้
ต้องมีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน
บวกกับความผูกพันอันยาวนาน
จะพบพานรัก แท้ มิแค่ ลม
...............................
ปล. นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กำขี้ดีกว่ากำตด ..
( ขำ ๆ อ่ะนะคะ .. เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ยยย .. เอิ๊ก ๆๆๆ )
ปล.2 เรื่องสั้นที่เกี่ยวข้อง .. ( สั้นจริง ๆ อิอิ )
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story5808.html
13 กันยายน 2548 23:33 น.
ผู้หญิงสีม่วง
หนูนี้ไม่ดีที่ตรงไหน ??
พี่นั้นจึงไม่คิดแยแส
หนูเตี้ยม่อต้อก็ไม่แล
ผิวหรือก็แค่ด่างและดำ
หล่อนนั้นขาวหมวยสวยหยาดฟ้า
ดุจเทพธิดาค่าสูงล้ำ
พ่อแม่ไฮโซแสนล่ำซำ
ไปนอกเพื่อร่ำเรียนปอโท
แค่หล่อนตาคมจมูกโด่ง
คิ้วหรือก็โก่งดูเก๋โก้
ก้นงอนเอวคอดหน้าอกโต
ชายเห็นร้องโอ้.....อยากเดินตาม
แค่หล่อนพูดไทยไม่ค่อยชัด
จริตนั้นถูกดัดไม่ซุ่มซ่าม
เดินเหินเชิดหน้าสง่างาม
กินไม่มูมมามฝึกมาดี
ผิวหล่อนเนียนนุ่มน่าจุมพิต
แก้มฝาดโลหิตดุจแต้มสี
หล่อนแค่เบญจกัลยาณี
เหตุใดใจพี่หวังชิดชม
ตาหนูแค่เหล่เขนิดหน่อย
ดั้งหักเล็กน้อยพอเหมาะสม
คิ้วสั้นปากหนาหน้าอ้วนกลม
ฟันห่างพอลมลอดตามไร
แค่หนูพูดจากล้าโผงผาง
แค่เดินขาถ่างกางแขนไหล่
ยามกินซวบซาบเสียงดังไกล
แค่นี้เหตุใดพี่ไม่ยล
แค่หนูยอมไปกับเขาทั่ว
แค่หนูเสียตัวมาหลายหน
แค่หนูมีผัวมาหลายคน
ทำไมไม่สนบอกหนูที ??
.............................
ปล. เอิ๊กกกก .. ขำ ๆ ง่ะ ( เขียนเองขำเอง .. ซะงั้น )
ปล.2 มองรูปแล้ว .. ฮายิ่งกว่า .. ขอบคุณคนสร้างสรรค์ภาพค่ะ ..
4 กันยายน 2548 20:24 น.
ผู้หญิงสีม่วง
โปรดอย่าเอ่ยคำถามดั่งหนามยอก
จะให้บอกกี่รอบตอบกี่หน
ถามซ้ำซ้ำจนเบื่อเหลือจะทน
หน่ายคำบ่นจากปากช่างมากความ
กับคำตอบให้ไปเข้าใจบ้าง
มันติดค้างตรงไหนจึงไต่ถาม
เหมือนเธอเป็นเจ้าหนี้ที่คอยตาม
พยายามจริงหนอพ่อเจ้าประคุณ
ฉันยกเหตุมากมายมาบ่ายเบี่ยง
เพื่อหลบเลี่ยงจากเรื่องที่เคืองขุ่น
อย่าเซ้าซี้เลยหนาโปรดการุณย์
คนเคยคุ้นอย่าต้องให้หมองใจ
ด้วยงานกลอนที่ฉันนั้นห่างเหิน
คล้ายกับเมินเลิกเขียนเอียนใช่ไหม ??
เพราะ งานยุ่ง หมดมุข และ หมดไฟ
กล่าวอ้างไปตามแต่จะแก้ตัว
จวบวันนี้พบหน้าอีกคราแล้ว
ยังไม่แคล้วซักไซ้ให้ปวดหัว
ซ้ำยังเอ่ยวาจาอันน่ากลัว
คล้ายจะยั่วให้ฉันเอ่ยเผยความจริง
คำเธอบอกออกมาว่า รออ่าน
เหตุใดนานเนิ่นแท้แม่ยอดหญิง
รีบเขียนกลอนเถิดหนาอย่าประวิง
อย่าละทิ้งคนคอยต้องน้อยใจ
เหมือนถูกไฟจี้ก้นจนแสบร้อน
ฟังเธอค่อนแล้วฉันสุดกลั้นไหว
ต่อให้ต้องบาดหมาง .. ช่างปะไร
ขี้เกียจเขียน .. เข้าใจไหม ?? ไม่ต้องรอ ..
.........................................
เนื่องจากลูกแม่จิตรชอบเซ้าซี้ถามทุกครั้งที่เจอกัน ..
เมื่อไหร่จะลงกลอน .. กลอนเมื่อไหร่จะเสร็จ ..
อยากอ่านกลอนเบญ .. บรา บรา บรา บรา ...
ไอ้เราก็อ้างนั่นอ้างนี่ไปเรื่อย .. พอให้รอดตัวไปวัน ๆ ..
จนล่าสุดก็ถามอีกแล้ว .. เมื่อไหร่จะเขียนกลอน ..
เลยตอบส่งเดชไป .. อืมมม .. เดี๊ยวจะเขียนละกัน ..
ลูกแม่จิตรก็สวนกลับทันที .. จะรออ่านนะ ..
อ้าววว .. เวงกรำ .. เล่นบอกว่าจะรออ่าน
มันเหมือนโดนกดดันให้ต้องเขียนเดี๊ยวนั้น ...
รอทำไมฟะ .. เอาไงดีหว่า .. คิดอยู่ 2 3 นาที
ตัดสินใจบอกเหตุผลแท้จริงที่ไม่ยอมเขียนกลอนสักที ..
ให้รู้แล้วรู้รอดกันไปอ่ะนะ ..
ขี้เกียจเขียนเฟ้ยยย .. ยังไม่ใช่ตอนนี้ .. ไม่ต้องรอ !!
....................... เอวังด้วยประการฉะนี้ ...........................