29 พฤศจิกายน 2548 00:07 น.
ผู้หญิงสีม่วง
คืนนี้ .. ช่างนานยาว ฉันเหน็บหนาวทั้งกายใจ
ปวดร้าวเกินทนไหว มองหาใครไม่เห็นมี
คืนนี้ .. ช่างอ้างว้าง ต้องเคว้งคว้างทุกนาที
เปลี่ยวเปล่าเหงาสิ้นดี ใจดวงนี้มันร้าวราน
คืนนี้ .. ช่างเงียบงัน อยากหลับฝันให้พ้นผ่าน
ความเศร้าจับดวงมาน แสนเหว่ว้ากว่าเคยเป็น
คืนนี้ .. เหมือนคืนก่อน ข่มตานอนช่างยากเย็น
เหม่อมองแสงจันทร์เพ็ญ ยิ่งเหงาเศร้าสะท้านทรวง
คืนนี้ .. อีกนานไหม นั่งรอให้กาลเลยล่วง
ใจเจ็บแล้วทั้งดวง คนหวงห่วงอยู่ไหนกัน
คืนนี้ .. คืนต่อไป ยังร้องไห้ไม่เว้นวัน
หรือเป็นเพราะว่าฉัน มันขี้เหงาเท่านั้นเอง
............................................
4 พฤศจิกายน 2548 00:15 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เกิดเป็นนายสบายดีแค่ชี้นิ้ว
ลูกน้องรีบวิ่งฉิวห้ามนิ่วหน้า
จะสั่งการอย่างไรให้บอกมา
เป็นขี้ข้าต้องทำตามห้ามขัดใจ
งานที่สั่งนั่งรอขอวันนี้
ได้ค่ะพี่เดี๋ยวหนูจะดูให้
เสร็จลุล่วงความดีตกที่ใคร
นายใช่ไหมรับความชอบเหมือนกอบโกย
หากเผลอทำผิดพลาดอาจถูกด่า
เตรียมรับคำต่อว่าหน้าระโหย
จะผิดจริงหรือไม่อย่าได้โวย
หัวใจถูกเฆี่ยนโบย .. โอ๊ยยย .. เวรกรรม
บ่อยครั้งนายกดดันชอบกลั่นแกล้ง
คอยทิ่มแทงด้วยวาจาช่างน่าขำ
ความเก่งกาจเกินนายอย่าได้ทำ
อาจชอกช้ำนายไม่หนุนบุญไม่มี
เพราะไม่เก่งสอพลอทำตอแหล
เลยต้องแย่ประเมินต่ำช้ำไหมนี่
ปลายปากกาห้าเปอร์เซ็นต์เห็นความดี
ชวดทุกปีนายไม่รักต้องหักใจ
เร่งมือทำจนวุ่นหัวหมุนแล้ว
ยังไม่แคล้วเรียกแต่กู เอ๊ยยย .. เรียกแต่หนูสั่งอยู่ได้
งานหายากห้ามบ่นทนต่อไป
มีผัวรวยเมื่อไหร่ .. ก็ไม่ทน !!!
......................................
1 พฤศจิกายน 2548 01:29 น.
ผู้หญิงสีม่วง
หวนคำนึงถึงวันเราฉันมิตร
หลายดวงจิตหลอมรวมร่วมเป็นหนึ่ง
มิตรภาพล้ำค่าจนตราตรึง
ต่างผูกพันลึกซึ้งถึงแก่นใจ
เคยห่วงหาอาทรไม่ซ่อนเร้น
สื่อถึงกันเช้าเย็นมองเห็นได้
ผสานความโอบเอื้อเจือห่วงใย
สมัครสมานรักใคร่ไม่เคยจาง
แต่ด้วยเหตุอันใดไม่อาจรู้
เพื่อนเคยอยู่ชิดใกล้ไยเหินห่าง
มีเรื่องให้ต้องแยกแตกสองทาง
จำทิ้งขว้างความผูกพันที่สั่นคลอน
เคยร่วมกินร่วมนอนตะลอนเที่ยว
เคยกลมเกลียวสนิทสนมชมอักษร
ร่วมตอบถ้อยร้อยรสเขียนบทกลอน
วันนี้กลับยอกย้อนถอนสัมพันธ์
คนกลางที่กลืนกล้ำจำเลือกฝ่าย
จะทางซ้ายหรือขวาต้องกล้าหัน
ทิ้งข้างไหนไม่หวนมามองหน้ากัน
ขาดสะบั้นตัดรอนไม่ย้อนคืน
เหลือเพียงเรายืนคว้างอย่างโดดเดี่ยว
อยู่คนเดียวหม่นหมองต้องทนฝืน
แม้ว่าใจเจ็บช้ำยากกล้ำกลืน
กลั้นสะอื้นสะกดไว้ในอกเรา
เมื่อผองเพื่อนไม่เหลือเยื่อใยแล้ว
เปรียบดังแก้วแตกไปไม่เหมือนเก่า
สัมพันธภาพที่แท้เหลือแค่เงา
ซึมซับเอาความเปล่าไร้ให้ชินชา
จะจดจำภาพมิตรไว้ไม่แปรผัน
หวังเพียงวันชีพสิ้นดินกลบหน้า
ด้วยกุศลผลบุญหนุนนำพา
เพื่อนคงมาร่วมใส่ดอกไม้จันทน์
.......................................