11 ธันวาคม 2546 17:31 น.
ผู้หญิงสีม่วง
ยิ่งอยากอยู่ใกล้..กลับยิ่งไกลห่าง
ยิ่งเดินยิ่งเหมือนทาง..ถูกเสริมเติมต่อ
ยิ่งปากบอกไหว..แต่ใจกลับท้อ
ยิ่งตั้งตารอ..ยิ่งเหมือนเลือนลาง
ยิ่งอยากจะได้..กลับยิ่งไม่ได้
ยิ่งคว้ายิ่งไขว่..กลับหนีไปให้ห่าง
ยิ่งอยากมองเห็น..กลับถูกเร้นอำพราง
ยิ่งเธอลาร้าง..ยิ่งผนึกกลางระหว่างใจ
ยิ่งหมดแรงรัก..กลับยิ่งเจ็บร้าว
ยิ่งอยากจะก้าว..กลับยกเท้าไม่ไหว
ยิ่งอยากเลิกรัก..กลับยิ่งลึกลงไป
ยิ่งฝืนตัดใจ..กลับยิ่งใฝ่ในกัน
ยิ่งถอยหลีก..กลับปลีกไม่พ้น
ยิ่งเหมือนอับจน..หม่นในใจฉัน
ยิ่งไม่อยากเห็น..กลับได้เห็นทุกวัน
ยิ่งตัดรักสะบั้น..กลับเหมือนถูกหั่นหัวใจ
ยิ่งฝืนรัก..ยิ่งเจ็บปวด
ยิ่งเลิกรัก..ยิ่งร้าวรวดกว่าเท่าไหร่
ยิ่งคิดไม่ออก..ว่าต้องทำเช่นไร
ยิ่งหาทางไม่ได้..ยิ่งเหมือนโง่งม..
.................................
ปล. แต่งไม่จบอ่ะ...เอ...หรือจบนะ..ปวดหัวง่ะ T T
21 พฤศจิกายน 2546 06:27 น.
ผู้หญิงสีม่วง
ไม่เคยรู้สึกกับใคร..แบบนี้
แอบยิ้มได้ทุกที..ที่คิดถึง
คอยเผลอทำหน้า..ทำตาซึ้ง
เก็บภาพเธอมารำพึง..รำพัน
เพียงแค่เธอเดินผ่าน..ใจก็แผ่ว
ได้ยินเสียงเธอแล้ว..ใจก็สั่น
อยากให้โลกหยุดการ..เลื่อนของวัน
ให้เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉัน..ตลอดไป
แต่ตัวฉันต้องละเมอ..เมื่อเธอยิ้ม
มีแววคล้ายกรุ้มกริ่ม..ตาพริ้มใส่
ก็แทบทำให้ฉัน..หยุดหายใจ
โ ล ก ยั ง ห มุ น ต่ อ ไ ป.....
.....แต่ฉันกลับถูกตรึงไว้..ใกล้ใกล้เธอ..
...............................
27 ตุลาคม 2546 09:32 น.
ผู้หญิงสีม่วง
ล้อมตัวเองด้วยผนังทั้งสี่ด้าน...
จมอยู่กับความร้าวรานวันเก่าก่อน..
เดินวนมาเวียนไปในห้องนอน..
ปล่อยให้ความรานรอน..เข้าครอบงำ
ไม่ออกไปเผชิญโลกภายนอก..
มีชีวิตอยู่เพื่อช้ำชอก..และตอกย้ำ
ถูกคนอื่นข่มเหง..ซ้ำตัวเองยังกระทำ
เป็นเจ้าของยังเหยียบย่ำ..ทำ..ได้ลง
ประโยชน์อะไรไปครวญคร่ำ..
โทษเวรโทษกรรม..กระหน่ำส่ง
ความเจ็บยังฝังจิต..เพราะยึดติดคิดมั่นคง
มัวรักเมาหลง..หากไม่ปลง..คงเจ็บนาน
เลิกโยนความผิดให้ดินฟ้า..
อย่าให้ใครตราหน้าว่าดื้อด้าน..
เราเป็นคน..ไม่ได้ถูกฝึกฝนให้ทนทาน
เถอะนะ.....
ถอดตัวจากความร้าวราน..ปลดพัธนาการให้หัวใจ
ออกมาพบเห็นสิ่งสวยงาม..
มีเรื่องมากมายให้ติดตาม..มองโลกในมุมใหม่
สูดอากาศจากโลกกว้าง..ย่อมแตกต่างออกไป
ใช้สมองนำหัวใจ..ความสุขหาได้ไม่ไกลเรา...
......................................
21 กันยายน 2546 15:59 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เหน็ดเหนื่อย..เหลือแสน
คับแค้น..จนล้นปรี่
หนักหนา..อ่อนล้าเต็มที
แรงกำลังที่มี..แทบหมดไป
ดุจกังหัน..หมุนคว้าง
ขาดลมนำทาง..หยุดเคลื่อนไหว
เหมือนน้ำหยด..รินรดกองไฟ
สิ้นเชื้อมอดไหม้..ใกล้ดับลง
แต่สิ่งใดไหน..ยืนยั่ง
มีวันผุพัง..เป็นผุยผง
เพียงตั้งจิต..คิดปลดปลง
พลาดพลั้งล้มลง..ยังคงลุกยืน
เมื่อลม..ยังพัดหวน
กังหันคงหมุนทวน..ดั่งเกลียวคลื่น
จุดไม้ขีดใหม่..แล้วใส่ฟืน
ถ่านเถ้ากลับฟื้น..คืน..กองไฟ..
หากท้อ..อย่าถอยสั่น
ล้มแล้วช่างมัน..ลุกสู้ใหม่
ขอเพียงมีฝัน..ไม่มีวันหมดไฟ
กำลังใจก่อเกิดได้..ไม่ยากเกิน
...................................
8 กันยายน 2546 09:15 น.
ผู้หญิงสีม่วง
เธอเก็บตัวอยู่ในความฝัน..อันเงียบเชียบ
ดำเนินชีวิตอย่างราบเรียบ..ภายใต้การปกป้อง
โอบล้อมด้วยกำแพง..ดุจเกราะแกร่งคุ้มครอง
บุภายในด้วยใยยอง..ฟูฟ่อง..อ่อนโยน
วันหนึ่ง..เธอก้าวออกจากเกราะ
ผิวเธอบางเปราะ..เกินรับเรื่องราวอันโลดโผน
เธอถูกรังแก..จากคนกล้าแก่..โชกโชน
เรื่องต่ำช้าหยาบโลน..สร้างความเอนโอนขึ้นภายใน
เธอขยาด..ขลาดต่อโลกอันเลวร้าย
บาดแผลบนร่างกาย..มากมายเกินรับไหว
ร่องรอยของความบอบช้ำ..รุกล้ำถึงหัวใจ
เธอ..เจ้าหญิงผู้อ่อนไหว.....
.....จะอยู่ได้อย่างไร..ในโลกแห่งความจริง
แม้โลกภายนอก..ยุ่งเหยิงและกว้างใหญ่
แต่กลับมากมาย..สร้างความสดใสให้เจ้าหญิง
ชีวิตชีวารายรอบ..กว่าการนิ่งอยู่ในกรอบไม่ไหวติง
กรอบที่อยากสลัดทิ้ง..อยากอยู่กับความจริง..ใช่เพียงเงา
หมดเวลา..ถอยหนีการรุกราน..
เธอจึงจบชีวิตในโลกจินตนาการ..ใบเก่า
และสร้างชีวิตใหม่..มีตัวตนอยู่ในโลกสีเทา
สู้ชีวิตด้วยสองมือ..สองเท้า..และกล้าที่จะก้าว..ตลอดไป
เธอเปิดศึกกับความหยาบช้า..
สร้างความเข้มแข็งจากรอยน้ำตา..และความหม่นไหม้
บาดแผลสร้างบางสิ่ง..ที่อยู่ได้ในชีวิตจริงอย่างมีไชย
นับจากนี้เจ้าหญิงจะมีหัวใจ....
.....เข้มแข็ง..ไม่อ่อนไหว..ไปตลอดกาล...
...................................