6 มกราคม 2550 15:46 น.
ผู้หญิงช่างฝัน
ลมหนาว... อ่อนแรงลงทุกที ทุกที.. คำภาวนาของฉันดูเหมือนจะไร้ผล...
ฉันปลอบใจตัวเองว่า ... แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ
แต่ฉันก็ยังได้มีโอกาสสัมผัสถึงความอบอุ่นแห่งสายลมหนาวนี้นี่นา
แม้ว่าจากนี้.. จะได้แต่รอเวลา และหวังว่า.. ลมหนาว.. จะมาเยือนฉันอีกครั้ง..ในเร็ววัน..
วันนี้... ฉันปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปถึงใครต่อใครอีกแล้ว
คุณเป็นอะไร.. / ..ไม่สบายใจเรื่องอะไร มีคนถามฉันเมื่อคืนนี้
เปล่า.. ไม่ได้เป็นอะไร
แค่รู้สึก.. เหมือนตรงนี้ไม่มีใคร.. แค่รู้สึก.. ว่ า ง เ ป ล่ า และ ห ด หู่
(ประโยคนี้.. ฉันได้แต่นึกอยู่ในใจน่ะ )
จริง ๆ แล้ว มีความรู้สึกมากมายที่ฉันอยากบอกเล่าให้ใครนั้นได้รับรู้..
แต่เมื่อฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่า เพื่ออะไร.. ฉันจึงได้แต่เก็บมันไว้ ..ข้างใน..
เพราะบางอย่างถึงพูดไป.. เขาก็คง .. ไม่ได้ยิน ..
.. ผู้หญิงช่างรู้สึก...
ฉันชอบเรียกตัวเองอย่างนี้...
เพราะดูเหมือนความละเอียดอ่อนของความรู้สึก
มันระริกไหวอยู่ในสายเลือดฉันอยู่ตลอดเวลา จนอดนึกระอาตัวเองไม่ได้..
.. ผู้หญิงช่างคิดเล็กคิดน้อย ..
แต่กลับมีบางคนชอบเรียกฉันอย่างนั้น... และฉันก็ ช่ า ง เ ป็ น
อย่างที่เค้าเรียกจริง ๆ เสียด้วยสิ..
ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบนัก แต่ฉันว่า.. มันฟังดูดีกว่าคำว่า ฟุ้งซ่าน มากเลยนะ
..
ฉันนึกไปถึงคำสนทนาของค่ำหนึ่ง...
เมื่อครั้งนึกอยากให้ใครบางคนที่ทำให้ฉันรู้สึกวุ่นวายใจ.. หายไปจากชีวิต..
คุณต้องการให้เขาหายไปจากชีวิตคุณแบบไหน?
ไม่รู้.. หายไป.. เหมือนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยใกล้ชิด... เหมือนคนแปลกหน้า
ฉันไม่รู้หรอกว่า... ถ้าใครคนนั้น หรือคนอื่น.. หายไปจากชีวิตของฉันจริง ๆ
ฉันจะมีความสุขและสบายใจกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้หรือไม่
หรือฉันอาจจะต้องเสียใจ.. ทุกข์ทรมานใจยิ่งไปกว่าเดิม
ที่สำคัญกว่านั้น..
คือฉันไม่รู้ว่า อย่างใดกันแน่.. ที่ฉันต้องการ
และเพราะเจ้าความไม่รู้ทั้งหลายนี่เอง ที่ทำให้ฉันยังคงว้าวุ่น.. สามวันดีสี่วันป่วยอยู่อย่างนี้
หรือว่า.. ฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตใคร ๆ
อย่าเป็นแบบนี้บ่อยนะ คำที่ฉันฟังจนชินหู..
และอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงว่าคนที่พูดกับฉันแบบนี้ก็คงจะชินปากไปแล้วเหมือนกัน
* ...จนเวลานี้ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจริง ๆ แล้วรู้สึกอย่างไร
บางครั้งเหมือนความสุขวิ่งเข้ามาเต็มหัวใจยามที่อยู่ใกล้ ๆ
บางครั้งก็เหมือนเหนื่อยหน่ายที่จะรู้สึกอะไร...
.. บางวันเหมือนไม่รู้สึกอะไรสักนิด แต่ยามจากมา กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรมาทับถม
เต็มล้น หนักอื้งอยู่ข้างใน อยากหวนคืนกลับไปพูดคุยด้วย อยากไปซุกตัวใกล้ ๆ ...
.. แต่ทุกครั้งที่รู้สึกอย่างนี้ สิ่งที่ตามติดมาด้วยเสมอ ๆ คือ.. ก า ร เ จ็ บ ลึ ก ... *
ฉันหยิบเอาอารมณ์ ..คนชื่อขลุ่ยเขียน.. มาวางแทนความรู้สึกตัวเอง
เอาน่า..
ฉันยังหวัง... ความอบอุ่นแห่งสายลมหนาว คงจะมาเยือนฉันอีกครั้ง ในเร็ววัน..
26 ธันวาคม 2549 19:31 น.
ผู้หญิงช่างฝัน
ลมหนาว.. มาเยือนอีกครั้ง
ฉันภาวนาให้ลมหนาวของปีนี้ ..หนาว.. นาน.... กว่าปีก่อน ๆ
ลมหนาวทำให้อารมณ์ฉันละเมียดละไม..อ่อนไหวต่อความรู้สึกเสมอ
ฉันคงคิดไปเองอีกแล้วสินะ..
ท่ามกลางอากาศเย็นเยียบ และเงียบสงบของคืนค่ำ
เป็นอีกคืน.. ที่ฉันละทิ้งสิ่งที่ควรทำ นั่นคือกองหนังสือเล่มหนา ๆ ห้าหกเล่ม
ที่มีคนหยอกฉันอยู่ทุกบ่อยว่า... อย่าเข้าไปใกล้นะ เดี๋ยวง่วง หรือ..
เสียงใส ๆ อย่างนี้ แสดงว่าไม่ได้อ่านหนังสือหรอก และอีกสารพัดคำหยอกเย้า
ที่คนมองโลกในแง่ร้ายอย่างฉันอยากจะเรียกว่าเหน็บแนมนัก
....
ฉันนั่งอ่าน บันทึกความรู้สึก เก่า ๆ ที่เขียนไว้เมื่อยามคิดถึงคนนั้น.. ฝันถึงคนนี้...
ฉันชอบคำที่บางคนเรียกว่า จดหมายใจ นะ
แต่บันทึกของฉันไม่มีภาษาสวย ๆ คำหวาน ๆ เหมือนอย่างนั้น
แถมไม่แน่ใจอีกด้วยว่า.... ฉันใช้หัวใจเขียนมันหรือเปล่า ..
รู้แต่ว่า.. ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ฉันไม่อยากปล่อยให้ผ่านเลย..
.. รื้ออารมณ์ ...
ฉันชอบคำนี้..
อาจเป็นเพราะฉันทำบ่อย เป็นบ่อย...
บ่อยจนหลายคนนึกรำคาญ กับอีกบางคนที่แม้จะไม่รำคาญ แต่ก็เบื่อ...
เบื่อความรู้สึกแย่ ๆ ที่ฉันเป็น..
เบื่อที่ฉันไม่ยอมพาตัวเองออกมาจากความรู้สึกนี้เสียที
.. อย่าเบื่อฉันเลยนะ.. แค่เบื่อตัวเองฉันก็แทบแย่แล้ว..
....
เมื่อเวลาล่วงเลย อาจมีบ้างที่เราหลงลืมไปว่า.. รู้สึกแรกแห่งการพบ.. เป็นเช่นไร..
หลับตา ทบทวนรู้สึกนั้น.. อุ่ น ห ว า น.. ยังจำ
ประโยคที่เคยไปตอบไว้ในงานงานหนึ่ง..
ด้วยหลายครั้ง.. ยามที่อารมณ์และความรู้สึกพาฉันออกไปจากจุดศูนย์กลาง
ไม่ว่าจะด้วยแรงเหวี่ยงของใครต่อใคร หรือเพราะความเป็นไปของตัวเอง
ฉันมักหลงลืมความรู้สึกดีดี ที่ฉันเคยได้รับ...
ฉันมักแปรเปลี่ยนความรู้สึกนั้น ให้เป็นความชัง..
ด้วยหวังว่ามันจะทำให้ฉันตัดใจจากอะไรอะไรได้ง่ายขึ้น...
ทำไมคุณนึกถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง..?
คนที่ถามฉันแบบนี้.. คงไม่รู้หรอกว่า..
ฉันเก็บเอาคำถามนั้นมา..และจมกับมันอยู่นานขนาดไหน...
ฉันนึกถึงแต่ความรู้สึกตัวเองหรือ ?.. แล้วทำไมจึงมีคนบอกฉันว่า..
ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างเถอะ..
อย่าเก็บความรู้สึกคนอื่นมาทำให้ตัวเองรู้สึกแย่เลย ฯลฯ
.. แท้แล้ว.. ฉันเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ..
ช่างเถอะ.. ฉันก็แค่รำพึงรำพันไปอย่างนั้นเอง
เพราะยามนี้... ฉันอยากทบทวนและดื่มด่ำอยู่กับรู้สึกนั้น .. อุ่น.. หวาน.. ยังจำ..
ฉันคิดถึงความรู้สึกเก่า ๆ เหล่านั้นจัง...
.. คิดถึง.. ตาคนนั้น
.. คิดถึง.. ตาคนนี้
คิดถึงสิ่งดีดีที่ได้เกิดขึ้นกับฉัน..
คิดถึงบางสัมพันธ์อันห่างไกล.. ที่แค่ เ พี ย ง ห ลั บ ต า..
ก็เสมือนว่าได้ชิดใกล้ จ น ริ น ล ม ห า ย ใ จ ร ด กั น..
.. ค่ำคืนนี้.. ฉันขอมีความสุขอยู่กับการได้รำลึก นึกถึง..
ฉันจะเลือกรื้ออารมณ์.. เฉพาะในส่วนที่ดีดี ความรู้สึกดีดี..
ขอมีความสุขสักคืนเถอะนะ... ฉันบอกตัวเอง..
1 ธันวาคม 2549 09:04 น.
ผู้หญิงช่างฝัน
ไม่นานมานี่เอง ที่เราต่างเป็นคนแปลกหน้า
คุณก็อยู่ของคุณ... ชีวิตที่อย่างไรก็แทบไม่มีวันที่จะโคจรมาพบ
โลกของเราห่างไกลและกว้างใหญ่จนเหมือนไม่มีทางที่จะได้เจอะได้เจอ
ไม่เคยคิดว่า คุณที่ห่างไกลเหลือเกิน งดงามเหลือเกิน
จะกลายมาเป็นคุณ คนดีที่ดีที่สุดของชีวิต ในยามนี้
ใครจะคิด .. ไม่เคยคิด ไม่เคยรู้สึกว่าจะได้อะไรที่ยิ่งใหญ่เท่านี้
การได้พบคุณ ผูกพันกับคุณ น้ำใจของคุณที่แสดงออก ความเอื้ออาทรที่คุณมีให้
เป็นอะไรหลายสิ่งที่สมบูรณ์แบบในตัวคนคนเดียวอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้พบ
เมื่อพบคุณครั้งแรก ก็รู้สึกเสมอว่าคุณเป็นคนอย่างไร
คำพูดที่ว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ นำมาใช้ไม่ได้กับคุณ
เห็นหน้าคุณครั้งแรกก็เหมือนเห็นไปถึงใจของคุณ ใจของคนที่อยู่ในสังคมเมือง
ใจของคนอ่อนโยน ที่สังคมเมืองเกือบทำให้แปรเปลี่ยน
แต่ใจของคุณทั้งโอนอ่อนทั้งเข้มแข็งในเวลาเดียว ผสมผสานอยู่ในความเป็นคุณ
บางสิ่งบางอย่างจึงขัดแย้งกันไปมาในช่วงอารมณ์แปรเปลี่ยนไปตามภาวะ
แต่เนื้อใจจริง ๆ ของคุณ ใสสะอาดเกินกว่าจะตามกระแสสังคมเมืองได้
สั ง ค ม เ มื อ ง... ทำให้เนื้อใจหลายคนกลายเป็นวัตถุใจ
เหมือนเลือดเนื้อไม่มี หยาบเกินที่จะใช้คำว่า ด้านชา
จึงรู้สึกเหนื่อยที่จะพบเจอสิ่งเหล่านี้ และเมื่อมาเจอคุณ คุณที่แปลกแยกออกมา
จึงเหมือนเป็นสิ่งดีในชีวิตที่ช่วยพยุงให้ชีวิตสูงขึ้นจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่
เ มื่ อ เ จ อ อุ ป ส ร ร ค ใ น ชี วิ ต คุณจึงเป็นคนแรกที่นึกถึง
เป็นสีความดีที่อยู่ในใจ ให้ใจพยุงขึ้นเสมอ เมื่อรู้สึกตกต่ำ
ในสังคมเมืองที่ดำรงอยู่เช่นทุกวัน..
- - คุณจึงเป็นคนดีของชีวิตเสมอมา - - ที่ทำให้ความเหนื่อยล้าตรงนี้
เบาบางลงได้ ไม่ยากเย็นนัก
14 พฤศจิกายน 2549 10:46 น.
ผู้หญิงช่างฝัน
คุณเหนื่อยมั้ย...?
จำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ถามคุณแบบนี้ มันนานแค่ไหนแล้ว...
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นคุณยิ้ม คุณหัวเราะ คุณสดใสในแบบที่คุณเป็นอยู่เหมือนเดิม
หรือเป็นเพราะที่ผ่านมา ได้แต่คิดถึงเพียงความรู้สึกตัวเอง.. ให้ความสำคัญกับตัวเอง
จนหลงลืมความรู้สึกของคนรอบข้างเหมือนที่คุณว่า...
จนความฝันเมื่อคืนนี้...
คล้ายกับได้ยินน้ำเสียงอันเหนื่อยหนักแฝงอยู่ในเรื่องราวสนุกสนานของคุณ
คนดี... เพียงเท่านี้หัวใจก็ไม่อาจนิ่งเฉย...
คุณเหนื่อยหรือ..? อยากถามคุณอีกครั้ง.. อย่างอ่อนโยน
อยากให้คุณรู้สึกถึงความอาทรที่มีให้คุณสม่ำเสมอ
อยากแบ่งปันแม้เพียงเศษเสี้ยวความเหนื่อยหนักจากคุณมาได้บ้าง ..
คุณคอยแต่แบกรับปัญหาคนอื่น ปลอบโยนใครต่อใคร สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ให้กับคนที่อยู่ใกล้ชิดคุณร่ำไป
คุณคนดี...
แล้วเวลาคุณร้องไห้.. คุณมีใครอยู่เคียงข้าง คอยปลอบโยนคุณ ..
ทำให้คุณหัวเราะได้เหมือนที่คุณทำให้คนอื่นหรือเปล่า.... คุณมีหรือเปล่า...
ชีวิตคนเราเกิดมา.. ถ้าได้เป็นเจ้าของตัวเองก็คงดี..
หรือถ้าได้เป็นเจ้าของคนอื่นก็คงดี หรือถ้าคนอื่นเป็นเจ้าของเราก็คงดี...
ความหมายคงมีมากกว่าแค่พูดเรื่อยเปื่อยสินะ
อย่าหมดกำลังใจนะจ๊ะ.. คนดี
คุณคนดี...
หวังว่าวันนี้คุณจะยิ้มได้... ก็คุณไม่ชอบอยู่กับมันนาน ๆ นี่นา
ฝากถึงความเหนื่อยหนักในวันนี้
คงสัมผัสปรารถนาดีที่มีได้
รับรู้สึกจากฝั่งฟ้าทะเลไกล
ที่ส่งผ่านความห่วงใย... มาให้คุณ
นึกขอบคุณกาลเวลาเสมอ ๆ ที่นำพามาพบคุณ คุณที่เป็นคนดี..
ไม่ใช่เพียงเพราะสิ่งดีดีที่คุณทำให้.. แต่เป็นเพราะ หั ว ใ จ ดี ดี ของคุณต่างหาก
ห่วงคุณนะ.. คนดี