เงียบงำ...
ในห้องแห่งทรงจำ ณ ค่ำนี้
เลือนรางห่างหายไปทุกที
ความอบอุ่นที่เคยมีในหัวใจ
กาลเวลา..
มิอาจย้อนคืนมาใช่หรือไม่
ผ่านมาแล้ววันวารย่อมผ่านไป
เอื้อมคว้าเอาไว้ได้เพียงอาวรณ์
จากนี้...
คงไม่มี..เหมือนกันกับวันก่อน
ทิ้งไว้เพียงเรื่องเล่าขานผ่านคำกลอน
เอาไว้ย้อนคำนึง.. คิดถึงกัน
โอ้หนอความเศร้า... ไยเป็นเงาตามติดชีวิตฉัน ราวกับเป็นคู่แท้แต่ปางบรรพ์ เคยสัญญาผูกพันต่อกันไว้ ทุกครั้งที่หวังวาด... ก็มิอาจสมจิตพิสมัย ให้เวลาชั่วเอมอิ่มกระหยิ่มใจ มิทันได้ตักตวงก็ทวงคืน แค่เพียงไม่นาน... เจ้าเป็นผ่านพัดพรมความขมขื่น เข้าสลายทุกหวังให้พังครืน คอยหยัดยืนเคียงข้างอย่างภักดี โอ้หนอความเศร้า... ไยคลอเคล้าตามติดทุกทิศที่ ความเมตตาหลงเหลือถ้าเผื่อมี ปล่อยฉันทีเถิดหนา..อย่าอาลัย
แผ่วผ่าว... ความรักพราวพร่างพรมห่มใจฉัน อาจเบาบางแต่เนิ่นนานผ่านคืนวัน แหละจักเป็นเช่นนั้นนิรันดร์ไป ความรัก.. ยังระบัดพลิ้วอยู่เธอรู้ไหม แม้กายห่างไม่คลายห่วงยอดดวงใจ บนเส้นทางห่างไกล..เราใกล้กัน ล่องลอย.. ฉันปลดปล่อยหัวใจไปตามฝัน ไม่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวใดให้ผูกพัน อิสระ.. กับคืนวันที่ผ่านเลย เงียบงำ.. ทุกอารมณ์ดื่มด่ำมิพร่ำเผย ตราบเรายังอวลอุ่นในคุ้นเคย แม้มิเอ่ย.. หากสดับคงรับรู้ คิดถึง.. ครวญคะนึงตามที่จิตมีสิทธิ์อยู่ ลองหลับตาฟังเสียงใจคนไกลดู ก็จะรู้ยังแผ่วหวานเช่นผ่านมา
สิ้นหวัง ตราบที่ "ความถูกต้อง" ถูกมองข้าม ยึดเพียงความ "ถูกใจ" เป็นที่ตั้ง อนาคต "ประเทศไทย" ซึ่งใกล้พัง คงหมดหวัง "สงบ เย็น" เหมือนเช่นเคย
หัวใจเราอยู่ที่ไหนใครรู้บ้าง บนเส้นทางรางเลือนเหมือนความฝัน สิ่งสมมติจุดนิยามไปตามกัน เป็นฉากชั้นเกินแก้แลเปิดใจ หัวใจเราเราย่อมรู้อยู่ว่ารัก ของเราภักดิ์มั่นคงอยู่ตรงไหน บางครั้งสิ่งที่เห็นว่าเป็นไป.. อาจมิได้เสี้ยวหนึ่ง-ครึ่งความจริง.. จึงไม่อาจห้ามปรามในความคิด เกินปัด ปิด พิสูจน์ได้ ในทุกสิ่ง ปล่อยทุกอย่างเลยล่วงมิท้วงติง จริงไม่จริง... ตอบได้เพียงใจเรา ..