5 มีนาคม 2553 14:51 น.
ผีเสื้อดำ
..เมื่อไม่ชิมจะรู้รสกระนั้นหรือ
เมื่อไม่ฝึกปรือจะชำนาญไหม
เมื่อคุณไม่กล้าก้าวเท้าออกไป
แล้วคุณจะรู้ไหมว่าน่ากลัว..
ฉันเห็นแล้วคุณก็จะรู้
คืนวันหนึ่ง...
ฉันกำลังอยู่ในดินแดนที่แสนประหลาด
ฉันอยู่ ณ ห้องสี่เหลียมน่ากลัว มีไฟกระพริบสลับสี
ฉันเห็นสิ่งต่างๆหลากหลายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ฉันเห็นผู้คนมากมายแปลกหน้าแปลกตาผิดกับมนุษย์ที่ฉันรู้จัก
ฉันเห็นเห็นผู้หญิงนุ่งห่มผ้าที่ฉีกๆขาดๆ เผยแข้งขาอ่อนอันขาวนวลผ่องออก
ฉันเห็นร่องนมอวบสันจากเสื้อที่ปิดไม่มิด ตรงร่องนั้นแทรกไปด้วยเศษกระดาษหลากสี
ฉันเห็นหญิงบางคนนั่งเคลียคลอรุมล้อมชายที่บนใบหน้าแห้งหยาบมีตีนกาและรอยย่นลึก
ฉันเห็นหญิงบางคนยืนส่ายสะโพกทำท่าทางแปลกแปลกหมุนรอบเสา โดยมีคนข้างล่างมุงดู
ฉันเห็นพวกเขามีความสุขที่ได้อยู่ในดินแดนแห่งความมืดสลัว มีแสงสีไฟส่องกระพริบตลอดเวลา
ฉันเห็นประตูที่เปิด มีคนเริ่มทยอยเดินออก แล้วฉันก็ตามพวกเขาออกไป
ฉันเห็นแสงสว่างจ้าส่องกระทบใบหน้า
ฉันทอดสายตามองออกไปยังรอบๆตัว พลันต้องตกตลึงชะงัก
ฉันเห็นเสาทรงกระบอกสี่เหลี่ยมโตสูงเหยียดฟ้ามีผู้คนเดินเข้าออกจากโคนเสา
ฉันเห็นผู้คนเดินเบียดเสียดชิดกันแน่นราวกับกองทัพมดที่บ้านในยามที่มันอพยพย้ายหนีฝน
ฉันเห็นบนท้องฟ้ามีนกยักษ์ส่งเสียงร้องดังก้องกัมปนาทและแมลงปอตัวยักษ์บินไปบินมา
ฉันเห็นคนอยู่ในหัวของมดยักษ์ที่มีล้อแทนขาขยับเรียงตัวกันเป็นแถว เคลื่อนตัวไปยังข้างหน้าอย่างเร็ว
แต่ต้องหยุดเมื่อมีไฟสีแดงตรงปลายเสาส่องสว่างจ้าออกมา
ฉันเห็นผู้คนมากมายเข้าไปอยู่ในจอแก้วตัวเล็กๆบางภาพมีคนตายสลับกับคนทะเลาะต่อยตี
ฉันเห็นเด็กนั่งแบมือ บ้างแข้งขาขาด บ้างมีครบทุกส่วน
ฉันเห็นคนถือประเป๋าวิ่ง
ฉันเห็นหญิงแก่วิ่งตามร้องลั่นช่วยด้วย ช่วยด้วย
ฉันเห็นผู้คนเดินผ่านไปโดยไม่สนใจกับเรื่องเกิดขึ้น
ฉันเห็นมีปลาลอยตาย ข้างๆแม่น้ำมีกระบอกปล่อยควันดำและน้ำกลิ่นเหม็นตุๆลงในแม่น้ำ
ฉันเห็นคนที่อยู่ในดินแดนแห่งความมืดสลัวมีแสงสีไฟส่องกระพริบตลอดเวลา เดินโซเซเสื้อผ้ามอมแมม ฉันเห็นชายสี่ห้าคนแก้ผ้าส่วนล่างรุมล้อมเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอโดนปิดปาก โดนกดแข้งขามือแน่น แววตาของเธอช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน
แล้วพวกเขาก็ฆ่าเธอ
ทำไมพวกเขาต้องทำเธอด้วย? เธอผิดอะไร?
ดินแดนน่ากลัวเช่นนี้มีด้วยเหรอ?
ทำไมฉันพึ่งเคยเห็น?
แล้วฉันก็เห็นมดยักษ์ตัวหนึ่งวิ่งมาตรงยังหน้าฉันแล้วมันก็ทับร่างฉันเละ
ฉันสะดุ้งตื่น
ตัวสั่น เหงื่อโซมกาย เอื้อมมือลูบคลำร่างยังอยู่ครบ ฉันฝันไป
ฉันเดินตรงไปยังขอบหน้าต่างบ้าน ทอดสายตามองออกไปรอบๆ
ฉันเห็นดินแดนที่ฉันอยู่
ฉันเห็นแสงอ่อนๆทอประกายแสงจากขอบเขาที่เขียวขจี มีนกตัวน้อยๆบินออกมา
ฉันเห็นทุ่งนากว้าง มีกระท่อมของพ่อฉันอยู่ตรงใต้ต้นมะม่วงยักษ์ ฉันจำได้คุณย่าเล่าว่าเป็นคนปลูกมันกับมือ
ฉันเห็นธารน้ำกำลังไหลลงสู่นา มีหมูตัวน้อยๆลงเล่นน้ำอย่างไม่รู้หนาว ฉันเห็นควายถูกจูงออกมาจากคอก
มีเจ้าสุนัขตามหลังมันต้อยๆ ฉันเห็นผู้คนกำลังกุลีกุจอทำงานของตนเองตามที่ถนัด บ้างนั่งให้ข้าวไก่ บ้างกวาดบ้าน บ้างทำอาหารหุงข้าว และมีพ่อเฒ่าแม่เฒ่าล้อมวงกันนั่งผิงไฟ พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ฉันเห็นแม่กำลังนั่งก่อไฟ
นึกถึงเรื่องที่ฉันฝัน มันจะมีจริงไหมหนอที่ดินแดนเช่นนั้นจะเกิดขึ้น
โลกใบนี้ยังสวยงามเสมอใช่ไหม? ไม่มีวันเปลี่ยนไปใช่ไหม?
ใช่ไหม?
ขอความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ได้ไหมค่ะ?
4 มีนาคม 2553 14:59 น.
ผีเสื้อดำ
เรื่องเล่าในดินแดนแห่งผู้มีความรักที่นิรันดร์
แสงแดดอ่อนในยามเช้า โปรยแสงสะท้อนส่องกระทบเกล็ดเม็ดน้ำค้างที่ติดตามใบหญ้ามองเห็นเป็นประกายระยิบระยับดุจเพชรเม็ดงามที่ถูกเจียระไนมาอย่างดี
พระพายโชยแผ่วเบา
ในแววตาของพ่อเฒ่ากุมาที่นั่งเอนกายอยู่ใต้โคนไม้มะค่า ดูเม่อลอยคล้ายท้องฟ้าสีทึมในวันที่ไร้เมฆ รอยย่นและตีนกาบนใบหน้าอันแห้งหยาบดูราวกับหลุมลึกพื้นดินที่แห้งปริแตก แกจะมานั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับเจ้ามุ้ย-สุนัขร่างผอมสีดำ คิดถึงวันหนึ่งเมื่อเขาพึ่งจะรู้จักกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต คนสองคนที่รักกันหัวเราะมีความสุขด้วยกันจนเหมือนมีสายเลือดที่เป็นเส้นเดียวกัน เมื่อคนหนึ่งต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ คนที่เหลืออยู่ก็เหมือนมีชีวิตที่ขาดลมหายใจ
ธรรมชาติได้สร้างให้มนุษย์มีการพลัดพรากจากกัน
ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถอยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาตินั้น
หลายครั้งที่พ่อเฒ่ากุมาทอดสายตามองออกไปยังกลางทุ่งนาอย่างอ้างว้างจนบางครั้งเผลอหลับไป ฝันร้ายต่างๆนานา สะดุ้งตกใจตื่น หน้าซีดตัวสั่นดิกๆร่างชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อ ฝันเห็นคนรักตอนที่หล่อนจากไป พ่อเฒ่ากุมาอดไม่ได้ที่จะก้มหน้ามองยังมือที่กำแน่น เส้นเลือดโปนออกมาเห็นชัด เขาโกรธที่เธอทิ้งเขาให้อยู่บนโลกนี้เดียว โลกที่ครั้งหนึ่งคนรักของเขามีชีวิตนั้นช่างงดงาม เมื่อเธอจากไปโลกที่เคยงดงามโลกนี้ก็ไม่เหลือเค้านั้นอีกเลย
คนสองคนที่มีรักแท้มั่นคงต่อกันแม้อีกคนหนึ่งจากไปคนที่เหลืออยู่ก็ยังมั่นคงในรักนั้นอยู่เสมอ โดยไม่มีรักแทนรักเดิมที่มีอยู่ ต้องทนรักกับความรักที่จากไป เป็นความรักอันว่างเปล่าแม้ว่าจะไม่มีประโยชน์อันใดเลยที่จะได้รับ นอกจากความทุกข์ทรมานหัวใจ
พระอาทิตย์คล้อยข้ามศีรษะไป แดดยามบ่ายอ่อนแสง
พ่อเฒ่ากุมาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า แกจะมีชีวิตรอให้ความตายมาเยือนได้นานแค่ไหน แกคิดถึงวันข้างหน้าถ้าเขาแก่ลงอีก คงจะลำบากที่จะเดินจากบ้านมาอยู่ที่ตรงนี้อีก พ่อเฒ่ากุมาไม่นึกเสียใจเลยถ้าเป็นอย่างนั้นมาจริงๆแกจะยังทำ ต่อให้ไม่มีแรงเดินก็จะคลาน เพราะที่ตรงนี้ครั้งหนึ่งเคยมีหญิงงามที่สุดในโลกสำหรับสายตาของเขา นอนบนตักเขาดูพระอาทิตย์ในยามเย็นที่กำลังค่อยๆลับขอบฟ้าด้วยกัน
ถ้าโลกขาดความรักไป มนุษย์จะยังสามารถมีชีวิตให้สุขได้ไหมความรักคือสิ่งที่สร้างสรรค์ให้โลกดูมีสุขขึ้นมามีชีวิตชีวามีรสชาติ
อาทิตย์ยามทิวาเคลื่อนคล้อยต่ำลง แดดเริ่มอ่อนแสงฝูงโคกระบือทยอยกลับยังคอกโดยมีสุนัขตามหลังต้อยๆชาวนาชาวไร่หาเช้ากินค่ำกลับคืนสู่บ้านเพื่อพักผ่อนกายยังชีวิตในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ความมืดเริ่มปกคลุม มีให้เห็นเพียงแสงพระจันทร์และดวงดาว นกกาหว่าส่งเสียงร้อง เสียงนกฮูกร้องแข่งเสียงไผ่ที่เบียดเสียดกัน ฟังดูน่ากลัวร
พ่อเฒ่ากุมายังยังนอนทอดตัวกอดกายอยู่ใต้โคนไม้มะค่าตรงสถานที่แห่งนี้ แกกับคนรักมานั่งหัวเราะมีความสุขด้วยกัน บางครั้งเธอแอบซุกนอนอยู่ในอ้อมตักของแก ราวกับลูกที่กำลังอ้อนแม่ แต่ภาพเหล่านั้นมันคงเหลือเพียงแต่ความทรงจำ
ดึกแล้วพ่อเฒ่ากุมายังไม่ขยับเขยื้อนกายใดๆยังคงนอนไปอย่างมีความสุขหลับใหลไปอย่างไร้ความทุกข์ เหมือนกับว่าคืนนี้แกจะไม่กลับไปนอนที่บ้านของตนเอง
ใบไม้ที่ร่วงลงบนพื้นดิน ย่อมมิอาจกลับคืนติดเช่นเดิม สายน้ำธาราที่ไหล ย่อมไม่ไหลย้อนทวนกลับ ร่างวิญญาณที่หลับใหลจากโลกไปก็ย่อมไม่เข้ามากลับร่างดังเดิม
โอ้...อนิจจา พ่อเฒ่ากุมากำลังจากโลกนี้ไปแล้วคืนนี้แกจะนอนหลับที่นี้จะไม่ตื่นอีกแล้ว พ่อเฒ่ากุมาไปอย่างที่ไม่มีวันกลับ ปล่อยเหลือไว้เพียงร่างที่ไร้วิญญาณนอนทอดกายอยู่ใต้โคนไม้มะค่า ปล่อยให้เสียงร่ำร้องคร่ำครวญดังกึกก้องปฐพี นับแต่เช้าพรุ่งนี้ จะไม่มีภาพของชายแก่มานั่งอยู่แล้ว
พ่อเฒ่ากุมาได้ทำหน้าที่ของการมีรักที่นิรันดร์อย่างแท้จริงโดยที่ตลอดระยะเวลากว่า50ปีเขาได้มานั่งระลึกถึงคนรักที่จากไป เขาจำสัญญาที่ให้ไว้แก่เธอในตอนที่เธอกำลังจากโลกนี้
เธอตายด้วยโรคไข้ป่าอย่างทรมานแต่ในหัวใจของเธอมีสุขยิ่งกว่าสุขใดในโลก เธอสิ้นลมหายใต้อ้อมแขนของพ่อเฒ่ากุมา
นี่หละความสุขของเธอ ที่ได้ตายใต้อ้อมแขนของคนที่เขารัก
แต่เธอปล่อยให้พ่อเฒ่ากุมาต้องทุกข์ทรมานหัวใจ เขาจะมีชีวิตเพื่อเธอ แกจำได้เสมอที่แกพูดไว้ เป็นประโยคสุดท้ายที่เธอได้ยิน แล้วเธอก็สิ้นลมหายใจจากไป
นับแต่นี้เป็นต้นไป โลกจะได้จารึกชื่อของ กุมา ไว้ในปฐพี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ไว้ว่า ณ ที่ตรงนี้ คือ สถานที่สุดท้ายของชายผู้มีรักนิรันดร์
จงหลับใหลไปเถอะ พ่อเฒ่ากุมา ท่านได้ทำให้โลกรู้แล้วว่าท่านคือ ชายที่มีรักนิรันดร์ตลอดกาล เราจะจำไว้เสมอว่าท่านพ่อเฒ่าคือคนในลำดับต่อไปที่ทำให้พวกเรารู้ว่าอย่างน้อยก็ยังเหลือคนเช่นท่านพ่อเฒ่าอีก
ขณะที่ร่างพ่อเฒ่ากุมาหลับใหลไปอย่างไร้ชีวิต เจ้ามุ้ยพลางส่งเสียงร้องออกมา พร้อมๆกับเสียงสะอื้นจากสายลม เป็นการไว้อาลัยในยามครั้งสุดท้าย แก่วิญญาณของผู้มีความรักนิรันดร์ ที่กำลังล่องลอยโบยบินขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ตามคนรักที่จากไป...