18 มกราคม 2548 09:38 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
เจ้ามอม
ความซื่อสัตย์ ความรัก และ การพลัดพราก
เรื่องนี้ผมเคยอ่านเมื่อตอนเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ด้วยความชอบ จึงนำมาเรียบเรียงผสมผสาน โดยการใหม่เอาเค้าโครงเรื่องที่จำได้มากล่อมเกลาใหม่
..เมื่อครั้งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังมีบ้านเรือนสองชั้นที่ถูกปลูกสร้างขึ้นด้วยไม้ทั้งหลัง ชั้นล่างเป็นใต้ถุนโล่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าสุนัขผู้ซื่อสัตย์ ที่ชื่อว่า เจ้ามอม ขนของมันฟูฟ่องสวยงามมาก ก่อนหน้านี้เคยมีคนหลายสิบคนมาขอ แต่ผู้เป็นเจ้าของไม่ให้ใคร เพราะชอบในความสวยและแสนรู้ของมัน ฝ่ายเจ้ามอมรู้เพียงว่ามันมีนายผู้หญิงและนายผู้ชายที่มันรักมาก เขาอาศัยบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน เจ้ามอมเป็นสุนัขเพศผู้
..เหตุการณ์ ณ. ช่วงเวลานั้น ไม่ค่อยดีซักเท่าไร พอเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นทีไรชาวบ้านต่างวิ่งกันโกลาหล รวมทั้งนายผู้หญิงและนายผู้ชายด้วย ทั้งสองพาเจ้ามอมหนีลงไปอยู่ในหลุมหลบภัย ที่นายผู้ชายและเจ้ามอมช่วยกันขุดไว้โดยมันใช้สองขาหน้าขุดคุ้ยเอาตามประสา เงียบเสียงระเบิดเมื่อไรก็ค่อยค่อยแอบกันขึ้นมา
..มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างที่นายผู้ชายออกไปทำงานนอกบ้าน มีตาแปะปั่นจักรยานสองล้อผ่านเข้ามาหาซื้อถ้วยชามทั้งใหม่และเก่า เสียงตาแป๊ะคุยกับนายผู้หญิงอยู่ครู่หนึ่ง เจ้ามอมพอเดาเหตุการณ์ได้ว่านายผู้หญิงของมันออกมาบอกว่าไม่ขาย เจ้ามอมเห็นดังนั้นมันก็เห่าไล่ออกไป นายผู้หญิงเห็นดังนั้นก็เอ็ดเชิงหัวเราะอย่างเอ็นดูเจ้ามอม ส่วนตาแปะก็รีบปั่นจักรยานออกไป ครั้นพอนายผู้ชายกลับจากทำงาน มันก็ช่างประจบประแจงจนนายผู้ชายมีอารมณ์ขันต้องเล่นกับมัน
หลายเดือนต่อมา...ประเทศไทยถูกญี่ปุ่นบุกหนัก จนกระทั่งนายผู้ชายต้องถูกทางการเรียกตัวไปเกณฑ์ทหาร ก่อนที่นายผู้ชายจะไปนายผู้หญิงได้ตั้งครรภ์ประมาณสองเดือนเศษ
นี่ก็ผ่านหลายเดือนแล้ว ที่นายผู้ชายปล่อยให้นายผู้หญิงและเจ้ามอมต้องตกระกำลำบาก เงินทองที่นายผู้ชายหามาไว้ให้นายผู้หญิงเก็บเอาไว้ใช้ไว้กิน ก็หมดสิ้น จนต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆ ตาแปะที่เจ้ามอมเคยไล่อยู่เป็นประจำ พอมาคราวนี้เจ้ามอมก็ไล่อีกตามเคย แต่โดนนายผู้หญิงเอ็ดจนถึงขนาดเอาไม้ไล่ตี และแล้วก็เรียกตาแปะเข้ามา นายผู้หญิงขายถ้วยชามจนเกือบหมดเหลือไว้แค่พอใช้ เงินที่ขายได้ก็ยังไม่พอกิน แค่ปะทังชีวิตไปวันวัน
นี่ก็เดือนสิบสองแล้ว เจ้าฝ่ายมอมมันเริ่มชอบสุนัขสาวในหมู่บ้าน หายจากบ้านไปทีหนึ่งเกือบๆวัน มันกับมาบ้านทีไร เนื้อตัวก็โชกไปด้วยเลือดที่ถูกสุนัขในหมู่บ้านรุมกัดเอา แต่มันก็ยังพยายามไปหาทุกวันตามประสาสัตว์
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เจ้ามอมกำลังอยู่ในหมู่บ้าน ระหว่างนั้นที่เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นส่งสัญญาณให้รู้ว่าจะมีระเบิด เจ้ามอมก็นึกถึงนายผู้หญิง แล้วรีบวิ่งกลับบ้าน แต่พอมาถึงหน้าบ้าน เจ้ามอมก็เห็นบ้านกำลังมอดไหม้ พอวิ่งไปที่หลุมหลบภัย สิ่งที่มันเห็นก็คือ ตรงที่เคยเป็นหลุมหลบภัยพังพินาศ มันรีบไปที่หลุมโดยไม่กลัวตาย เจ้ามอมมันใช้สองขาหน้าขะยุกขุดคุ้ยเอาตามประสา แต่ก็จนปัญญา มันได้แต่นอนเฝ้าหลุมโดยไม่อยากไปไหนเลย เพราะภายใต้หลุมนั้นมีศพของนายผู้หญิงสุดที่รักของมัน
หลายวันต่อมาเจ้ามอมมันก็ทนความหิวไม่ไหว มันเริ่มออกเดินโซซัดโซเซอย่างหมดเรี่ยวแรงไปเรื่อยเปื่อย ได้แต่หวังว่าขอแค่อาหารประทังชีวิตบ้าง บางวันก็เจอตามถังขยะ แต่บางวันก็ไม่มีกิน จนต้องนอนสลบด้วยความหิว เผอิญตรงที่มันนอนสลบอยู่ที่ตรงนั้น เป็นหน้าบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง พอรุ่งเช้าลูกสาวเศรษฐีออกมาตักบาตร ก็เห็นเจ้ามอมเข้า เลยเกิดความสงสารจึงเข้าไปบอกพ่อกับแม่ให้มาดู ทุกคนสงสารเลยตกลงพร้อมใจกันเก็บมาเลี้ยง นับจากวันนั้นเจ้ามอมได้เป็นอยู่อย่างสบาย จนเป็นสุนัขที่สวยงามมาก
ส่วนนายผู้ชายเมื่อปลดจากการเป็นทหาร ก็รีบกลับบ้านด้วยความคิดถึงเมียและลูกน้อย เพราะว่าป่านนี้ก็คงจะคลอดแล้ว เมื่อกลับมาเห็นสภาพของบ้านที่เคยเป็นเรือนรัก ถึงขนาดน้ำตาไหลพรากพร้อมกับตะโกนร้องเรียกทั้งนายผู้หญิงและเจ้ามอมจนสุดเสียง จนกระทั้งได้ทราบความจริงจากชาวบ้านคนหนึ่ง นายผู้ชายถึงกับหมดแรงอ่อนล้าทรุดตัวลงกองกับพื้น อับจนหนทางไม่มีทางไป บ้านก็เหลือแคเถ้าผงธุลี
เจ้ามอมหลังจากที่ได้ถูกรับเลี้ยงดูแลเป็นอย่างดี กลับ สมบูรณ์ แข็งแรง และแสดงความจงรักภักดี ใครเข้ามาเป็นอันต้องเห่าจะหรือกัด ด้วยความหวงเจ้านายใหม่ มีอยู่คืนหนึ่งเจ้ามอมได้ยินเสียงมีคนปีนรั้วทางหลังบ้าน ในความคิดของมัน มันคิดว่าเป็นโจรแน่ๆ มันค่อยแอบย่องอย่างเงียบสนิท สิ่งที่มันเห็นก็คือ มีคนรูปร่างสันทัดผิดหูผิดตา เจ้ามอมรีบวิ่งเข้าหวังว่าจะกัดโดยไม่เห่า แต่พอมาถึงกระชั้นชิดตัวแล้วมันหยุดงงงันอยู่ครู่หนึ่งกับกลิ่นที่ผ่านมาปะทะจมูกของมัน เจ้ามอมจองมองอย่างสงสัยด้วยความตะลึงอยู่ แล้วมันก็แสดงอาการดีใจมากแบบสุดๆ เพราะว่ากลิ่นที่มันได้ก็คือ นายผู้ชายซึ่งเคยเป็นที่รักของมัน ส่วนนายผู้ชายเมื่อเห็นเจ้ามอมก็จำมันได้ และเรียกมันเบาๆ เจ้ามอมรีบกระดิกหางเข้าไปหาด้วยความคิดถึง นายผู้ชายกอดแล้วน้ำตาไหล
นับตั้งแต่นั้นมานายผู้ชายก็เลิกที่จะเป็นขโมยแล้วหันมาขอทาน ส่วนเจ้ามอมก็เลือกที่จะเดินทางลำบาก ไปกับนายคนเก่าด้วยความผูกพัน พอถึงเวลาประมาณตีหนึ่งตีสอง หากมีเสียงเดินเตะกระป๋องกลางถนนเวลาที่ไร้ผู้คนยามค่ำคืน
เสียงนั้นเป็นที่มาของผู้ชายวัยกลางคนผม และหนวดเครารุงรัง พร้อมกับสุนัขอีกหนึ่งตัว
...จบ...
๑๘/๐๑/๒๕๔๘ ๐๙:๐๔:๓๓ น.
ผลิใบสู่วัยกล้า
เรียบเรียงผสมผสาน