30 กันยายน 2546 12:00 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
ครั้งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีบ้านเรือนสองชั้นปลูกสร้างด้วยไม้หลังหนึ่ง ชั้นล่างเป็นใต้ถุนโล่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้ามอมสุนัขผู้ซื่อสัตย์และสวยงามมาก ขนของมันฟู เคยมีคนมาขอแต่นายผู้หญิงและนายผู้ชายไม่ให้ใคร ส่วนชั้นบนก็นายผู้หญิงและนายผู้ชายที่รักกันมาก อาศัยเป็นเรือนหอหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน เจ้ามอมเป็นสุนัขตัวผู้ มันรักนายผู้หญิงและนายผู้ชายของมันมาก
พอเสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นว่าจะมีระเบิดมา นายผู้หญิงและนายผู้ชายรวมทั้งเจ้ามอมก็หนีลงไปอยู่ในหลุมหลบภัย ที่นายผู้ชายและเจ้ามอมช่วยกันขุดไว้ เจ้ามอมมันใช้สองขาหน้าขะยุกขุดคุ้ยเอาตามประสา มีอยู่วันหนึ่งมีตาแปะที่รับซื้อถ้วยชาม รับซื้อทั้งถ้วยชามทั้งใหม่และเก่า ได้ปั่นจักรยานสองล้อผ่านเข้ามา นายผู้หญิงออกมาบอกว่าไม่ขาย เจ้ามอมเห็นดังนั้นมันก็เห่าไล่ออกไป เหมือนกับจะบอกเหมือนกันว่าบ้านหลังนี้ไม่ต้องการขายถ้วยชามอะไรทั้งนั้น นายผู้หญิง และนายผู้ชาย ก็เอ็ดเชิงหัวเราะอย่างเอ็นดูเจ้ามอม ส่วนตาแปะก็รีบปั่นจักรยานออกไป เจ้ามอมรู้สึกมีความสุขมาก ที่นายผู้หญิงและนายผู้ชายรักมันมาก ครั้นพอนายผู้ชายกลับจากทำงาน มันก็ช่างประจบประแจงจนนายผู้ชายมีอารมณ์ขันต้องเล่นกับมัน
หลายเดือนต่อมานายผู้ชายต้องถูกเรียกตัวไปเป็นทหาร ก่อนไปได้บอกให้เจ้ามอมดูแลนายผู้หญิงให้ดี และไม่เคยกลับมาเลย ก่อนที่นายผู้ชายจะไปนายผู้หญิงได้ท้องสองเดือนเศษ นี่ก็หลายเดือนแล้ว ที่ปล่อยให้นายผู้หญิงและเจ้ามอมต้องตกระกำลำบาก เงินทองที่นายผู้ชายหามาให้นายผู้หญิงเก็บเอาไว้กิน ก็หมดสิ้น อยู่อย่างอดๆอยากๆ ตาแปะที่เจ้ามอมเคยไล่อยู่เป็นประจำ พอมาคราวนี้เจ้ามอมก็ไล่อีก แต่โดนนายผู้หญิงนายเอาไม้ไล่ตี แล้วเรียกตาแปะเข้ามา นายผู้หญิงขายถ้วยชามจนเกือบหมดเหลือไว้แค่พอใช้ เงินที่ขายได้ก็ยังไม่พอกิน แค่ปะทังชีวิตไปวันวัน
นี่ก็เดือนสิบสองแล้ว เจ้ามอมมันเริ่มชอบสุนัขสาวในหมู่บ้าน มันกับมาบ้านทีไร เนื้อตัวก็โชกไปด้วยเลือดที่ถูกสุนัขในหมู่บ้านรุมกัดเอา แต่มันก็ยังพยายามไปทุกวัน ในระหว่างที่เสียงหวอเตือนภัยดังขึ้นว่าจะมีระเบิด เจ้ามอมก็นึกถึงนายผู้หญิง แล้วรีบวิ่งกลับบ้าน แต่พอมาถึงหน้าบ้าน เจ้ามอมก็เห็นระเบิดลงตรงหลุมหลบภัยพอดี มันรีบวิ่งไปที่หลุมโดยไม่กลัวตาย พอเข้าใกล้ ก็เห็นดินที่ถูกแรงระเบิดพังทลายทับร่างนายผู้หญิง เจ้ามอมมันใช้สองขาหน้าขะยุกขุดคุ้ยเอาตามประสา แต่ก็จนปัญญา มันได้แต่นอนเฝ้าหลุมโดยไม่ไปไหนเลย
หลายวันต่อมาเจ้ามอมมันก็ทนความหิวไม่ไหว มันเริ่มออกเดินโซซัดโซเซอย่างหมดเรี่ยวแรงไปเรี่อย ได้แต่หวังว่าขอแค่อาหารประทังชีวิต บางวันก็เจอตามถังขยะ แต่บางวันก็ไม่มีกิน จนต้องนอนสลบด้วยความหิว อยู่ที่หน้าบ้านเศรษฐีคนหนึ่ง พอรุ่งเช้าลูกสาวเศรษฐีออกมาตักบาตร ก็เห็นเจ้ามอมเข้า เลยเกิดความสงสารจึงเข้าไปบอกพ่อกับแม่ให้มาดู ทุกคนสงสารเลยตกลงพร้อมใจกันเก็บมาเลี้ยง
ส่วนนายผู้ชายเมื่อปลดจากการเป็นทหาร ก็รีบกลับบ้านด้วยความคิดถึง เมื่อกลับมาเห็นสภาพของบ้านที่เคยเป็นเรือนรัก ก็น้ำตาไหลพรากพร้อมกับตะโกนร้องเรียกทั้งนายผู้หญิงและเจ้ามอมจนสุดเสียง จนได้ทราบความจริงจากชาวบ้าน นายผู้ชายถึงกับหมดแรงอ่อนล้าจนไม่มีทางไป
เจ้ามอมหลังจากที่ได้ถูกรับเลี้ยงดูแลเป็นอย่างดี ก็แข็งแรง สมบูรณ์ และแสดงความจงรักภักดี ใครเข้ามาเป็นอันต้องเห่าจะกัด ด้วยความหวงเจ้านายใหม่ มีอยู่คืนหนึ่งเจ้ามอมได้ยินเสียงมีคนปีนรั้วทางหลังบ้าน มันคิดว่าเป็นโจรแน่ๆ เจ้ามอมรีบวิ่งเข้าหวังว่าจะกัดโดยไม่เห่า แต่พอมาถึงตัวแล้วได้กลิ่น เจ้ามอมมันหยุดตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วมันก็แสดงอาการดีใจมากแบบสุดๆ เพราะว่ากลิ่นที่มันได้ก็คือ นายผู้ชายที่รักของมัน นายผู้ชายเห็นก็จำได้มันได้ และเรียกมันเบาๆ เจ้ามอมรีบเข้าไปหา นายผู้ชายกอดแล้วน้ำตาไหล ตั้งแต่นั้นมานายผู้ชายก็เลิกที่จะเป็นขโมยแล้วหันมาขอทาน ส่วนเจ้ามอมก็เลือกที่จะเดินทางลำบาก ไปกับนายคนเก่าด้วยความผูกพันธ์ พอเวลาประมาณตีหนึ่งตีสอง หากมีเสียงเดินเตะกระป๋องกลางถนนที่ไร้ผู้คนยามค่ำ คืน ก็จะมีแต่ผู้ชายวัยกลางพร้อมกับสุนัขอีกหนึ่งตัว.
17 กันยายน 2546 13:58 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
1.
คุณชอบไปชมภาพยนตร์คนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 2
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 6
2.
ชอบความครื้นเครงสนุกสานาน
ใช่ไปที่ข้อ 7
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 3
3.
ชอบเขียนจดหมายถึงเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 8
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 4
4.
ชอบไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 5
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
5.
ชอบทานข้าวคนเดียว
ใช้ไปที่ข้อ 10
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
6.
เมื่อไปทานข้าวนอกบ้านต้องมีคนเป็นเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 11
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 7
7.
ไม่มีเพื่อนที่รู้ใจ
ใช่ไปที่ข้อ 12
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 8
8.
เมื่ออารมณ์ไม่ดีมักจะไปหาเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ 13
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 9
9.
ชอบพูดคุยเล่นทางโทรศัพท์
ใช่ไปที่ข้อ 14
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 10
10.
ชอบเดินเล่นคลายกลุ้มคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 15
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 14
11.
ชอบนั่งคิดคนเดียว
ใช่ไปที่ข้อ 12
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 16
12.
ต้องการความรู้สึกปลอดภัยมาก
ใช่ไปที่ข้อ 17
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 13
13.
มีของดี ๆ ต้องแบ่งกัน
ใช่ไปที่ข้อ 18
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 14
14.
หวังอยากให้ฝ่ายตรงข้ามสนใจคุณ
ใช่ไปที่ข้อ 18
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 19
15.
เบื่อหน่ายเพื่อนที่มารบกวนถึงบ้าน
ใช่ไปที่ข้อ 20
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 19
16.
เรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กต่าง ๆ ต้องหาเพื่อน
ใช่ไปที่ข้อ A
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 17
17.
คิดจะไปหาเพื่อนก็กลัวถูกปฏิเสธ
ใช่ไปที่ข้อ B
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 18
18.
ต้องพบหน้าเพื่อนทุกวัน
ใช่ไปที่ข้อ B
ไม่ใช่ไปที่ข้อ C
19.
พยายามที่จะไม่ไปรบกวนผู้อื่น
ใช่ไปที่ข้อ 20
ไม่ใช่ไปที่ข้อ 18
20.
ไม่ยืมเงินผู้อื่นโดยเด็ดขาด
ใช่ไปที่ข้อ D
ไม่ใช่ไปที่ข้อ A
บทสรุป
A. ประเภทพึ่งพาอาศัย
คุณชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อน ไม่ว่าจะไปชมภาพยนตร์หรือไปชอปปิ้ง
คุณต่างชอบให้มีใครอยู่เป็นเพื่อนคุณ โดยเฉพาะในขณะที่อารมณ์คุณดีหรือไม่ดี
คุณยิ่งต้องการให้เพื่อน ๆ อยู่ข้าง ๆ โดยปกติคุณจะเป็นคนที่ไม่รู้สึกว่า
ต้องพึ่งพาอาศัยเพื่อน
เพียงแต่มีความรู้สึกว่า ตนเองเป็นคนโชคดีที่มีเพื่อนดี ๆ มากมายเช่นนี้
แต่ถ้าวันใดที่คุณทะเลาะกับเพื่อน หรือติดธุระไปไหนกับเพื่อนไม่ได้
คุณจะรู้สึกโดดเดี่ยว เงียบเหงาอย่างยิ่ง
ขณะนี้คุณจึงยอมรับว่าคุณเป็นประเภทพึ่งพาอาศัยเพื่อน
B. ประเภทเปล่าเปลี่ยวใจ
ความเปล่าเปลี่ยวใจ คือโรคจิตของคุณชนิดหนึ่ง และคือโรคประจำตัวของคุณ
ภายในใจของคุณกลัวถูกเพื่อน ๆ หรือหมู่คณะทอดทิ้ง
ด้วยเหตุนี้คุณจึงพยายามรักษาสัมพันธ์ที่ดีกับทุก ๆ คน
ไม่กล้าทำให้ผู้อื่นโกรธเคือง เพราะอะไรจึง เป็นเช่นนี้
อาจเป็นเพราะว่าคุณขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
เพราะฉะนั้นจึงต้องการให้ผู้อื่น ให้ความมั่นใจแก่คุณ
ด้วยเหตุนี้ แม้ความเคลื่อนไหวบางอย่างที่คุณไม่ชื่นชอบ
แต่คุณก็ต้องจำใจเข้าร่วม มิเช่นนั้น
คุณก็จะเกิดความรู้สึกไม่สบายใจทางด้านมนุษยสัมพันธ์อาจกล่าวว่า
คุณไม่มีความรู้สึกปลอดภัย และเป็นคนไม่มีบุคลิกภาพ
C. ประเภทระบายความในใจ
ในชีวิตแห่งความเป็นจริงคุณมีอิสระมาก แต่ว่าทางด้านจิตใจ
คุณยังต้องการความสนับสนุนจากเพื่อน
ปกติอยู่คนเดียว คุณจะไม่รู้สึกเหงา การเคลื่อนไหวก็อิสระ
ไม่ได้พบหน้าเพื่อนที่ดีเดือนสองเดือน ก็ไม่รู้สึกเงียบเหงา
แต่พวกคุณยังคงรักใคร่สนิทสนมกันเหมือนเดิม บางครั้งมีธุระหรือไม่สบายใจ
พวกคุณก็นัดพบปะพูดคุยกัน ถ้าหากอยู่ห่างกันไม่สะดวกในการนัดพบ
ก็ติดต่อกันทางโทรศัพท์หรือจดหมาย
แม้ว่าจะไม่ได้พบหน้ากัน
แต่พลังจิตที่ได้รับอาจได้มากกว่าพบหน้ากันทุกวัน
คุณจึงไม่ต้องอยู่กับเพื่อนคุณทุกวัน รูปแบบของการพบเพื่อนประเภทคุณ คือ
ต่างคนต่างอยู่แต่จิตใจทะลุถึงกัน คือคนประเภทระบายความในใจ
D. ประเภทอิสระเสรี
คุณคือแบบอย่างของคนใจเพชร คุณไม่ชอบให้ผู้อื่นติดสอยห้อยตาม
คุณคือคนปิดตัวเอง คุณไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนง่าย
กล่าวทางด้านจิตใจของคุณ คุณมักจะรู้สึกการเป็นหนี้บุญคุณ
เป็นการที่เสียใจมาก และเป็นการลดคุณค่าของตัวเองให้ต่ำลง
ผู้คนที่ไม่เข้าใจคุณ จะคิดว่าคุณเป็นคนมีนิสัยสันโดษและเอาแต่ใจตัวเอง
แต่ผู้คนที่เข้าใกล้คุณมักจะชมเชยความเด็ดเดี่ยวของคุณ
นิสัยและชีวิตของคุณมีเสน่ห์รัดตรึงใจมาก
16 กันยายน 2546 07:04 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
......ชีวิตนี้ ผลิใบ สู่วัยกล้า
ชีวิตนี้ เกิดมา ต้องต่อสู้
ชีวีตนี้ อ่อนเยาว์ เฝ้าคอยดู
ชีวิตนี้ จะยังอยู่ ถ้าอดทน
ชีวิตนี้ จะเติบโต อีกมากมาย
ชีวิตนี้ อย่าเสียดาย ดีสักหน
ชีวิตนี้ ทำให้ดี ชื่อว่าคน
ชีวิตนี้ หากขัดสน จงแบ่งกัน
ชีวิตนี้ ทุกชีวิต ที่เกิดมา
ชีวิตนี้ มีค่า ยิ่งกว่าฝัน
ชีวิตนี้ ร่วมร้อย อยู่เคียงกัน
ชีวิตนี้ ทุกคืนวัน ผ่านพบเจอ
ชีวิตนี้ อยากมีรัก ซักกี่ดวง
ชีวิตนี้ อยากมีห่วง อยู่กับเธอ
ชีวิตนี้ เกิดมา เหมือนละเมอ
ชีวิตนี้ อยู่กินเจอ ไม่ถึงร้อย
ชีวิตนี้ อยากมีเงิน กองท่วมหัว
ชีวิตนี้ ได้แต่กลัว มีเงินน้อย
ชีวิตนี้ ทำให้จริง อย่านิ่งคอย
ชีวิตนี้ เดินตามรอย ผู้หวังดี
ชีวิตนี้ อยากมีเกียรติ สูงเสียดฟ้า
ชีวิตนี้ เผ้าถามหา ความมั่งมี
ชีวิตนี้ เขานับถือ ที่ความดี
ชีวิตนี้ ไม่ได้ฟรี จำเอาไว้
ชีวิตนี้ ใช้ให้ดี จะมีสุข
ชีวิตนี้ แม้จะทุกข์ จงก้าวไป
ชีวิตนี้ มีความสุข อยู่ไม่ไกล
ชีวิตนี้ อย่าร่ำไร ไปให้ทัน
ชีวิตนี้ เกิดมา เวลาน้อย
ชีวิตนี้ จงค่อยค่อย รักษามัน
ชีวิตนี่ ใช้บุญตัว ไม่ปนกัน
ชีวิตนี้ ก้าวไม่ทัน ถ้าช้าเอย
12 กันยายน 2546 16:20 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
ในกระท่อมหนึ่ง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความสงบสวยงามของธรรมชาติ หมู่แมกไม้นานาชนิด สัตว์ป่าที่สวยงามและหายาก ยิ่งยามค่ำคืนเสียงจักจั่นเรไรส่งเสียงร่วมกันบรรเลงเพลงธรรมชาติ นี่คือสิ่งที่ผมได้พบเห็น
ในระหว่างที่หลงป่าเพราะกำลังเข้ามาหาล่าสัตว์ป่ามาเป็นอาหาร ผมจะทำเช่นนี้อยู่ประจำยามว่างจากงาน แต่แปลกมากคืนนี้เดินจนหลงป่าจนได้ กระท่อมหลังนั้นที่ไม่น่าอยู่กลางป่าลึกเช่นนี้ ใจหนึ่งก็กลัวเพราะเห็นแสงไฟอยู่ภายในกระท่อม อีกใจหนึ่งก็อยากรู้
จึงตัดสินใจเข้าไปดู ยิ่งเข้าไปใกล้ใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดเข้าทุกที สิ่งที่เห็นเป็นชายกลางคน ผมยาวรุงรัง หนวดเคราเหมือนผ่านการโกณมาแล้วเป็นสิบสิบปี ที่มือกำลังถือกระบอกไม้ไผ่ที่เอามาประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นบ้องกัญชาที่เรารู้จัก เขาค่อยค่อยหยิบกัญชาที่ผสมแล้วมาใส่ตรงกรวยด้านข้างของกระบอกไม้ไผ่อันนั้น แล้วบรรจงจุดด้วยไฟพร้อมกับสูบเอาควันของมันเข้าไปในปรอด กระท่อมหลังนั้นก็เต็มไปด้วยควัน
ระหว่างที่ผมแอบดูอยู่ ชายผู้นั้นก็ส่งเสียงเรียกให้เข้าไปด้านในกระท่อม ผมตกใจมากถึงกลัวแต่ก็เข้าไป คำถามแรกที่ชายผู้นั้นถาม คุณมายิงเค้าทำไม ? คำตอบก็ไม่พ้นจากความจริง เขาก็ไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ส่งสิ่งที่เขาทำอยู่ให้กับเรา ถึงแม้ว่าจะกลัวแต่ลึกลึกแล้วก็ดีใจที่ยังมีคนเป็นเพื่อน แถมยังมีที่ให้ซุกหันนอน ด้วยความเป็นลูกผู้ชายผมก็ไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาหยิบยื่นให้
เมื่อผมได้ทำตามเขาอย่างทุกขั้นตอน แล้วมันรู้สึกเคลิบเคลิ้ม อารมณ์ที่เกิดขึ้นตรงนั้นไม่อยากจะไปไหนทั้งนั้น อยากนอนฟังเสียงจักจั่นเรไรส่งเสียงร้องร่วมบรรเลง มันเป็นเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนผมฟังอย่างละเอียดจนเผลอหลับไป ตื่นเช้าขึ้นมาได้ยินเสียงนกร้องปลุกแต่เช้า ผมเดินตามเขาไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ใกล้ เห็นดอกไม้เบ่งบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมตลบอบอวล ช่างเป็นบรรยากาศที่น่าประทับใจยิ่งนัก เสร็จแล้วเข้าก็มาทำภาระกิจที่รู้สึกว่าจะขาดมันเสียไม่ได้เลย ทำไมคุณจะต้องสูบมันด้วย ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความสงสัย เพราะมันนี่แหละ..ที่ทำให้ผมอยู่ได้แบบไม่ต้องการอะไรอีกเลย เขาตอบอย่างตรงไปตรงมาผมก็ยังงงอยู่ เขาก็ส่งให้ผมเหมือนเช่นเคย
ในที่สุดผมก็เคลบเคลิ้มไปกลับธรรมชาติเหมือนราวกับว่ามันออกมาจากจิตใจในส่วนลึก ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งดูงดงามยิ่งนัก เขาถามว่า หิวหรือยัง ? ถ้าหิวก็ตามมา ด้วยความสงสัยจะเดินเข้าไปหยิบปืนแล้วเดินตามเขาไป เดี๋ยวก็มา..ไม่ต้องเอามันไปอยู่ที่นี่ไม่ต้องใช้มันหรอก ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูอบอุ่น เดินไปไม่ใกล้นัก เขาใช้ไม้ขุดหัวมันที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ เราเผาให้สุกแล้วกินแทนอาหารที่ผมเคยกินผมอยู่ประจำ หนึ่งอาทิตย์ต่อจากนั้นมาผมก็ยังอยู่กับเขา ยังนึกแปลกใจตังเองเลยว่าทำถึงไม่คิดอยากที่กลับบ้าน ยิ่งอยู่นานเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่ามันอบอุ่น ผูกพันธ์กับสิ่งที่เป็นอยู่ จนลืมวันลืมคืนไปเลย อยากจะอยู่กับมันให้นานที่สุด ร่างกายของเราเปลี่ยนไปผมยาวรกรุงรัง หนวดเคราไม่มีการสนใจที่จะตัดมัน จนเวลาผ่านไปจนไม่รู้ว่าตัวเองอายุเท่าไร อยู่มาเขาผู้ที่คอยให้แสงสว่างแกผมก็ได้จบชีวิตลงด้วยโรคชรา ต้องเหลือผมคนเดียวที่อยู่กับทุกทุกอย่างที่เขาได้เป็นผู้ค้นพบ ไม่อยากจะไปไหนอีกแล้วแค่พอมีพอกิน ตื่นขึ้นมาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากเดินรอยตามเขาผู้นั้นมาตลอด ในชีวิตนี้จะไม่มีการแก่งแย่ง ไม่มีการเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน แวดล้อมด้วยสัตว์ป่าที่เคยตามล่า บัดนี้เหลือแค่ความสงสารไม่อยากทำร้าย รู้สึกรักและผูกพันธ์ ในที่สุดสิ่งที่เราเคยสงสัยมันก็รับรู้ด้วยตนเอง ชาตินี้เราจะขออยู่กับเจ้าไปจนวันตาย
10 กันยายน 2546 13:36 น.
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((
วันนี้เป็นวันพระ หญิงสาวกำลังจัดเตรียมปิ่นโตที่จะไปทำบุญที่วัดกับพ่อของเขา พอมาถึงวัด มีเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งมองเธอด้วยสายตาที่หยาดเยิ้ม จนหญิงสาวรู้สึกอาย เธอค่อยๆบรรจงถ่ายอาหารในปิ่นโตออกใส่จานเพื่อเตรียมที่จะนำขึ้นถวายพระ เสร็จแล้วพ่อก็พาเขามานั่งฟังพระสวดมนต์ เด็กวัยรุ่นกลุ่มเดิมพยายามเข้ามานั่งใกล้หญิงสาวที่สุด จนถึงเวลาที่จะต้องประเคนภัตตาอาหารให้พระภิกษุ ผู้เป็นพ่อรีบขึ้นไปประเคนด้วยความเคยชิน เด็กหนุ่มได้โอกาศถามชื่อหญิงสาว และพูดจาพาแซว หญิงสาวเอียงอายอย่างบอกไม่ถูกจนเผลอตัว..ตด..ออกมาเสียงดัง เด็กวัยรุ่นเผลอตกใจอุทาน ..อุ้ย ! หญิงสาวอายหน้าแดงไม่รู้จะทำอย่างไรดี พอดีมียายที่นั่งข้างๆหันมามองเห็นหญิงสาวกำลังอาย จึงพูดพร้อมกับขยับก้นออกไปว่าออกไปว่า ..โอ้ย..สบายท้อง
ฝ่ายหญิงยิ้มให้กับยายแบบเขินๆ ระหว่างที่เด็กหนุ่มได้แต่นั่งเกาหัว
)))**--ผลิใบสู่วัยกล้า--**(((