7 พฤศจิกายน 2552 03:40 น.
ผมชื่อโจ้
๑.ก็ในเมื่อเพื่อนบ้านเขาสุมไฟ
จุดแล้วโยนเข้าใส่ไหม้บ้านเพื่อน
ทีละดุ้น แผ่นดินก็สะเทือน
ร้อนแผ่นดินร้อนเหมือนลวกหัวใจ
๒.ลวกร้อน..อย่างขมขื่น
แต่มิใช่!อยากจะยื่นส่งกลับให้
ไฟที่เพื่อนเขาสุมไฟ
แต่อยากดับแล้่วส่งไป..ทีละดุ้น
๓.อยากจะยื่นดอกไม้ให้มากกว่า
ให้เพื่อน ให้รู้ว่ารักยังกรุ่น
รัีกยังอยู่ในใจให้รู้คุณ
แต่จำใจจะเจือจุนก็เจ็บใจ
๔.เจ็บที่เพื่อนไม่เป็นเพื่อน
แต่ยิ่งกลับ..เบือนหน้าแสยะใส่
เยาะเย้ย ยิ้มยั่วมิไยไพ
ยิ่งทำเอาเกลียดเข้าไส้กระดูกดำ
๕.เพื่อนอย่างเอ็งคบไม่ได้
คบไป..ก็มีแต่จะตกต่ำ
แล้วที่คบ ที่ค้าที่ร่วมกระทำ
กับอีกคนที่หนีกรรมของแผ่นดิน
๖.นั่นแล คือความทรยศ
คิดคด ไ่ม่ซื่ออยู่ไม่สิ้น
ไม่มีเท้่าจะเหยียบธรณินทร์
วันวัน..กินแต่กรรมกาลกิณี
๗.นั่นแล คือไฟของแผ่นดิน
ไหม้หมิ่นหัวใจได้ทุกที่
ฤา! สถาปนาขึ้นมาเซ่นบัตรพลี
เซ่นผีบรรพบุรุษเขมรแขมร์
-----
ผมชื่อโจ้
2 พฤศจิกายน 2552 13:29 น.
ผมชื่อโจ้
๑.กระทงเธอก็เป็นเธอลอยกระทง
จะลอยส่งทุกข์อะไร ได้ทั้งนั้น
จะลอยสุขใส่กระทงลอยส่งกัน
เสมือนเธอแ่บ่งปันลอยฝันไป
๒.ฝันของเธอใส่กระทงลอยส่งเดช
ลอยวนใจอาณาเขตความหวั่นไหว
กระทงเธอ ก็ของเธอลอยทางไกล
ลอยเลื่อนไหลในรักสักกระทง
------
ผมชื่อโจ้
19 กันยายน 2552 14:42 น.
ผมชื่อโจ้
๑.ร้อนก็แดง ฝนก็แดง หนาวก็แดง
ฤดูกาลที่แบ่งแดงทุกอย่าง
แดงที่แรงเร่าร้อนทุกที่ทาง
ตาที่ก่ำแดงด่างอำพรางตา
๒.มหกรรมสำแดงแรงแห่งสี
จะควบม้าจรลีออกศึกกล้า
จะจ้วงแทงลมเห่แห่งเมฆา
สร้างศรัทธาสีแดงแห่งแผ่นดิน
๓.แห่งความรักศรัทธาสามัคคี
แขนจะเกี่ยวคล้องพลีเพื่อทักษิณ
จะชำระชะล้างทางมลทิน
ด้วยสีแดงทั้งธรณินทร์จนสิ้นใจ
๔.นี่คือแดงไปทุกฤดีดาล
เพื่อเป็นผาลกลบดินด้วยคันไถ
เพื่อกลบเกลื่อนความจริงไปจากใจ
เพื่อความสุขสบายใจใครบางคน
๕.ใครจะร้อนจะแรงเท่าแดงด่าง
แดงซึ่งอยู่ระหว่างกลางถนน
อยู่กลางแดดแผดเผาเพื่อเฝ้ายล
เสียงของพ่อผู้มากล้นรักอารี
๖.ขอให้แดงประสบสุขความสำเร็จ
เมื่อศึกเสร็จ ก็กลับบ้านบานยิ้มปรี่
นี่คือแดง ไปทุกกาลดวงฤดี
แดงจนกว่า..พ่อหนีพ้นไปจนตาย
-----
1 เมษายน 2552 17:35 น.
ผมชื่อโจ้
๑.จะมีสีอื่นใด เท่าสีแดง
สีแห่งรักร้อนแรงอยู่เร่าๆ
สีที่ป้ายพาดปีนขึ้นไปเอา
ประชาธิปไตยบนเขาพระสุเมรุ
๒.สีที่พร่างความฝันใครบางคน
สีที่ดาลใจดลคนทุกข์เข็ญ
สีย้อมใจคนระกำลำเค็ญ
คนร่อนเร่ อยากหวนเห็นประเทศไทย
๓.จึงคือมรรคสวรรค์แบ่งปันสี
สีที่นั่น ที่นี่ สีแดงใส
ล้วนเป็นสีแห่งรักสีศักดิ์ชัย
สีที่หว่านปลูกใบดอกไม้แดง
๔.เป็นดอกไม้เบ่งบานที่หว่านสี
ด้วยดอกใบอันคลี่เด็ดดอกแบ่ง
เด็ดหนึ่งใบแบ่งไปให้หนึ่งแรง
เพื่อแขย่ง เท้าเขย่าอำนาจคืน
๕.จึงไม่มีสีใดเท่าสีแดง
จะดีดสีร้องแข่งความขมขื่น
ร้องเอามา เอามา มาเอาคืน
กูทั้งหื่น ทั้งห่าม กูย่ามใจ
๖.เพราะกูคือสีแดงเลือดแรงแค้น
หมัดกูกำ หมัดแน่น จะแล่นใส่
ใครก็ได้ ขวางลำอำมาตย์ใด
ศักดินา หรือไพร่ ไพรีกู
๗.จึงไม่มีสีใดเท่าสีแดง
สีที่ส่องสาดแสงสว่างสู่-
ปูลาดพรมสีแดงหน้าประตู
ให้พญาตัวผู้เหยียบสู่เมือง
๘.ก็เท่านี้ แค่นี้ เพียงเท่านั้น
เท่าที่มีความฝันจะฟูเฟื่อง
เท่าที่ โมหะใจเป็นฟันเฟือง
ปลูกสีแดงให้กว่าเหลืองเรืองแผ่นดิน
๙.จึงไม่มีสีใดเท่าสีแดง
จะร้อนแรงขวิดแดดอยู่ด่าวดิ้น
ขวิดลม ขวิดฟ้า ขวิดเมฆินทร์
สะบัดขวิดบ้าบิ่น ลงแดงตาย
เด็กชายนะโม
22 พฤศจิกายน 2551 10:12 น.
ผมชื่อโจ้
อารัมภกถา:ก่อนจะถึงพรุ่งนี้
23 พฤศจิกายน 2551
---------
๑.
๐ยิ่งนึก ยิ่งสะอึกยิ่งสะอื้น
ิยิ่งกล้ำยิ่งกลืน ยิ่งกลัดอก
ยิ่งยวดปวดปร่าจะสาธก
เกินกว่านรกอเวจี
๐ร้อนรุ่มรุมเร้าเข้าโรมรัน
กระชั้นหัวใจเต้นถี่ถี่
เต้นเร่าเต้นร้อน จะจรลี
แตกดับหัวใจนี้ อยู่รอนรอน
๐กัดกราม ก็ปวดกรามเสียงกรอดกรอด
สายตาก็แต่ทอด น้ำตากร่อน
สายตาก็แต่ตรมไปทุกตอน
ไปทุกครั้งที่ถอนหายใจท้อ
๒.
๐เพราะฯพณฯรัฐบาลผู้ต่างไท
ต่างแต่จะไต่ จะไปต่อ
ต่างเท้า ก็เดินย่ำรู้ตำตอ
แต่เท้า ก็จะถ่อถางเถาวัลย์
๐เถิดพี่เถิดน้องผองมนุษย์
ทั้งผอง ผ่องผุดเพี้ยงสวรรค์
เพียงใจจะส่องใจใสผ่องพรรณ
ผ่องแผ้วเบญจวรรณชนะภัย
๐น้ำตาก็แต่ตาจะตรมตรอม
แต่ใจจะต้องห้อมหอมสมัย
หอมกลิ่นบุปผามนามัย
หอมอวล ประชาธิปไตยดอกไม้บาน
๐..........................
............................
............................
............................
ฯลฯ