17 กันยายน 2548 12:20 น.
ผกากรอง
โผผกกิ่งโน้นมากิ่งนี้
นกน้อยบินผินวิถีเป็นทีท่า
เริงร่าจนบ่ายคล้อยก็อำลา
พากันบินสู่ฟ้านภากว้าง
คือครรลองทางเดินของวิหก
ต้องโหหกเคลื่อนเวียนเปลี่ยนถิ่นฐาน
เปลี่ยนวิถีครองเรือนตามวันวาร
ตามฤดูกาลแปรผันไม่จีรัง
17 กันยายน 2548 11:52 น.
ผกากรอง
ผู้ดีย่อมไม่มีใจริษยา
หมายความว่าเมื่อผู้อื่นดีกับเรา
ไม่ตั้งหน้าตั้งตารังเกียจเขา
เขาจะหาว่าเราคนไม่ดี
ก้านบัวบอกลึกตื้นชลธาร
กิริยาส่อสันดารทางวิถี
หากผู้ใดทำตัวเป็นผู้ดี
ผู้นั้นสิย่อมได้รับคำชมเชย
14 กันยายน 2548 19:49 น.
ผกากรอง
คลื่นยักษ์สูงค้ำฟ้าถาโถมฝั่ง
ด้วยพลังแรงกล้ามหาศาล
ดังสัตว์ร้ายหมายชีวิตปลิดดวงมาน
มุ่งล้างผลาญสินทรัพย์นับอนันต์
เสียงโหยหวนพร่ำเพรียกร้องเรียกหา
สุดไขว่คว้าอกใจให้ไหวหวั่น
ลูกแนบอกคลื่นกระชากต้องพรากพลัน
เพื่อนพี่น้องพลัดผันในพริบตา
ความสูญเสียใหญ่หลวงทะลวงอก
น้ำตาตกใจแห้งเหือดเผือดใบหน้า
ต่อแต่นี้อยู่อย่างไรใครเมตตา
เห็นแต่ฟ้ากับหาดกว้างร้างวิญญาณ
ความช่วยเหลือที่หลั่งมาดั่งฟ้าโปรด
จากร้อยโยชน์แดนไกลทุกสถาน
จากเบื้องสูงจากทุกทิศมิตรเจือจาน
ร่วมประสานปลอบขวัญมั่นหทัย
ซึ่งน้ำใจคนไทยที่โอบเอื้อ
ต่างจุนเจือด้วยไมตรีที่มอบให้
ดังสายทองแทรกซ่านประสานใจ
ชุบความหวังครั้งใหม่ให้อันดามัน
13 กันยายน 2548 20:19 น.
ผกากรอง
ใต้หมู่ดาวและเดือนที่เคลื่อนคล้อย
หัวใจคอยเฝ้าถวิลคร่ำครวญหา
แม่อยู่ไหนหนใดในเวลา
อยากเห็นหน้าแม่สักคราให้ชื่นใจ
แว่วสำเนียงเสียงซอขลุ่ยมาสะอื้น
ดวงใจตื่นเหมือนนกบินสิ้นจุดหมาย
จะหาใครมากล่อมขวัญจากฝันร้าย
ดีกว่าอ้อมกอดแม่ไม่มีเลย
10 กันยายน 2548 17:17 น.
ผกากรอง
ก่อนเคยนอนหนุนอุ่นผืนผ้า
มองจันทราและหมู่ดาวพราวเวหน
ต่างโคจรผ่านไปในตำบล
ให้ฉงนสงสัยใจรำพึง
จึงถามพ่อว่าจันทรานั้นอยู่ไหน
ไกลแค่ไหนขี่คอพ่อคงเอื้อมถึง
เพียงปลดม่านราตรีดำที่ขึงตึง
หอบดาวเดือนเกลื่อนฟ้ามากล่อมไกว