24 เมษายน 2551 18:20 น.

ล่องเรือหารัก 5 ตอน ฝันรัญจวน

ป้าแช่ม

.    พอลืมตามาเห็นเป็นตะลึง
ช่างหล่อซึ้งเสียวใจไงไม่รู้
หุ่นสำอางอย่างฝันของโฉมตรู
หรือเนื้อคู่เข้าแล้วไม่แคล้วเลย

    ตาต่อตามาประสานให้หวานวาบ
ยิ่งซึ้งซาบปลาบปลื้มเสียลืมเอ่ย
ไม่รู้คำร่ำว่าแล้วนี่เอย
หลบตาเลยเลี่ยงเขินสะเทิ้นอาย

    รีบลุกนั่งเหนี่ยวผ้ามาปกปิด
ให้มิดชิดกายาตาชม้าย
พอเห็นเข้าเขาก็ยิ้มอยู่พริ้มพราย
ก็ยิ่งอายเสียจริงจริงเลยนิ่งไป

    เถิดผินผันหันหน้ามาทางนี้
ขวัญฤดีอย่าประหลาดให้หวาดไหว
พี่อุตส่าห์มาหายอดยาใจ
หวังจะได้แจ้งความเนื้องามนวล

    ให้เห็นรักหนักในใจอาวรณ์
ขอวิงวอนวรนุชสุดสงวน
ได้เผื่อแผ่รักสักนิดพินิจครวญ
อย่าแกล้งด่วนหลบพักตร์ไม่ทักทาย

     พี่เห็นนะนวลปรางกระจ่างแสง
ออกเรื่อแดงเด่นโฉมด้วยโคมฉาย
หรือเนื้อเย็นเป็นไข้ไม่สบาย
ให้พี่ชายนวดฟั้นได้บรรเทา

     พอสุดถ้อยพลอยพรั่นแทบขวัญหาย
ระทวยกายอายเขินสะเทิ้นเร้า
น้อยหรือนี่ถ้อยคำไม่ทำเนา
ซังตายเราล่วงรู้เหมือนดูใจ

     ดูทีท่าจะโจมประโลมแล้ว
ฤทัยแป้วปานจะแตกให้แหลกไหล
หรือจะปล่อยคล้อยตามลุลามไป
จะทำไฉนหนอจิตคิดสักที

    ถ้าหากเขาเข้ามากว่านี้หรือ
ก็จะถือว่านิดหน่อยไม่ถอยหนี
หากเขาจูบลูบคลำทำไงดี
เราหยิกตีต้องเจ็บลงเล็บเลย

     หากเกิดดื้อดึงดันถึงขั้นปล้ำ
อลักอะเหลื่อเนื้อจะช้ำแล้วกรรมเอ๋ย
เป็นอาการปานไหนก็ไม่เคย
จะกอดเกยเกี่ยวรัดอึดอัดทรวง

     แล้วแก้มเราเขาจูบมาลูบต้อง
จะหม่นหมองหมดค่าอุตส่าห์หวง
แล้วอกเราเขาจะกุมเสียพุ่มพวง
เป็นจ้ำจวงเจ็บเนื้อเหลือระบม

    แสนลำบากยากใจหากได้ผัว
ให้น่ากลัวเกินดีมีแต่ขม
ถึงจะรักก็จะพักหักอารมณ์
เขาหล่อสมเสียเหลือเกินสะเทิ้นใจ

    แม้นมากอดเราจะทอดลงกับตัก
แล้วพลิกผลักแพลงผันคอยกันไว้
หากคลึงเคล้าเราจะร้องให้ตกใจ
กรีดเสียงให้หนีเลยเดี๋ยวเคยตัว

     คงไม่ไหวแล้วละมั๊งหากอย่างนี้
ฉวยไม่หนีคราวนี้ท้องต้องอายทั่ว
อายเขาตายขายหน้าว่ามืดมัว
กลัวก็กลัวรักก็รักหนักอุรา

     คิดคะนึงในใจไปชั่วเดี๋ยว
ไม่ทันเหลียวหันมามองต้องผวา
เขาลูบหลังโลมไล้อยู่ไปมา
เหมือนฟ้าผ่าฟาดเปรี้ยงเพียงจะวาย

     สะดุ้งเสียวเสียจนถึงขนลุก
ฉุกกระหุกปัดใหญ่ใจจะหาย
ขยับถอยเขาคอยจับยิ่งกลับอาย
ตาชม้ายชายค้อนสะท้อนใจ

    ดวงใจพี่นี้เอ๋ยทรามเชยจ๋า
พักตร์โสภาเปล่งปลั่งดังแขไข
โฉมแชล่มแช่มช้อยน้อยเมื่อไร
จะมองไหนสารพัดไม่ขัดตา

   พี่มุ่งหวังฝังฝากไมตรีจิต
เป็นมิ่งมิตรด้วยคิดเสน่หา
ช่างกระไรน้องไม่มีเมตตา
ตอบวาจาพี่สักหน่อยสักน้อยเลย

    ช่างผินผันหันหนีไม่มีมอง
นวลละอองหมองใจสิ่งไรเอ่ย
เชิญหันหน้ามาทางนี้นะนวลเอย
จะเชือนเฉยเลยเลี่ยงเบี่ยงไปไย

    ด้วยความรักหนักหนากว่าชีวี
เห็นใจพี่เถิดนะอย่าผลักไส
อุยช่างหยิกจริงนะน้องยาใจ
เล็บหักไปไม่เสียดายหรือกานดา....				
9 เมษายน 2551 07:01 น.

ล่องเรือหารัก 4 ตอน มาเข้าฝัน

ป้าแช่ม

.   พอได้ยินยามนั้นให้หวั่นไหว
นี่เสียงใครคอยเพรียกเฝ้าเรียกหา
ฟังนุ่มนวลชวนชื่นรื่นวาจา
พจนาเพราะพริ้งจริงจริงเชียว

     มากล่าวชวนชมดาวพราวเวหา
ให้ลืมตามาหน่อยพลอยนึกเสียว
ด้วยลำพังเพียงตนอยู่คนเดียว
นึกเฉลียวสงกาไม่กล้าลืม

     เป็นภูตพรายหมายหลอกก็ไม่รู้
หรือเนื้อคู่คอยหาจะมาปลื้ม
หรือคนยากบากหน้ามาหยิบยืม
มิกล้าลืมหลับอยู่ดูท่าที

    โอ้เนื้อทองผ่องโฉมประโลมลักษณ์
พิศเพ็ญพักตร์เพียงแต่ให้หทัยพี่
ถวิลหวนเสน่หาทุกนาที
มวลมาลีหรือจะเทียบมาเปรียบปาน

    งามละม่อมมิ่งฟ้ามายาจิต
ยิ่งเพ่งพิศเพลินตะลึงให้ซึ้งซ่าน
โนมเนื้อนวลยวนใจอาลัยลาน
สวยสะกรานเปล่งปลั่งสะพรั่งพราว

     พิสมัยนัยนาแก้วตาเอ๋ย
ไม่ลืมเลยมัวพะวงหรือหลงหนาว
เถิดลืมตามาบ้างสักครั้งคราว
ฟังเรื่องราวรักแรกอย่าแปลกเลย

     พี่ดังนกผกผินเที่ยวบินเดี่ยว
เห็นรุ้งเรียวเรืองรองส่องแสงเผย
ได้รับรู้ความนัยของใครเอย
ที่รำเพยแพรวพราววับวาวงาม

     อำไพผ่องส่องสว่างเข้ากลางจิต
กำเริบฤทธิ์แรงรักเกินหักห้าม
กระเหิมรักหนักหน่วงลุล่วงลาม
สุดจะปรามห้ามแล้วนะแก้วตา

     รอคอยมานับนานกว่าพานพบ
ถึงบรรจบแจ่มจันทร์ที่ฝันหา
ชะรอยบุญหนุนนำร่วมทำมา
จึงนำพาพบเนื้อนวลละออง

     ให้แสนรักแสนหวงกว่าดวงจิต
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้นะน้อง
โปรดปรานีพี่บ้างนะปรางทอง
จะเคียงครองคู่ขวัญจนวันตาย

     พี่นี้ซื่อถือสัตย์ปะติญาณ
รักนงคราญคนดีไม่หนีหาย
แม้หญิงอื่นหมื่นแสนไม่เสียดาย
รักแต่สายสวาทหวังน้องนางเดียว

     จะเที่ยงแท้แต่นุชสุดที่รัก
หญิงใดจักจะเสนอมิเผลอเกี้ยว
ถึงหยาดฟ้ามาให้ชมมิกลมเกลียว
ขอรักเดียวดวงชีวันเจ้าขวัญตา

     รักพี่นะนวลลออขอไมตรี
เอื้ออารีพี่สักหน่อยนะกลอยฟ้า
พี่นี้เล่ารักเจ้าเท่าชีวา
โปรดเมตตาพี่สักนิดเป็นมิตรใจ

     ดูซินี่พี่เคียงอยู่เพียงนี้
ขวัญชีวีมีแต่หลับเฝ้าหลับใหล
ปล่อยพี่พูดเพียงลำพังให้ยังไง
นี่กระไรไม่ลืมตามาบ้างเลย

     พี่หมายมาดปรารถนามาด้วยรัก
นวลนงลักษณ์หรือมิรู้จึงอยู่เฉย
หลับเสียแล้วแคล้วชมภิรมย์เชย
หรือทรามเชยเคืองขัดตัดไมตรี

     ให้นึกน่าน้อยใจจะไปแล้ว
คงคลาดแคล้วพลัดพรากจากแต่นี้
ไปละนะน้องนะจะไปที
มิอารีพี่สักนิดจึงคิดจร

     นิ่งฟังคำพร่ำพลอดน่ากอดนัก
ให้นึกรักเข้าแล้วไม่แคล้วอ่อน
ฟังคำหวานลานจิตเลิกคิดนอน
จักผันผ่อนพูดบ้างค่อยชั่งใจ

     แต่หวาดเสียวเดี๋ยวนี้ซีบนเตียง
อยู่ก็เพียงเคียงชิดสนิทใกล้
แค่ชุดนอนอ่อนบางคลุมร่างใน
ให้อับอายขายเขินสะเทิ้นทรวง

     ก็หวั่นหวั่นพรั่นพรึงคำนึงหนัก
แต่ก็รักนิดนิดพลอยคิดหน่วง
ที่สำคัญหนักหนากว่าทั้งปวง
กลัวจะล่วงลุกล้ำทำก้ำเกิน

     แต่ดูใจไม่น่ามาหาญหัก
ป่านนี้จักโจมจู่ไม่รู้เอิ้น
นี่พูดจาปราศรัยคงให้เชิญ
นึกน่าเพลินพูดดูรู้จักกัน 

     ขืนชักช้าพาไปไหนจะเจอ
ดูซิเธอทำน้อยใจให้ไหวหวั่น
นึกสงสารหวานคำที่จำนรรจ์
ก็เลยพลันลืมเนตรสังเกตดู........				
24 มีนาคม 2551 18:06 น.

ล่องเรือหารัก 3 ตอน ฝันบนเรือ

ป้าแช่ม

.   ถึงยามดึกดูดาวจนหาวง่วง
น้ำค้างร่วงพร่างพรมระดมใส่
ทั้งหนาวเนื้อเจือง่วงพ่วงอาลัย
ก็นึกให้เห็นเตียงเพียงจะนอน

    แล้วก้าวย่างเยื้องกรายเข้าในห้อง
แสงโคมส่องแสงพร่าจับผ้าผ่อน
เห็นชุดใหม่เตรียมไว้จะใส่นอน
ชมพูอ่อนเอี่ยมอ่องละอองตา

    แล้วปลดเปลื้องเสื้อผ้ามาอาบน้ำ
พอชื่นฉ่ำหนำใจไม่ชักช้า
ผ้าขนหนูห่มไว้ได้ออกมา
เอาแป้งทาหน้าตัวทั่วสรรพาง

    จับชุดนอนอ่อนเนียนมาเปลี่ยนใส่
ผมเผ้าไล้ครีมยีแล้วหวีสาง
กระจกส่องมองหน้าทำท่าทาง
ดูสำอางเอี่ยมอิ่มเรี่ยมระไร

    นึกพอใจในร่างแม้อย่างยิ่ง
ก็เพียงสิ่งสวยดีที่มีไว้
หากขาดผู้คู่เนื้อมาเจือใจ
ก็มิได้ดั่งสมอารมณ์ปอง

    พอนิ่งคิดจิตไกลไปหลายคุ้ง
ให้ยิ่งยุ่งยาวเฟือนละเลื่อนล่อง
พอนึกนานพาลบึ่งกึ่งคะนอง
ดูหอห้องหาวห้วงให้ง่วงเงีย

    แล้วขึ้นเตียงเคียงหมอนลงนอนข้าง
ผ้าห่มบางแบคลายสยายเกลี่ย
เอาตัวซุกซ่อนหนาวยังร้าวเพลีย
แสนละเหี่ยแห้งเหี่ยวเปลี่ยววิญญาณ์

    ดูเงียบเงียบเชียบแชเหลียวแลไหน
มิมีใครเคียงนวลให้หวนหา
เหมือนนกน้อยคอยคู่อยู่เอกา
เหงาชีวาพาคะนึงรำพึงครวญ

    หากยามนี้พี่อยู่อย่างคู่รัก
สุดที่จักสาธยายบรรยายถ้วน
ที่มองเมียงหรือจะเพียงแค่เคียงนวล
ใดรัญจวนควรข้องก็พ้องใจ

    ดังไฟรุมสุมขอนนอนประหวัด
ดึกสงัดเงียบงันแต่หวั่นไหว
ฤดีลามวามวูดูกระไร
จึงปรามให้ได้ระงับหลับนิทรา

    พอหลับลงส่งนิมิตวิจิตรฝัน
บรรเจิดนั้นในสถานพิมานฟ้า
ระยิบระยับวับวามอร่ามตา
ประดับประดาดวงมณีรุจีพราว

    ปรากฏแท่นบรรจถรณ์พร้อมหมอนมุ้ง
หอมจรุงฟุ้งกลิ่นประทินสาว
ดนตรีกล่อมพร้อมบรรเลงด้วยเพลงยาว
เป็นเรื่องราวร้องรับขับประโคม

    ตัวเองนั้นฝันเห็นเป็นอัปสร
อรชรอ่อนองค์ดำรงโฉม
วิไลลักษณ์เรือนร่างสำอางโลม
ฉวีโฉมโนมเนื้อดังเจือทอง

    พักตร์เอิบอิ่มพริ้มเพราเยาว์ดรุณ
ดั่งเริ่มรุ่นแรกสาวขาวผุดผ่อง
ทุกสัดส่วนชวนชายให้หมายมอง
จนหลงร้องรักเธอเพ้อตะลึง

    ยังหลับเนตรนิ่งนิทราอยู่ครานั้น
ยินเสียงอันไพเราะเสนาะซึ้ง
เป็นเพลงยาวกล่าวกลอนอ้อนรำพึง
ฟังคล้ายคลึงคลอเสียงอยู่เคียงกาย

    ว่ารินรินกลิ่นผกามาโชยชื่น
เพียงจะตื่นรื่นรมย์ก็สมหมาย
เกสรกลิ่นรินโรยโชยระบาย
น้ำค้างชายเชยชุ่มพุ่มพะยอม

    ดอกโศกเศร้าเหงาสร้อยละห้อยหา
พระพายพาพลิ้วเฉื่อยเรื่อยเรื่อยหอม
สาโรชรินกลิ่นอวลชวนดมดอม
เหมือนแนบน้อมหอมอวลเนื้อนวลปราง

    โอ้นางแย้มแย้มยิ้มเหมือนพริ้มพราย
ให้เชยชายชื่นอยู่มิรู้สร่าง
มาส่งกลิ่นรินรสไม่หมดจาง
ให้หอมค้างเคลิ้มคลุ้งจรุงใจ

    โอ้สร้อยฟ้ายาใจมาลัยรัก
หอมประจักษ์จับจิตยามชิดใกล้
รัญจวนกลิ่นหอมกรุ่นละมุนละไม
แสนอาลัยรอสงวนเฝ้าชวนเชย

    โอ้ดึกดื่นคืนหนาวพราวน้ำค้าง
จันทร์กระจ่างแจ่มดวงพุ่มพวงเอ๋ย
ไม่ลืมตามาบ้างนวลนางเอย
พี่ชวนเชยชมจันทร์เจ้าขวัญตา....

ยังนึกไม่ออกจะแต่งต่ออย่างไรดีน้อ..				
7 มีนาคม 2551 12:55 น.

ล่องเรือหารัก 2 ตอน ป้าแช่มดูดาว

ป้าแช่ม

.    ล่องนาวาหารักไม่พักหยุด
ท้องสมุทรสุดที่ไหนไม่ไขว่เขว
จะดั้นด้นค้นไปไม่รวนเร
จะทุ่มเทเตร่ตามห้ามไม่ฟัง

     สุดขอบฟ้าคณาไหนแสนไกลโพ้น
หาอ่อนโอนเอนเอียงเพียงแต่หวัง
ถึงน้ำขวางทางวนทะเลวัง
ไม่หยุดยั้งย่อนย่อทดท้อเลย

      ลำบากทางอย่างไหนไม่รู้สึก
ด้วยรักลึกนึกอยู่ไม่รู้เฉย
ดังต้องมนต์ดลจิตไม่รู้เงย
รังแต่เปรยเอ่ยรักไม่พักวาง

      ก็ตามแต่ดวงชะตาฟ้าจะโปรด
มิเคืองโกรธโทษฟ้าให้มาห่าง
นึกว่ากรรมทำไว้ให้เดินทาง
ถึงอัปปางกลางนทีไม่มีกลัว

      หากเรือล่มจมกลางหว่างสมุทร
ไม่สิ้นสุดพยายามตามสุดขั้ว
จะว่ายต่อตามติดลำพังตัว
ถึงมิดมัวมืดค่ำว่ายจ้ำไป

     มาอ้างว้างกลางชลระคนหมอง
นวลละอองนองหน้าน้ำตาไหล
สะอื้นอ้อนอ่อนจิตสะท้อนใจ
ละห้อยไห้หวนหาด้วยอาวรณ์

      ทินกรอ่อนแสงสีแดงเรื่อ
อยู่ในเรือนั่งทอดฤทัยถอน
เห็นอาทิตย์ตกน้ำจะดำจร
นึกสะท้อนคนรักจะจากไป

     ยิ่งสุดเหงาสุดเงียบระงับงัน
จะแลหันเหลือเห็นเส้นทางไหน
ลมสงัดสงบเงียบยะเยียบใจ
ปานจะให้หมดหวังลำพังเดียว

    โอ้ว้าเหว่เว้งว้างกลางสมุทร
ดังโลกหยุดสุดแกนแสนโดดเดี่ยว
ไม่เห็นใครไหนเลยสักคนเดียว
ให้ห่อเหี่ยวเหือดแห้งหทัยโทรม

     ตะวันลับลงน้ำเข้าค่ำคืน
ยิ่งขมขื่นกลืนกล้ำน้ำค้างโหม
ยะเยือกเย็นหนาวระยับจับโพยม
หยาดชโลมพรมเนื้อให้เหลือทน

     ถึงหนาวเนื้อหนักหนาว่าสาหัส
ยังกำจัดลงไปได้ตั้งหลายหน
แต่หนาวใจนี้ลำบากยากผจญ
คอยกังวลอยู่ทุกวันไม่ผันแปร

     แม้ฉะนี้พี่อยู่ไม่รู้หนาว
เพราะถึงคราวเคียงข้างไม่ห่างแห
นึกแล้วอายหมายเมียงชม้ายแล
เห็นดวงแขเคลื่อนคล้อยก็น้อยใจ

     เป็นดวงเสี้ยวเซียวซีดเสียสุดสุด
เหมือนแกล้งผุดโผล่ให้เห็นเป็นไฉน
ดวงจันทร์งอเหมือนง้อว่ารอใคร
ดังหทัยนวลลออเฝ้ารอมา

      โอ้พี่เอ๋ยเลยไปที่ไหนหนอ
ให้น้องรอร้างใกล้อาลัยหา
เฝ้ารำพึงคิดถึงแต่พี่ยา
ทุกทิวาราตรีมีแต่ตรม

       ดาวพร้อยพร่างกลางฟ้าเวหาห้วง
ระยิบดวงดารดาษปราศเมฆข่ม
หากมีพี่จะได้ชี้ให้น้องชม
แสนสุขสมชมชื่นตื่นดารา

      เห็นดาวเหนือวอนดาวเหนือจุนเจือด้วย
โปรดจงช่วยชี้สว่างทางข้างหน้า
ให้ได้พบคู่รักสักหน่อยนา
อย่าปล่อยข้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย

      ดาวลูกไก่ดูกระไรอยู่ไกลลิบ
ช่วยกระซิบส่งเสียงสำเนียงหมาย
บอกสาราว่าซึ้งถึงหนึ่งชาย
มิเคยคลายความรักที่ภักดี

      ดาวคันไถมีคันถือให้มือจับ
ช่วยกำชับกับจิตว่าติดพี่
ถึงห่างตัวหัวใจคือไมตรี
รักล้นปรี่ปลาบปลื้มมิลืมเลือน

     ดาวคนคู่มีคู่อยู่เคียงข้าง
แต่น้องนางร้างคู่ดูไม่เหมือน
แสนร้าวใจไร้คู่มาอยู่เรือน
เห็นดาวเตือนเหมือนจะแกล้งแสลงใจ

     ดูดาวศุกร์สุกสกาวพราวพริ้งเพริด
เหมือนรักเกิดกับน้องสุกผ่องใส
เพื่อรักพี่นี้คนเดียวไม่เหลียวใคร
รักแค่ไหนให้หมดไม่เหลือเลย

       ดาวจระเข้นึกสนเท่ห์จระเข้นัก
จะรู้จักรักบ้างไหมจระเข้เอ๋ย
เมื่อรักแล้วไยต้องแคล้วขาดคู่เชย
ไม่รู้เลยสักเมื่อไหร่จะได้เจอ

      ดูเดือนดาวคราวนี้มีแต่เหงา
ลำพังเราเฝ้าพร่ำรำพันเพ้อ
จนดึกดื่นยังจะขืนฝืนละเมอ
คิดถึงเธอสุดที่รักสลักใจ				
28 กุมภาพันธ์ 2551 06:51 น.

ล่องเรือหารัก

ป้าแช่ม

.      ท่องทะเลล่องมาเวลานี้
ท้องนทีคลี่คลายคลื่นหายคลั่ง
ฟ้าคำรณก่นก้องคะนองดัง
ก็หยุดสั่งเสียงลั่นหายหวั่นกลัว
 
        มองท้องฟ้านภากาศสะอาดใส
สว่างไกลใสสดหมดสลัว
เมฆครึ้มฟ้ามามลายสลายตัว
ฝนหยุดรัวไร้เม็ดเกล็ดละออง
 
         ความร้าวรวดปวดหนาวเมื่อคราวฝน
สุดจะทนกระวนกระวายก็หายพร้อง
แรงลมลดเลิกซัดพัดประคอง
ลำเรือล่องเรื่อยเรื่อยเอื่อยเอื่อยมา

        ลมพลิ้วแผ่วผิวกายสบายชื่น
ออกมายืนชมวิวทิวเวหา
ลิบลิบลิ่วลอยปุยขุยเมฆา
จับท้องฟ้าดารดาษดั่งวาดลาย

        มองเขม้นเป็นนกวิหกเหิน
บ้างดั่งเนินเผินผาพาละม้าย
บ้างดั่งสร้อยสังวาลประสานกาย
บ้างเป็นสายเส้นโค้งโยงถึงกัน

       บ้างเป็นช่อเช่นปวงพวงดอกไม้
มีก้านใบบังแซมแต้มรังสรรค์
ห่างออกไปให้เห็นเป็นชาละวัน
ให้ขบขันคิดไปประดามี

       เห็นเป็นลิงไล่ทึ้งดึงหางเก้ง
พอครื้นเครงเพ่งนภาพาสุขี
แต่ลึกลึกนึกไปในฤดี
ถึงยามนี้ที่หมายไกลสุดตา

        เพียงผู้เดียวเปลี่ยวเปล่าเหงาอ้างว้าง
แสนเคว้งคว้างกลางทะเลให้เหว่ว้า
ลำพังตนวนทะเลอยู่เอกา
มองฟากฟ้าพาคะนึงถึงหนึ่งใคร

          ละห้อยหากลางหนชลนที
หนาวฤดีพี่เอ๋ยเลยไปไหน
ล่องนาวาหารักสลักใจ
อยู่หนใดไกลห่างอย่างทะเล

          แม้นว่ามีพี่มาพาชื่นอก
นี่เหมือนนกตกน้ำระส่ำระเส
ให้หวั่นหวั่นสั่นไหวใจซวนเซ
แสนว้าเหว่อ้างว้างท่ามกลางชล

          มองเห็นปลามาใกล้ว่ายเกรียวกรู
เป็นคู่คู่เคียงกันไปไม่สับสน
นึกตัวเราเหงาเหงาเศร้าเหลือทน
เที่ยวดั้นด้นค้นหาคู่ไม่รู้เลย

       หากเพียงพี่มีมั่งนั่งเคียงชิด
เหลือจะคิดคาดได้นะใจเอ๋ย
เห็นมัจฉาพาคู่อยู่ชิดเชย
อิจฉาเฉยเลยเราเฝ้ามองดู

       ปลาโลมาเคียงโลมาพากันโจน
กระโดดโผนโผล่เห็นเป็นคู่คู่
มาเป็นฝูงเรียงรายคล้ายปลาทู
ดูก็รู้คู่ใครไปด้วยกัน

         ปลากระเบนเคียงกระเบนตระเวนว่าย
ตามเป็นสายเวียนวกพลิกผกผัน
เลี้ยวแฉลบแวบวับไวฉับพลัน
ตามเหหันพร้อมเพรียงเคียงคู่ไป

        เหลือเพียงเราเปล่าเปลี่ยวคนเดียวหนอ
ได้แต่รอรอคู่อยู่แห่งไหน
ล่องทะเลอ้างว้างหนทางไกล
แล้วเมื่อไหร่ได้พบประสบเอย

         ดวงตะวันผันคล้อยจะลอยลับ
ให้แวบวับวิญญาณ์นิจจาเอ๋ย
แสนเงียบเหงาเปล่าใจกระไรเลย
เหมือนเช่นเคยเคว้งคว้างกลางทะเล				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป้าแช่ม
Lovings  ป้าแช่ม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป้าแช่ม
Lovings  ป้าแช่ม เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟป้าแช่ม
Lovings  ป้าแช่ม เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงป้าแช่ม