7 กันยายน 2545 09:57 น.
ปุถุซน
สันติภาพ
แต่งตัวเฉิดฉาย
วางมาดขรึม
วางท่าสงบ
อยู่ในพจนานุกรม
สันติภาพ
ฉันได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม
ของแกมานานแล้ว
แต่หน้าตาของแก
เป็นอย่างไร
ฉันไม่เคยเห็น
แกดังน่าดูเชียวน่ะ
ใครใครก็พูดถึงแก
เวทีประชุมระดับโลก
ก็แอบอ้างชื่อแก
สันติภาพ
แกหลับใหลอยู่ที่ไหนกัน
แกปล่อยให้มหาอำนาจ
รุกรานประเทศด้อยพัฒนา
แถมยังปล้นสูบเอาทรัพยากรของเขาไปใช้อีก
แกปล่อยให้เกิดการหนองเลือดในปาเลสไตน์
ปล่อยให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ในบอสเนียเฮอร์เซโกวินา
หนำซ้ำแกยังปล่อยให้นานาประเทศ
คว่ำบาตรเด็กเด็กที่หิวโหยในอีรัก
สันติภาพ
แกเป็นใครกันแน่
ชื่อแกดูหรูหรา
อลังการเชียวล่ะ
แต่แกรู้ไหม
มนุษย์ มนุษย์
ป่าวร้องกู่ตะโกนก้องว่า
สันติภาพ....
แต่อาวุธเแอ่นเต็มหลัง
มนุษย์สะสมอาวุธ
เพื่อฟาดฟันฆ่ากัน
แต่แกก็วางเฉยเสมอ
แกปล่อยให้มนุษย์สะสมกัน
สันติภาพ
แกกับฉัน
ขาดกัน
30 สิงหาคม 2545 20:32 น.
ปุถุซน
ฉันเห็นแอ็ปเปิลลูกหนึ่งมีศรปักไว้
ฉันสงสัยใคร่รู้ใครฝึกยิงธนูมือฉมัง
จึงหยิบมาดูและเพ่งพินิจแล้วหลับตา
ฉันแลเห็นลูกศรพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามา
พุ่งราวกับเป้าหมายของมันคือฉันนั่นเอง
ด้วยความตื่นตระหนกสุดใจกลัว
ต่ออานุภาพพลังขับเคลื่อนแห่งธนูศร
ฉันถึงกับต้องรีบลืมตาแล้วเห็น
ศรปักลงตรงกลางลูกแอ็ปเปิลในอุ้งมือฉัน
.
แล้วฉันหลับตาอีกครั้ง
ฉันเห็นศรธนูค่อยค่อยถอยออก
ถอยออกจากลูกแอ็ปเปิล
มันกำลังถอยหลังอย่างดงามสุดพรรณนา
เป็นภาพที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต
การถอยหลังของศรธนูวิจิตรพิศดาร
พลันยินเสียงมันพุ่งถอยหลังแหวกอากาศ
แล้วหยุดกึกที่คันธนูของพลธนูผู้หนึ่ง
ฉันเห็นแววตาแห่งความมุ่งมั่น
ฉายความรู้สึกมั่นใจเต็มอัตราศึก
ฉันคิดในใจและพูดกับตัวเอง
บุรุษหนุ่มผู้นี้คงไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา
อาจเป็นผู้กล้าอัศวินอารีผู้ทรงธรรม
แววตาของชายหนุ่มมิได้กร้าว
แต่ซ่อนไว้ด้วยความสุขุมสงบขรึม
และเต็มไปด้วยความนอบน้อมถ่อมตน
..
อีกคราที่ฉันลืมตา
ภาพชายหนุ่มกำลังง้างคันธนู
อันตรธานหายไปสิ้น
เหลือแต่ศรธนูปักแอ็ปเปิลในอุ้งมือ
22 สิงหาคม 2545 12:09 น.
ปุถุซน
บทเพลง บทกวี ดนตรี
และความรัก ช่างอ่อนหวาน
พริ้วไหวและล่องลอย
พัดพาจิตใจให้เคลิ้มฝัน
ลัดเลาะไปตามท่วงทำนอง
ร้อยรัดดวงใจเข้าไว้ด้วยกัน
รอยยิ้ม น้ำตาแห่งความปีติ
ซาบซ่านในรักมิได้ก่อเกิดง่าย
และมิอาจบลงได้อย่างรวดเร็ว......
...
ขอความรักในนิยามแห่งรักนี้
โปรดไปสู่ห้วงดวงใจของใคร
สักคนที่ฉันรัก
...........................
21 สิงหาคม 2545 09:31 น.
ปุถุซน
มีทางสายหนึ่งที่ดูเปล่าเปลี่ยว
อ้างว้างเดียวดายสุดเวิ้งว้าง
ทางสายนี้มีชื่อว่า
The Roadless Travel
ทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน
ชื่อก็สื่อบอกความหมายว่า
มันเป็นถนนร้างไร้ห่างผู้คน
ใครที่หลงเดินผ่านเข้ามา
ต้องพบกับความเงียบสงัด
เงียบสงบจริงจริง
ยินแต่เพียงแค่ลมหายใจรดริน
มีหลายคนผ่านเข้ามาในเส้นทางแห่งนี้
บางคนหลงเข้ามา
แต่บางคนตั้งใจมา
บางคนหนีความวุ่นวาย
ของมหานครใหญ่อึกทึก
บางคนตั้งใจหลบลี้ผู้คน
ถนนสายนี้ยอมรับและเป็นมิตร
กับทุกผู้คนในโลกนี้
ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะทำบาปผิดเลวแค่ไหน
หรือว่าเขาจะบริสุทธิ์ผุดผ่องสักปานใด
ขอต้อนรับทุกทุกท่านสู่
ถนนที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน
17 สิงหาคม 2545 14:59 น.
ปุถุซน
เมื่อท้องฟ้าหอบเอาเมฆหมอกรวมตัวกัน
ท้องฟ้าดูหม่นหมองสีดำทะมึนขมุกขมัว
บรรยากาศดูน่ากลัววังเวงและเดียวดาย
พลันมีลมพัดเข้ามาเข้ามาแต่ไกล
จากลมเบาเบาค่อยค่อยแรงค่อยแรง
แล้วฝนก็โปรยลงมาพร้อมกับพายุ
ที่หอบเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่ขว้างหน้า
..
ฉันเดินดุมดุมท่ามกลางพายุฝนกระหน่ำ
เดินฝ่าละเมาะแมกไม้โขดหินลื่นไหล
ฝนก็ตกพร่ำพร่ำลมก็พัดเกรี้ยวกราด
ใจหนึ่งนั้นระทึกหวาดหวั่นวิตกกลัวผวา
แต่อีกใจหนึ่งกลับกล้าเผชิญแม้เดียวดาย
ในนาทีนั้น.
ที่ชีวิตฉันราวกับแขวนไว้บนเส้นด้าย
ฉันพลันนึกขึ้นมาในใจดุจดังบ่าวที่วิงวอน
ต่อพระเป็นเจ้าในมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์
โอ้..เจ้าพายุร้าย
เขมือบฉันไปซิถ้าเจ้าไม่รังเกียจฉัน
หอบฉันไปซิหอบฉันไปพร้อมกับสรรพสิ่ง
หอบฉันไปให้ไกลไกลสุดไกลถึงขอบจักรวาล
.
แล้วพายุใหญ่ก็สงบ
มันไม่ได้หอบฉันไปด้วย
ฝนก็หยุดสาดแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มปลอดโปร่ง
หมู่เมฆเริ่มสลัดสีหมองมัวออก
แล้วเต้นระบำก่อรูปร่างแปลกประหลาด
ฝูงนกต่างออกมาวาดลวดลายบินแข่งกันฉวัดเฉวียน
แล้วมีแสงสีเงินสีทองทาบทอออกจากขอบฟ้าทางตะวันตก
พลันปรากฎโค้งรุ้งงามหลากสีสันวิจิตรตระการตา