12 มกราคม 2552 13:58 น.
ปีศาจหัวโต
ฉันได้ยินเสียงก่นด่าทุกชนิด
เสียงนินทาว่าร้ายแว่วดังในความคิด
มองเห็นหัวหงอกหัวดำนั่งเบียดชิด
หลายสิบปากเปล่งคำพูดแห่งการยึดติด
ไม่สนใจการกระทำถูกหรือผิด
เสพคำพูดอิจฉาริษยาอยู่เนืองนิตย์
เหมือนนั่งกลางสี่แยกที่เต็มไปด้วยควันพิษ
สังคมหลากหลายเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต
ในวันที่จิตวิญญาณแห่งตัวตนเหนื่อยล้าอ่อนแรง
ในห้วงอารมณ์ที่ปราศจากแสง
ดวงอาทิตย์ก็ยังคงร้องแรง
สาดส่องสังคมอุดมด้วยความหวาดระแวง
มองเห็นแค่เปลือกนอกลงความเห็นแล้วสาปแช่ง
เย็ดแม่งความเงียบงันหายไปไหนเสียเล่า
ใครหลายคนเฝ้ารอคอยจนเบื่อหน่าย
ทำร้ายกันไปมาจนแพ้พ่าย
จมอยู่ในวัฏจักรเวียนว่าย
การเอาตัวรอดในสังคมเน่าเฟะนั้นไม่ง่าย
แบ่งก๊กยกพวกพ้องฟ้องสถาบันบ่อเกิดเหตุวุ่นวาย
พลังบริสุทธิ์สามัคคีถูกทำลาย
ผู้ใหญ่วอดวาย
สังคมแห่งรากเหง้าเสื่อมสลาย
ฉิบหายนี่หรอกหรือคือเรื่องจริง
แนบอิงแอบอยู่ในสายลมรำเพย
ธรรมชาติไม่เฉลยความในใจ
ในครรลองแห่งความเป็นไป
เหตุไฉนจักต้องสนใจคำพูดลอยลม
ผสมผสานคำพิพากษา
เข็มนาฬิกาที่ตายไปแล้ว
ยังมีประโยชน์เสียกว่าคำพูดทับถมย่ำยี
มันไม่ใช่คำพูดแห่งคำภีร์
ความกรุณาปราณีถูกลืมเลือน
9 มกราคม 2552 23:50 น.
ปีศาจหัวโต
ท้องฟ้าปลอดโปร่งยามเย็น
ฉันมองเห็นกลุ่มเด็กน้อย
เหงื่อชุ่มใบหน้าไหลย้อย
ตะวันคล้อยลาลับโลก
เสียงหัวเราะสนุกสนาน
ยิ้มเบิกบานไร้ทุกข์โศรก
ไม่คำนึงชะตาโชค
โบกมือลาแล้วจากกัน
พบเจอกันใหม่พรุ่งนี้
สถานที่เดิมแห่งนั้น
เวลาหมุนแค่เปลี่ยนวัน
แต่การแบ่งปันคงอยู่
บางครั้งกระทบกระทั่ง
เหมือนดั่งเปลี่ยนผ่านฤดู
ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
ฉันมองดูด้วยรอยยิ้ม
เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี
เพราะมีอารมณ์กรุ้มกริ้ม
เด็กน้อยแววตานุ่มนิ่ม
อิ่มเอมใจเกมส์กีฬา
รู้ชนะและรู้แพ้
นั่นคือตัวแก้ปัญหา
สังคมอุดมปัญญา
แลกมาด้วยความขัดแย้ง
เป็นธรรมดาที่ต้องเจอ
ฉันและเธอทะเลาะเบาะแว้ง
บางครั้งอาจจะรุนแรง
แฝงเร้นด้วยโมโหโทโส
สายลมพัดผ่านไปมา
นาฬิการ้องไห้โฮ
มิตรภาพนั้นใหญ่โต
บอกได้คำเดียวNo Wa
8 มกราคม 2552 19:41 น.
ปีศาจหัวโต
ฉันเกลียดพวกยิวเพราะเห็นเลือด
เด็กน้อยปาเลสไตน์หลายร้อยคน
จากโลกไปโดยไม่ได้เอ่ยคำลา
ตับไตไส้พุงทะลักออกมาทำให้ฉันร้องไห้ไม่ออก
ได้แต่กำหมัดและก่นด่าพวกตะวันตกใจแคบ
พวกที่สมมุติว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก
ในวันนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว
เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงกับถ้อยคำโกหกหลอกลวง
ตะวันตกอย่างดีก็แค่เปลือกนอก
ในก้นบึ้งมีแต่ความอิจฉาริษยา
แท้จริงชอบก่อสงครามโดยใช้พวกยิวเป็นหุ่นเชิด
มันเหมาะสมดีแล้วหรือ
กับภารกิจทำลายล้างเด็ก ผู้หญิง และคนแก่
พวกยิวสมองดีและเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด
ฉันภาวนาให้ชนชาติยิว
ต้องหลุดลอยออกไปจากแผนที่โลกในสักวัน
วันนั้นคงเป็นวันที่สันติภาพ
งดงามอยู่ในแสงแดดตอนเช้า
วันที่ค่ำคืนห่อหุ้มด้วยมิตรภาพ
อำนาจจอมปลอมจะถูกอัลลอฮจัดการให้สิ้นซาก
ผู้ทรงช่วยกำหราบพวกตะวันตกที่และยิวใจแคบ
ที่พวกมันก่อสงครามทำลายล้างมาหลายวัน
เลิกแบ่งปันทั้งที่ตัวเองมาทีหลัง
ชนชาติยิวโปรดระวังตัวเอาไว้ให้ดี
ชาวมุสลิมมีของดี
นั่นคือ สามัคคีในสายเลือดแห่งศรัทธา
5 มกราคม 2552 22:35 น.
ปีศาจหัวโต
ฉันร้องไห้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค
เป็นคำพูดที่เปล่งออกมาจากชายร่อนเร่พเนจร
คำพูดที่ไร้รูป รส กลิ่น เสียง
มันทำให้ฉันร้องไห้ฟูมฟาย
โอ้ ชายพเนจรที่มีความคิดยิ่งใหญ่กว่าขุนเขา
หนวดเคราของแกงอกออกมาเพียงเพราะสายลมพัด
แกนั่งนอนที่ไหนก็ได้บนโลก
ความโศรกเศร้าอย่าให้พูดถึง
แกบอกว่ามันมีอยู่ในทุกวินาที
เราจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
ความวุ่นวายทั้งหลายได้หายไปตลอดการสนทนา
จังหวะชีวิตคือต้นตอทั้งหมด
ชีวิตใครชีวิตมัน
มีชีวิตเพื่ออยู่ อยู่ให้ได้ ไม่ได้อยู่เพื่อใคร อยู่เพื่ออยู่เพียงเท่านั้น
คำพูดได้ซึมลึกเข้าไปในสมองอันเล็กลีบของฉัน
มันเข้าไปสะกดจิตวิญญาณ
ทั่วทั้งร่างมึนชาครู่ใหญ่
ดวงตาแวววาวมีน้ำใสหล่อเลี้ยง
มันนานเท่าไหร่ที่ฉันไม่เคยร้องไห้
ฉันจากชายพเนจรมาด้วยการไม่บอกลา
เพื่อไปร้องไห้อยู่คนเดียว
ภายในห้องสี่เหลี่ยมแออัดคับแคบ
เสียงร้องที่แผ่วเบาขัดแย้งกับน้ำตาที่ล้นทะลัก
ความรู้สึกทั้งหลายแหล่ไม่กล้าที่จะข้องแวะกับฉันในเวลานี้
ติ๊ก ต๊อก ติ๊ก ต๊อก
นาฬิกาโบราณเดินอย่างเบื่อหน่ายอยู่บนฝาผนัง
มันทำงานได้ทุกวี่วัน
มันควบคุมฉันตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งตายไป
ฉันจ้องมองลูกตุ้มที่แกว่งไปมาพร้อมคราบน้ำตา
คิดถึงชายพเนจรขึ้นมาจับจิต
แสงสว่างเรืองรองห่อหุ้มร่างกายของแก
แท้จริงแล้วไม่มีใครมองเห็นแม้แต่ตัวแกเอง
ถึงใครหน้าไหนจะมองไม่เห็น
ฉันนี่แหละที่มองเห็นพร้อมหยดน้ำตา
5 มกราคม 2552 02:02 น.
ปีศาจหัวโต
ฝนตกโปรยปรายไหลเป็นสาย
ร้องไห้กับความตายมาพลัดพราก
สิ่งมีชีวิตลาลับแสนลำบาก
ทำใจยากยอมรับแห่งครรลอง
คิดจะหวังพึ่งพรอันประเสริฐ
ช่วยด้วยเถิดคลายดวงใจโศรกเศร้าหมอง
ฝากแสงไฟสะท้อนน้ำเจิ่งหนอง
ชุบชีวิตที่หมายปองกลับคืนมา
โอ้ราตรีช่างมืดมิดปลิดแสงเงา
ให้ความเหงาเดินทางตามหาเวลา
ได้พูดคุยหัวเราะเคล้าน้ำตา
อนิจจานี่หรือความเป็นไป
ความวุ่นวายปลิวว่อนในอากาศ
บริจาครอยยิ้มหวังเยียวยารักษา
แต่มันไม่ได้ช่วยให้เกิดปัญญา
เอือมระอาสังคมแก่งแย่งชิงดี
สัตว์โลกที่หื่นกระหายอำนาจ
สัญชาตญาณดิบเถื่อนทับถมย่ำยี
ทุกสิ่งและทุกอย่างตัวกูจะต้องมี
วันเดือนปีเดินผ่านไปไร้ความหมาย
สันติภาพงดงามเคยวาดฝันซะสวยหรู
กวาดสายตามองดูหมู่มิครสหาย
ที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดเคียงข้างกาย
เมื่อหมดเงินกลับกลายเป็นซาตาน
หากเข้าใจอนาคตคงเลิกโกรธ
บาปบุญคุณโทษเกาะกินจิตวิญาณ
เพื่อนแท้เทียมบังเอิญเจอกันในวันวาน
ความจริงยาวนานกาลเวลาพิสูจน์