9 ตุลาคม 2542 07:41 น.
ปีกฟ้า
มองดวงดาวพราวตากลางฟ้ากว้าง
ใจเวิ้งว้างเริ่มกลัวขลาดหวาดหวั่นไหว
เหงาปล่าวเปลี่ยวเดียวดายเศร้ากายใจ
จำจากไปไกลจากเธอด้วยน้ำตา
เหมือนความฝันผันผ่านอยู่นานเนิ่น
รักกว่าเกินเดินจากไปใจผวา
เหลือแค่เพียงเสียงของเธอเพ้อพร่ำมา
แล้วเวลาคงลบเลือนกลบเกลื่อนจาง
จากวันนี้จักมีใครห่วงใยอีก
ดุจถูกฉีกความผูกพันเป็นฝันค้าง
มองรอยยิ้มพริ้มร่องรอยค่อยเลือนลาง
ความอ้างว้างปลิวแทรกซ่านผ่านสู่ใจ
เพราะเธอคือผู้สร้างฉันในวันก่อน
เธอช่วยสอนช่วยแนะนำช่วยแก้ไข
เธอจักคือภาพทรงจำย้ำดวงใจ
เธอผู้ให้เพราะเธอคือจุฬา...
9 ตุลาคม 2542 07:44 น.
ปีกฟ้า
กลางทุ่งข้าวค่อยผันแปรแลเหลืองเขียว
ลับคมเคียวเตรียมตัดส่งขัดสี
เป็นความหวังหลังคอยรอยยิ้มมี
หักลบหนี้ที่คาค้างล้างผ่อนคลาย
แล้วละเลยไม่เคยแลแต่น้อยนิด
ความหวังปิดเลือนลางเขียวจางหาย
น้ำเหือดแห้งแมลงลงนาคงตาย
เหลือฝันร้ายกรายย่างผ่านทางมา
สิ่งดีดีมีอันใดใคร่จักอยู่
เพียงรับรู้ดูเฉยเคยไขว่หา
ไม่แยแสแค่เศษเสี้ยวจะเยียวยา
ไร้คุณค่ากว่าเกินเมินสนใจ
รอจนวันมันฉิบหายหรือตายจาก
รอจนพรากยากเหหันทำหวั่นไหว
คุณค่าเห็นเป็นปรากฏงดต่อไป
ก่อเก็บไว้ใจเหือดหายเสียดายพลัน...
9 ตุลาคม 2542 07:44 น.
ปีกฟ้า
ก็เพราะว่าทุ่งหญ้าพริ้วปลิวสีเขียว
เป็นเศษเสี้ยวเพิ่มชีวิตความผิดหาย
เปิดพระจันทร์ตะวันลับสลับลาย
สิ่งเลวร้ายคงผ่านไปในเวลา
ปีกผกผินบินทะยานเปรียบปานหงส์
ฝ่าไพรพงโฉบจงอางหวั่นผวา
รอยตีนเหยียบก้าวย่างทางหญ้าคา
โดดหนีมาเร้นซุกซ่อนก่อนเผยตัว
หางพุ่มสวยกรีดกรายตามวิถี
แมลงมีแอบปิดบังมุมสลัว
จิ้งจอกป่าหอนคำรนใต้จันทร์มัว
เหล่าหลายตัวเริ่มวงจรพึ่งพากัน
ก็เป็นอยู่วัฏจักรไม่เคยหยุด
ใยมนุษย์จะแค่เพียงผิดผกผัน
มิสันโดษสัจธรรมมีสัมพันธ์
ต่างแบ่งปันความอยู่รอดเท่าที่มี
คงจักเกิดคราบร่องรอยความฉิบหาย
อยู่และตายคือทางเลือกและทางหนี
หากมนุษย์ฟุ้งเฟ้อเกินเทคโนยี
โลกน้ำเงินจะหมองสีเหลือเพียงนาม...