9 ตุลาคม 2542 08:52 น.

ป่า

ปีกฟ้า

หยาดหยดน้ำโปรยปรายมาจากฟ้ากว้าง
กลบเลือนลางพรางตะวันอันเฉิดฉาย
แผ่นดินชุ่มโอบอุ้มน้ำตามดินทราย
มวลแมกไม้คลายเร้าร้อนตอนฝนพรำ
จากป่าเหลืองแปรเปลี่ยนมาเป็นป่าเขียว
เกิดกลมเกลียวเริ่มสมดุลจากบอบช้ำ
พลิกฝันฟื้นคืนเรื่องราวคราวกระทำ
ชื้นชื่นฉ่ำธรรมชาติวาดคืนมา
แต่สายฝนเพียงเสี้ยวหนึ่งซึ่งโปรยปราย
คงซึมทรายแทรกดินซ่านผ่านหินผา
แล้วระเหยเหือดแห้งน้ำตามเวลา
เกิดคุณค่าพริบตาเดียวก็หายไป
แม้ไม่อาจบังคับฟ้าว่ากล่าวฝน
ให้ร่วงหล่นตกบ่อยตามความอยากได้
แต่สามารถขบครุ่นคิดว่าจิตใจ
อย่าตัดไม้ทำลายป่ากว่านี้เลย...				
9 ตุลาคม 2542 08:47 น.

กำลังใจ

ปีกฟ้า

เคยเศร้าหมองร้องไห้ไร้ความหวัง
หมดกำลังความตั้งใจจะใฝ่ฝัน
เหนื่อยอ่อนล้าเกินกว่าจะฝ่าฟัน
รอสักวันให้ใจฟื้นพลัง
เมื่อตะวันผันผ่านสู่น่านฟ้า
เบิกดวงตารอยยิ้มและความหวัง
เริ่มชีวิตตั้งต้นใหม่ใส่กำลัง
ไม่หยุดยั้งความฝันใฝ่ให้จางลง
เรื่องราวร้ายเคยกรายย่างผ่านทางมา
ความเหนื่อยล้าจะทำลายกลายเป็นผง
ด้วยร่างกายกับจิตใจยังยืนยง
ก้าวมั่นคงพร้อมพบพานสิ่งดีดี
ความเลวร้ายจะกลายกลับรับวันใหม่
ความฝันใฝ่ที่รอคอยไม่ถอยหนี
สู้เพื่อฝันด้วยเรี่ยวแรงเท่าที่มี
เพื่อพรุ่งนี้ที่จะดีกว่าวันวาน...				
9 ตุลาคม 2542 08:42 น.

ชีวิต...ต้องสู้

ปีกฟ้า

บนเส้นทางกว้างไกลในชีวิต
ที่เคยผิดพลาดมาก็หลายหน
ก้าวพลั้งไปเจ็บปวดจำต้องทน
หลีกไม่พ้นจนผ่านและผันไป
ทุกคนรู้ชีวิตต้องต่อสู้
ทุกคนรู้เลือกเกิดกันไม่ได้
ความเจ็บช้ำน้ำตาอยู่ในใจ
ถึงอย่างไรคงต้องสู้จนชีพวาย
หนทางนี้มิได้โรยกลีบกุหลาบ
เป็นพื้นราบปนขุรขระหลุมหลากหลาย
ให้คนเดินผันผ่านไปมากมาย
ตะวันฉายส่องมาท้าตัวเรา
โลกนี้ย่อมมีสิ่งที่สมหวัง
สร้างรอยยิ้มเป็นกำลังไม่ให้เฉา
เช่นเดียวกันความผิดหวังก็ไม่เบา
คงโศกเศร้าบนทางเดินของบางคน
เพราะชีวิตคือชีวิตอาจผิดพลาด
หากสามารถทนสู้ไปทุกแห่งหน
จักไม่เกิดทางตันจนอับจน
หลุดรอดพ้นเรื่องราวที่รุมมา   
แล้วสักวันฟากฟ้าจะเปิดกว้าง
ส่องเห็นทางยาวไกลไร้ปัญหา
แม้วันใดพายุร้ายย่างกรายมา
ก็รู้ว่าสักวันจะผ่านไป...				
1 พฤศจิกายน 2543 22:26 น.

เหงา

ปีกฟ้า

คืนหนึ่ง...
ค่ำคืนนี้ไร้ดาวเดือนเป็นเพื่อนพ้อง
แม้เหม่อมองหาเท่าไรก็ไม่เห็น
นอกหน้าต่างช่างว่างเปล่าสุดหนาวเย็น
จันทราเร้นหลบซุกซ่อนด้วยอีกดวง
มีก็แต่เหล็กดัดสีข๊าวขาว
มุ้งลวดยาวขวางราตรีที่ใหญ่หลวง
สีหมองหม่นปนคล้ำคล้ำดำทั้งปวง
ดาวตกร่วงแบบนิยายก็ม่ายมี
นั่งเหม่อลอยบนโต๊ะไม้คล้ายท่อนซุง
ตามองมุ่งสู่เบื้องหน้าฟ้าหมดสี
ยิ้มแหยแหยไร้เมตตาไร้ปราณี
โคตรคิดถึงเธอคนดีเหงาจังเลย.......                

คืนต่อมา...
ค่ำคืนนี้มีดวงดาวพราวฟ้ากว้าง
อยู่รอบข้างดวงเดือนเพื่อนคู่หู
ช่างสวยงามตามใจใคร่มองดู
เพียงอยากรู้ทำอย่างไรไข่วคว้าเดือน
เธอดุจดาวดวงเดือนย้ำเตือนฉัน
เธอคือฝันอันล่องลอยคอยเชือดเฉือน
เธอคือฝันที่เป็นจริงหรือลางเลือน
หรือฉันเหมือนหมาน้อยน้อยคอยดูดาว...				
9 ตุลาคม 2542 08:38 น.

ฤาจะไม่จบลง

ปีกฟ้า

ใช่เป็นเพียงเสียงเล่าขานที่นานมา
ใช่มีค่าแค่กวีที่เสี้ยมสอน
ใช่แค่คำล่ำลือหรือบทกลอน
หากคำสอนคือความจริงทิ้งมานาน
ใช่อยากบอกแค่ฟากฟ้ามีสิ้นสุด
หากสมุทรขุนเขาเล่าขับขาน
ใช่เพียงกลายเป็นธุลีไปตามกาล
หากขับขานบอกเวลาว่าผ่านไป
ใช่บอกว่านาฬิกาน่าจะหยุด
ใช่สิ้นสุดแค่บอกขอแก้ไข
ใช่อยากทำภูผาแกร่งกว่าสิ่งใด
หากหัวใจจะบอกว่าไม่นิรันดร์
ใช่ความหมายเวลาค่าจะมาก
ใช่ว่าอยากเป็นได้ก็แค่ฝัน
ใช่ค้ำฟ้าถึงแม้แต่ตะวัน
ทุกสิ่งอันมีจบลงคงความจริง...				
ไม่มีข้อความส่งถึงปีกฟ้า