25 พฤศจิกายน 2553 18:36 น.
ปาลิน
ทุกสัมผัสร่ำซบอันอบอุ่น
ยังอวลกรุ่นดวงดอกไม้หลากหลายสี
ที่เริงล้อดวงตะวัน นับพันปี
ละมุนอยู่ทุกนาทีของชีวิต
หอมกลิ่นดวงดอกไม้
ปานหัวใจไหวว้างจะคว้างปลิด
หนทางใดไม่รู้นำสู่ทิศ
มาชมชื่นใกล้ชิดดวงดอกไม้
เป็นดวงใจและดวงตา
ในเวลาอารมณ์ขื่นขมไหม้
หากแม้ต้องมืดบอดตลอดไป
ก็ไม่ขอแสงใดช่วยนำทาง
ฉันจะเดินไปสู่ดวงดอกไม้
สัมผัสสายลมไกวอันไหวพร่าง
เศษใบไม้แห้งกรอบผู้บอบบาง
คงส่องทางให้เห็นถึงเส้นชัย
จะกอบเก็บมวลดอกไม้ภายใต้ฟ้า
เพื่อทายท้าความทุกข์แห่งยุคสมัย
ปลอบประโลมผู้ช้ำชอกด้วยดอก-ใบ
สวมร้อยเป็นมาลัยแนบในทรวง
22 พฤศจิกายน 2553 21:42 น.
ปาลิน
อยากกลับไปหา..อยากไปเห็น
ถึงผู้เป็นหัวใจและความหวัง
เพื่อครวญเพลงผ่าวแผ่วให้แว่วฟัง
ในโอบห้อมล้อมขังของความรัก
ผ่านแนวรั้วลมเร่อันเสรี
บนแผนที่ไร้ผู้ซึ่งรู้จัก
จะบรรเลงกวีหวานเนิ่นนานนัก
ให้สมกับค่ารักที่พักพิง
โน่น! ม้านั่งสีขาวใต้ราวฟ้า
นั่น! ฝูงปลาตัวน้อยผู้อ้อยอิ่ง
นี่! ดอกหญ้ากวัดไกวไหวระวิง
นู่น! ฝักต้อยติ่งและชิงช้า
จะวาดจักรวาลมากำนัล
ตราบที่ยังมีฉันให้ฝันหา
จะขอเป็น เทพนิยายประกายตา
ทดแทนปรารถนา จินตนาการ
แลกกับรอยยิ้ม..เสียงหัวเราะ
มากุมเกาะวันวัยให้ไหวหวาน
ท่ามสายลม แพรหมอก ดอกไม้บาน
ให้อวลกลิ่นแนบกาลนานนิรันดร์
จะกล่อมเจ้า..ผู้เขลากลัว
คืนที่ฟ้าหม่นมัวไร้สีสัน
ให้ทิวา-ราตรีไม่เงียบงัน
แทนวันที่ไม่มีฉัน...เธอฝันดี
18 พฤศจิกายน 2553 22:22 น.
ปาลิน
ปานน้ำค้างพร่างเกล็ดเป็นเม็ดน้อย
แทนหยาดถ้อยหลั่งลามซึ้งความหมาย
ปานวงแดดแผดผ่องส่องระบาย
ค่อยย่างกรายเคลื่อนแวะแตะดวงตา
รับอรุณห้อมห่มแห่งลมเช้า
ดวงดอกไม้ไหวเบารบเร้าหล้า
สูงสุดเอื้อมสุดสิ้นจินตนา
เกินกว่าฟ้าสีเทาจักเข้าใจ
เป็นอย่างไรหนอใจจิตความคิดถึง
จึงรำพึงเพ้อพร่ำทุกคำไข
เมื่อเมฆขาวลอยล่องเที่ยวท่องไป
ก็แสนไกลเกินกว่าจักคว้ามา
ท่ามกลางแดดสายและบ่ายนั้น
ดวงตะวันล้อหยอกกับดอกหญ้า
อุ่นอวลไอละออทอทาบทา
ก็รู้ว่ากระแสกาลจะผ่านไป
สู่ความเงียบงันในค่ำคืน
อาจบางใครน้ำตารื้นสะอื้นไห้
เพราะเหว่ว้าขลาดเขลาไม่เข้าใจ
จะหยุดโลกอย่างไรให้หมุนช้า
เพื่อกลับสู่ฝันชื่นคืนวัยเยาว์
ฟื้นถ่านเถ้าทรงจำอันล้ำค่า
ที่เลือนหายลับลิบชั่วพริบตา
ให้เยือนมาทายทักอีกสักครั้ง.
7 พฤศจิกายน 2553 17:24 น.
ปาลิน
สายลมอ่อน
แทนทุกห้วงอาวรณ์ที่รู้จัก
กรีดเสียงส่งสายมาทายทัก
หวีดไหวไกวกวักจนมักคุ้น
ไม่เคยได้พบหน้า
ยินแต่คำร่ำลาอันอบอุ่น
พร้อมทุกเอื้ออาทรอ่อนละมุน
ปานว่าโลกจะหยุดหมุนเสียตรงนั้น
สรรพสิ่ง...
มิรู้ว่าความจริงหรือความฝัน
ที่เชื่อมน้ำเชื่อมฟ้าเข้าหากัน
และแยกโลกสะบั้นอย่างชัดเจน
เกลียวคลื่น
ยังสะอื้นหลั่งรายไม่วายเว้น
ปราสาททรายไหวโยนจนโอนเอน
ร่ำไห้ให้เห็นอยู่เช่นนั้น
เสียงดนตรีนี้แสนเศร้า
ไหวไหวเบาเบาก็ใจสั่น
อาจว่าเราขลาดเขลาเท่าๆกัน
จึงฝากถ้อยรำพันในวันวาย.
4 พฤศจิกายน 2553 19:56 น.
ปาลิน
มาเถิดเธอขวัญเจ้าผู้เยาว์วัย
ห้วงอาลัยร่ำร้อยจักคอยหา
โอบเอื้อมแห่งถวิลจินตนา
รอซับหยาดน้ำตาที่บ่าริน
ตรงดวงตาโชนฝันหวั่นสะทก
รอนล้าดั่งลูกนกที่ผกผิน
ปีกบางโบกสะบัดค่อยหยัดบิน
จวบวันนี้พลัดดินไปถิ่นใด
แห่งราตรีเหน็บหนาวอีกยาวนาน
จักเคลื่อนกาลกล่อมเห่ทะเลไหน
มาสู่เจ้าผู้ร่อนเร่ทะเลใจ
จะหยัดถึงเจ้าไหมในโลกร้าง
"เด็กชายแสงระวี"
ขวบปีเจ้าเยือนยิ่งเลือนห่าง
เจ้าหวังเห็นเส้นรุ้งยามรุ่งราง
หวังสัมผัสหยาดน้ำค้างที่คว้างโชย
ความฝันในวัยเยาว์
กระซิบเบาไหวแว่วอยู่แผ่วโผย
ใบไม้ทั้งปวงหลุดร่วงโรย
เจ้ากอบโกยขึ้นกวาดจนกราดฟ้า
ไม่นานนักก็หล่นลู่มาสู่พื้น
เจ้าทรุดตัวหอบชื้นบนผืนหญ้า
ฝุ่นผงเถื่อนเถ้าปลิวเข้าตา
เจ้าก้มหน้าร่ำไห้มิให้รู้!
มาเถิดขวัญเจ้าผู้เยาว์วัย
อย่าเกรงรอบอาลัยที่ไปสู่
เมื่อสายลมเหน็บหนาวยังกราวกรู
ขังเธอไว้ในอณูของความรัก.