22 มีนาคม 2548 23:26 น.
ปากกาเวทมนตร์
ในเดือนเดียววันเดียวกันนี้ เมื่อแปดปีที่แล้ว
ผมจำได้เป็นอย่างดี ช่วงปิดเทอมก่อนที่ผมจะขึ้น ม.ปลาย
ผมไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับอาจารย์โบว์ เรียนกันไม่กี่คนหรอกครับ แกชอบสอนกลุ่มเล็กๆ
พวกผมและเพื่อนๆ เรียนกันแค่ 4 คนเอง ผมปั่นจักรยานไปเรียนกับแกทุกเช้า 8 โมงเช้าถึง 10 โมงนั่นล่ะครับ
ทุกวันช่วงปิดเทอม และเหมือนเดิมในทุกวัน ผมจอดจักรยานที่หน้าบ้านของอาจารย์โบว์
ผมกำลังจะเดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงเด็กๆ ละแวกนั้นร้องร่ากันสนุกสนาน
ผมหันไปมองเด็กกลุ่มนั้น มีเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับผมกำลังเดินออกไปปากซอย พูดคุยและยิ้มทักทายเด็กแถวนั้น
เพียงแค่แรกเห็นรอยยิ้มของเธอ ผมก็หวั่นไหวไปกับความน่ารักนั้นเสียเต็มหัวใจ
เธอคงเด็กกว่าผม อายุคงประมาณ 11-12 ปี ตัวเล็กผิวขาวน่ารัก หน้าตาสดใส ผมมองเธอเดินผ่านจนลับตาไป
น้องคนนี้น่ารักจัง ผมพูดออกมาในที่สุด
ใครจ๊ะ ที่ว่าน่ารักน่ะ
เปล่าครับ ไม่มีอะไรครับ -_-
ผมตอบอาจารย์โบว์อย่างตกใจ ไม่นึกว่าแกจะได้ยิน
หลังจากเรียนเสร็จ ผมกำลังจะปั่นจักรยานกลับบ้าน ใจผมนึกขอให้ได้เจออีกครั้ง
ผมกะว่าจะรวบรวมความกล้าเข้าไปถามชื่อเลย ให้ตายเถอะ! ให้ตายเลยสิเอ้า
ผมหันไปไหว้อาจารย์โบว์ที่ออกมาส่งผมก่อนกลับบ้าน เสียงอาจารย์แกดังขึ้นมาในทันใด
อ้าว! น้องฟ้า ไปไหนมาจ๊ะ ?
สวัสดีค่ะอาจารย์ ไปทานข้าวเช้ามาน่ะค่ะ เลยแวะซื้อของด้วย
ผมหันไปตามเสียงนั้น O_0 ใช่แล้วครับท่านผู้อ่าน สงสัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยากให้ผมตาย เพราะผมไม่กล้าเข้าไปทักเธอแน่นอน
แต่โชคดีครับ เธอชื่อฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ เธอยกมือไหว้อาจารย์และทักทายกันอย่างสนิทสนม
ผมไม่ได้ยินเสียงทั้งคู่คุยกันเลยสักนิด ได้ยินแต่เสียงหัวใจของผมลั่นอยู่ในอก
ถึงแม้ว่าผมจะอายุแค่ 15 ปี แต่ก็พอจะเข้าใจว่าเนื้อคู่คงมีจริง ไอ้ที่จริงผมก็เวอร์ไป
ผมอายุแค่ 15 ปี ยังไม่รู้หรอกครับว่าจะทำความรู้จักน้องคนนี้ได้ยังงัย แทบไม่มีทางเลยแฮะ T_T
เรียนชั้นเดียวกับเธอนั่นแหละ อายุ 14 น่ะ อายุน้อยกว่าเธอมั้ง
อาจารย์ขัดจังหวะผมจากภวังค์ฝัน เธอลาอาจารย์และเดินกลับบ้านไปแล้ว
ผมเผลอมองตามเพราะอยากรู้ว่าบ้านเธออยู่หลังไหน เผื่อวันหน้าจะให้แม่มาขอ ฮ่าฮ่า
ครับ น้อยกว่าครับ
อย่าเผลอไปหลงรักเข้าล่ะ นายเหว อาจารย์โบว์แซว
เดี๋ยวเธอจะ Hurt เอาซะเปล่า ๆ ฉันไม่อยากเห็นเธอร้องไห้น่ะ อย่าเผลอเชียวนะ
55555 T_T
ผมปั่นจักรยานออกมาจากบ้านอาจารย์พร้อมเสียงหัวเราะของผม ผมนึกอิ่มเอิบในใจอยู่คนเดียว ช้าไปแล้วครับ
อาจารย์เตือนนายเหวคนนี้ช้าไป อาจารย์แกล้งเปลี่ยนชื่อผมซะไม่เข้ากันเอาเสียเลย
ผมเร่งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นจนผมปล่อยมือกางออก ราวกับนกบินถลาร่อนลม
ฟ้ากะเมฆ ผมพูดกับตัวเองให้ผมได้ยินคนเดียว
ผมส่ายหน้ากับตัวเองด้วยรอยยิ้ม
เราช่างเหมาะกันเสียจริงๆ
ผมลืมตาตื่นโพล่งด้วยความแปลกใจ ผมกลับไปฝันถึงเรื่องราวเก่าๆได้อย่างไร
ผ่านมาตั้งแปดปีแล้วนี่นา ยังเก็บเอามาฝันอีกเหรอนี่ ผมส่ายหัวไปมาเพราะไม่เห็นด้วยกับความทรงจำแบบนั้น
แต่ในใจผมกลับยอมรับว่า หัวใจผมมีปีกจริงๆ
ผมบินไปบินมาราวกับนกบนท้องฟ้า
ไม่สินะ ต้องเหมือนกับทูตแห่งสรวงสวรรค์
ความคิดปะติดปะต่ออย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวในทันใด
ภาพนาตาลีแจ่มชัดกระจ่างใสในความคิดถึง
เธอเกาะขาแม่ของเธอ
แม้ปากเธอจะกระซิบเพียงแผ่วเบา
หากแต่เสียงของนางฟ้าตัวน้อยกลับกังวานก้องในหัวใจผม
Byebye Angel : The man who has wings
21 มีนาคม 2548 13:08 น.
ปากกาเวทมนตร์
NATALIE NATALIE
ผมกรดกริ่งและเรียกหาสาวน้อยที่น่ารักคนนั้น เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เธอก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
น่ารักราวกับตุ๊กตาตัวน้อยที่วิ่งได้ นาตาลีวิ่งมาหยุดตรงหน้าผม ผมนั่งลงคุกเข่าลูบผมสีทองของเธออย่างเอ็นดู
Hi, little angel. I just wanna say good bye to you for the last time
แล้ว พี่ Angel จะ กลับ มา เมื่อ ไหร่ ล่ะ
อ้าาาว!! พูดไทยได้นี่นา
นาตาลียังเรียกผมว่า angel เหมือนเดิม แม้เธอจะพูดช้ามากและสำเนียงไทยไม่ชัด แต่นี่ผมโดนเด็กหลอกซะแล้วสิ
ช่าย แย้ว I พูด ได้ นิด หน่อย น่ะ
ไม่กลับมาแล้วล่ะจ่ะ ถ้าพี่จะกลับมาก็มาเที่ยวน่ะ พี่จะไม่อยู่ที่นี่แล้วนะ
ทาม มาย ล่ะ?
พี่เบื่อที่ต้องไปๆ มาๆ ไม่มีหลักแหล่ง พี่พอใจแล้วล่ะ ที่ทำงานที่นี่มาสองปี
I ว่าดีออก ไปๆ มาๆ เหมือน นก เลย บินไปก็บินมา
ทำไมนะ ? ที่เด็กๆ ทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด มือที่โบกขึ้นลงเหมือนนก ดูยังงัยผมก็อดยิ้มไม่ได้
ไหน มานี่ซิ มาให้พี่กอดหน่อยเร็ว พี่จะไปแล้วนะเจ้านางฟ้าตัวน้อย
นาตาลีกระโดดโผเข้ากอดผมอย่างรวดเร็ว เธอรัดคอผมแน่น เธอแกล้งกอดคอแน่นซะจนผมต้องเอาคืนบ้าง
ผมเอียงแก้มไปหอมแก้มดังฟอดใหญ่ นาตาลีหัวเราะชอบใจมาก
เธอแกล้งกอดคอผมแน่นเข้าไปอีก
ปล่อยได้แล้วจ่ะนาตาลี ถ้าไม่ปล่อยพี่จะหอมอีกนะ
ด้วยความน่ารักน่ากอด ผมจึงทั้งกอดทั้งหอมอีกครั้ง และอีกครั้ง จนนาตาลีปล่อยมือพร้อมหัวเราะร่าเหมือนจั๊กจี้
(อย่ายิ้มด้วยความอิจฉาผมสิครับท่านผู้อ่าน ^_^ )
ผมอุ้มนาตาลีขึ้นมากอดอีกครั้ง นาตาลียอมให้ผมอุ้มง่ายดาย
เธอกอดคอผมแน่นเลยครับ พ่อและแม่ของนาตาลีคงเดินมาเพราะเสียงหัวเราะของนาตาลีที่สดใสเสียเหลือเกิน
ผมทักทายครอบครัวของนาตาลีเล็กน้อย ผมบอกลาทั้งคู่ยืนมือจับแสดงความขอบคุณและยินดีที่เราได้เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาตลอดสองปี
แม่ของนาตาลีเล่าให้ผมฟังว่านาตาลีอยากออกมาเล่นกับผมนานแล้ว
เธอเห็นผมวิ่งออกกำลังตอนเช้าทุกวันช่วงที่ผมมาพักที่นี่ แต่ไม่กล้าออกมาเล่นด้วย ผมมองหน้าสาวน้อยผู้เขินอาย
ผมวางนาตาลีให้ยืนที่พื้นและก้มมองนาตาลีอีกครั้ง
หลงรักพี่ก็ไม่บอกนะ ^_^
นาตาลีหัวเราะลั่นด้วยความเขินอาย เธอโดดเข้าไปกอดขาของแม่เธอด้วยเสียงหัวเราะ
พี่ไปล่ะนะ Byebye Little angel
ผมโบกมือลานาตาลี นาตาลีกอดที่ขาของแม่เธออย่างแน่น แล้วก็ร้องเริ่มไห้อย่างกับว่ารู้จักผมมานานอย่างนั้นแหละ T_T
แม้ผมจะยิ้มให้เธอเพียงไร น้ำตาเธอก็ไม่หยุดไหลสักที ผมจึงเดินถอยหลังไปขึ้นรถ โป้งและแบงค์เพื่อนผม ติดเครื่องรออยู่นานแล้ว
Angel dont cry
เป็นคำสุดท้ายที่ผมพูดกับนาตาลี สาวน้อยวัย 4 ขวบที่ไร้เดียงสาน่ารัก ผมมองหน้าเธออีกครั้ง
นาตาลีพยายามหยุดร้องไห้ ผมปิดประตูรถ มองผ่านกระจกเห็นเธอสะอึกสะอื้น
ปากเธอเผยรอยยิ้มและกระซิบเบาๆ ผมพยายามอ่านปากนั้นอย่างตั้งใจ
Byebye angel, The man.
The man อะไรหว่า ?
ผมนั่งคิดอยู่บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ ช่างสบายจริงๆ ครับ
ใช่ว่าผมจะร่ำรวยอะไร ผมตกเครื่องครับ T_T ไม่แปลกอะไรที่ต้องซื้อตั๋วใหม่
และเคราะห์ซ้ำกรรมซัดครับที่เหลือเฉพาะชั้นธุรกิจ ผมก็ต้องยอมจ่ายด้วยความไม่เต็มใจ
ผมนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาเมื่อครู่ ทำปากขมุบขมิบตามนาตาลีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมพยายามที่จะเข้าใจ แต่ก็ไม่เป็นผล แล้วผมก็อดคิดถึงนาตาลีไม่ได้
ผมคิดถึงเธอจริงๆแหะ ก็เธอน่ารักนี่นา ^_^ ผมอมยิ้มอยู่ในใจคนเดียว
สวัสดีค่ะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะคะ รับน้ำอะไรดีคะ
แอร์โฮสเตสสาวสวยหยุดความคิดถึงผมไว้แค่นั้น ด้วยคำทักทายที่เรียกผมกลับมาจากบ้านนาตาลีทันที
ยิ้มในความน่ารักของคุณนั่นแหละครับ ผมขอน้ำเปล่าครับ
แอร์โฮสเตสยิ้มอายๆ คงเขินผมน่ะ หรือไม่เธอก็คงคิดว่า ไอ้นี่ทะลึ่ง ลามปาม ไม่หล่อดันมาจีบฉัน
เพียงแต่เธอยิ้มกลบเกลื่อน ผมคาดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังนะ ก็ผมมันไม่หล่อนี่นา คารมก็บ๊องๆ บ้านนอกซะอย่างนั้น
ไม่หล่อดันเจ้าชู้ T_T เพื่อนผมมันเคยแซวเวลาที่ไปเที่ยวเทคด้วยกัน
ก็ผมผู้ชายนี่ครับ ไม่แซวผู้สาว แล้วจะให้ไปแซวตัวผู้ที่ไหน(ว่ะ)
ผมสลัดความคิดไร้สาระกับแอร์โฮสเตสสาวสวยคนนั้น เอนเก้าอี้ไปข้างหลังเล็กน้อย
ผมเริ่มง่วงนอนแล้วล่ะ ขอหลับสักงีบก่อนถึงบ้านเถอะ
มีใครเคยเป็นอย่างผมบ้างมั้ยครับ ที่พบเจอใครบางคนแล้วรู้สึกราวกับว่ารู้จักกันมานาน
บางครั้งก็นึกไม่ออก บางครั้งรู้ได้โดยทันที ผมไม่ได้หมายถึงแต่ครั้งอดีตชาติ
แต่ผมหมายถึง ในชีวิตเดียวนี้กับใครบางคนที่เราเจอ และรู้สึกว่าคนคนนั้น คล้ายคลึงกับใครที่เราได้เจอมาก่อนหน้า
ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เสียงของตัวผมเองกระซิบบอกตัวเองอย่างแผ่วเบา
ภาพที่ผมเห็นและเสียงที่ผมเคยได้ยิน ผมนึกถึงใครบางคนที่กระจ่างชัดในความรู้สึก ผมคิดถึงเธออีกแล้ว
ช่างเหมือนกันจริงๆ
21 มีนาคม 2548 13:07 น.
ปากกาเวทมนตร์
นับเป็นเวลาสองปีที่ผมไปๆ มาๆ กับบ้านเช่าของบริษัทหลังนี้
ผมกับเพื่อนสองสามคน ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยๆ
สระบุรีบ้าง ภูเก็ตบ้าง ขอนแก่น โคราช ปราจีนบุรี เชียงใหม่ สงขลา พิษณุโลก ราชบุรี ไปมาเกือบทั่วไทยแล้วครับ
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมยื่นใบลาออกกับหัวหน้าที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
หัวหน้าผมชื่อกรดครับ แกเป็นหัวหน้าและคู่หูในการทำงาน ประมาณว่าหนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์อะไรทำนองนี้
พี่กรดแกไม่พูดกับผมมาหนึ่งเดือนตั้งแต่ผมยื่นใบลาออก แต่พี่กรดก็ยอมรับในการตัดสินใจของผม
พี่กรดแกขอให้ผู้จัดการยอมอนุมัติครับ
จะแปดโมงแล้ว ผมพูดกับตัวเองพลางเดินไปอาบน้ำ
หลังจากแต่งตัวเสร็จผมก็เก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่มีไม่มากนักลงกระเป๋า
รูดซิปกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ผมยืนมองห้องนอนอยู่ครู่นึง แล้วหิ้วกระเป๋าเดินลงบันไดมาชั้นล่าง
พี่กรดนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงเก้าอี้หน้าบ้าน ผมเดินไปฝั่งตรงข้ามกับพี่กรด
พี่กรดครับ ผมลาละครับ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา และทุกเรื่องที่พี่สอนผมมาตลอดเวลาสองปีนี้
ผมยกมือไหว้พี่กรดด้วยความจริงใจ ถึงแม้ว่าอายุจะห่างกันไม่ถึงสิบปี แต่แกก็เคี่ยวเข็ญผมราวกับเป็นพ่อเลยครับ
บางครั้งผมกับเพื่อนไปเที่ยวกินเหล้ากัน และขับรถกลับมาในตอนเช้าของวันทำงาน
ผมแค่เปรยๆ กับเพื่อนว่า เฮ้ย! คิดว่าพี่กรดตื่นยังว่ะ ที่ผมถามน่ะ ผมถามไปอย่างนั้นเอง
ด้วยความเคารพครับ มิใช่ความกลัวแต่อย่างใด แต่พอใกล้ถึงบ้าน ผมก็รีบชะเง้อมองหา เพื่อนผมมันตะโกนลั่นรถ
เฮ้ย! พี่กรดถือไม้เรียวรอหน้าบ้านเลยวะ
ไหนไหน ตายหองแล้ว! ไหนว่ะไอ้โป้ง ?
กูพูดเล่นเว้ย ฮ่าฮ่า กลัวยังกะพ่อเลยนะมึง
" เชี่ย...สาดดดดดด " -"-
โป้งเป็นเพื่อนผมที่จบจากสถาบันฯมาด้วยกัน แกล้งหลอกผมซะตกใจ ตกใจจริงๆครับ - -
..อันที่จริง ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
ว่าทำไมผมจึงรู้สึกผูกพันกับพี่กรดมากเหลือเกิน มือที่ไหว้พี่กรดนั่น ผมไม่อยากลดมือลงสักนิด
แต่พี่กรดแกเงียบไม่ตอบอะไรมา ผมจึงเดินหันหลังให้พี่กรดกะว่าจะไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างหน้าปากซอย
น้ำตาผมจะไหลเอาซะง่าย ๆ
โชคดีนะ
แม้เสียงพี่กรดจะเบา แต่ผมได้ยินแล้วอบอุ่นจริง ๆ ผมหันมายิ้มและหัวเราะกับตัวเอง
ผมวางกระเป๋าลงข้างตัวแล้วยกมือไว้พี่กรดอีกครั้ง
พยายามเข้าล่ะไอ้เด็กเวร
ขอบคุณครับพี่
ผมเห็นพี่กรดแกยกมือรับไหว้ผม น้ำตาผมก็คลอเต็มเบ้าตา ผมจึงรีบหันหลังให้ทันที
เฮ้ย!! เดี๋ยวไปส่ง จะได้ไม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไป ลำบากเปล่าๆ ว่ะ โป้งตะโกนดังลั่น
เออ ขอบใจ แป๊บนึงนะ ผมเอากระเป๋าไปวางหลังรถกระบะของบริษัท
จะไปไหนอีกวะ? แปดโมงแล้วนะว้อย เดี๋ยวได้ตกเครื่องกันพอดี
แบงค์ตะโกนถามผม แบงค์ก็เป็นเพื่อนที่สถาบันฯครับ พวกผมจบมาด้วยกันและได้งานที่นี่แค่สามคน
สนุกดีนะครับที่ได้ทำงานกันเพื่อนสนิทในที่เดียวกัน กลุ่มผมมีกันไม่กี่คนหรอกครับ
ผมเดินข้ามถนนในซอยไปบ้านฝั่งตรงข้าม ตะโกนตอบโดยไม่หันมามอง
ไปลานางฟ้านาตาลี /font>