28 เมษายน 2547 21:32 น.
ปากกาเวทมนตร์
เพียงความเคลื่อนไหว ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
....ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา
พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก
ก็รู้ว่าในอกมีหัวใจ....
เรามาอ่านกลอนดัดแปลงเพื่อให้เกิดความขบขันเป็นอย่างไร
คุณไพบูลย์ วงศ์เกศได้นำกลอนมาแปลงเป็น เพียงกลองเคลื่อนไหว
....เพียงชั่วเป็ดกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาเข้าข้างฝา
พอสากไม้ไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าแถวนี้ต้องมีครก
กลอนประเภทนี้มีรสตลกขบขันดังที่ผมจะเอามาเป็นเรื่องบอกเล่ากัน
ดังที่แม่นางจินดามณีได้ถามมา (ต่อให้มีคนเดียวที่สนใจ ผมยินดีจะเขียนให้อ่านครับ ผิดไปบ้างก็อย่าเคืองกันนะครับ)
หัสสรส (หายสยรส,หรรษารส) รสแห่งความตลกขบขัน แจ่มใส ร่าเริงและแบ่งออกได้ ๖ ระดับนะครับ
ยิ้ม,แย้ม,หัวเราะ,เฮฮา,หัวร่องอหงาย,ท้องคัดท้องแข็ง
(มีเกร็ดเล็กน้อยอีกนิดว่าการแบ่งนั้นแบ่งได้เพราะอะไรนะครับ
อาการยิ้ม,แย้มเกิดแก่พระอรหันร์เท่านั้น
อาการยิ้ม,แย้ม,หัวเราะ,เฮฮาเกิดแก่พระโสดาบันถึงพระอนาคามีได้
ส่วนรสตลกทั้ง ๖ เกิดได้แก่บุคคลทั่วไปครับ)
กลอนตลกระดับหัวร่องอหงาย ของกวี นิรนามชื่อ โถ...น้องปุ๊ก อ่านแล้วก็นึกภาพออกเลยครับ
น้องปุ๊กอยากมีผัวจนตัวสั่น
สองเต้าโตไม่ทันพาลร้องห่ม
จึงจับมดตะนอยต่อยระบม
พอเป็นปุ่มเป็นปมก็อมยิ้ม
กลอนตลกระดับหัวร่องอหงายและท้องคัดท้องแข็งนี่มีเกลื่อนเมืองไทยเลยครับ
ลองดูกลอนตลกท้องคัดท้องแข็งชื่อ รูของเธอ ของคุณชูเกียรติครับ
รูของเธอมีไว้ให้ชายหลง
รูของเธอมั่นคงทรงศักดิ์หรู
รูของเธอโดเด่นเห็นดำรู
รูของเธอห้อยต่างหูดูสวยดี
สมัยก่อนก็มีนะครับกลอนของ คุณอดุลย์ ราชวงศ์อินทร์ เขียนหลังนิตยสารที่เลิกพิมพ์ไปแล้ว
เพื่อล้อเลียนไว้ให้ขำขันกัน ชื่อ นักข่าวเป่าปี่
เกิดเป็นชายชาติม้าอย่าสะดุ้ง
ริมุดมุ้งสีกาอย่าขวัญหนี
ทำหยองกรอดปอดกระเส่าไม่เข้าที
พวกเถรชีจะหัวเราะยิ้มเยาะเอา
บางบทก็นำเอาคำพูดที่เราเรียกว่าเล่นกับภาษา,เล่นกับลิ้น มาแต่งเป็นกลอนเพื่อความขบขันก็มีครับ
น่าจะเคยเล่นกันมาบ้าง ชื่อ กล้วยตานี ของคุณ กร แก้วไทย
...นึกถึง กล้วยตานีปลายหวีเหี่ยว
เหลือหวีเดียวหิ้วหวีไปหิ้วหวีมา....จนขาสั่น
พอพูดเร็วเร็วหนักชักลิ้นพัน
เพื่อนฮาลั่น ว แหวนหาย ไปไหนเอย...
ขอยกตัวอย่างแค่นี้นะครับ
นักกลอนท่านใดมีกลอนตลกมาฝากก็มาแปะกันไว้บ้างนะครับ
แล้วค่อยมาว่ากันต่อในรสต่อไปครับ
รุทธรส รสแห่งความโกรธแค้นชิงชัง
ขอคุณครูอย่าถือโทษโปรดอภัย....ผิดเพี้ยนไปเพราะศิษย์หลงผิดเอง
28 เมษายน 2547 20:46 น.
ปากกาเวทมนตร์
โปรดอย่าลวงให้รักแล้วหักใจ
เธอไม่ได้ลวงหลอก
หรือกลับกลอกให้กระวายกระวน
เธอบอกว่ามีคนเข้ามาสนใจหลายต่อหลายคน
แต่เธอก้อไม่ได้สนใจใคร
เธอเอ่ยว่ายังรักมั่นในคนเก่า
เรื่องระหว่างเราแทบจะเป็นไปไม่ได้
กำแพงที่เธอสร้าง จะไม่โดนทำลายร้างจากใจ
แม้เพียงรอยร้าวในใจ เกือบจะไม่มี
เธอเปิดใจกว้าง
ให้คนเข้ามาทำลายความอ้างว้างแทนที่
แค่เพื่อน
เธอให้ได้แค่นี้
แต่เธอมีเพื่อนคนดีหลายคน
เหนื่อยใจ
อยากพร่ำอะไรต่อมิอะไร แต่สับสน
เธอพูดไปว่ามีใจกับใครบางคน
ทำให้ฉันร้อนรนทุกค่ำคืน
ฉันอมแพ้แล้วล่ะคนดี
เพราะหัวใจดวงนี้ไม่อาจฝืน
แม้ร่างกายฉันมิอาจหยัดยืน
แต่ดีกว่าต้องให้เธอมากล้ำกลืนโกหกกัน
เธอยอมเอ่ยปากบอก
เพราะเธอไม่อยากหลอกลวงฉัน
เธอมีแฟนแล้วตั้งแต่เรารู้จักกัน
เธออ้างอย่างนั้น มิได้อยากหลอกลวง
ให้ต้องดาบฟาดฟันสักพันแผล
หวดด้วยแส้หมายชีวิตมิคิดหวง
หรือจะควักหัวใจไปทั้งดวง
โปรดอย่าลวงให้รักแล้วหักใจ
19 เมษายน 2547 18:30 น.
ปากกาเวทมนตร์
รสในทางประพันธ์ หมายถึงอารมณ์สัมผัส รสเสียง รสถ้อยคำ รสสำนวน
รสแห่งภาษา ( Taste of Language) แบ่งได้ 9 ประเภท
ศฤงคารรส,หัสสรส,รุทธรส,วีรรส,พีภัจภรส,กรุณรส,อัพภูตรส,ภยานกรส,ศานติรส
ศฤงคารรส รสแห่งความรัก ๑ ใน ๙ รสแห่งภาษาแห่งคัมภีร์สุโพธาลังการ
ศฤงคารรส (สิงคารรส) ศฤงคาร รากศัพย์จากภาษาสันสกฤตแปลว่า เขาสัตว์
เพราะว่าคนที่มีความรักก็มีโอกาสเจ็บปวดในความรักได้
เหมือนอยู่ใกล้สัตว์มีเขา จะโดนขวิดเอาได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
ศฤงคารรสจึงเป็นรสแห่งความชุ่มฉ่ำใจ ชื่นใจ เสน่หาความพึงพอใจ
แต่อาจแอบแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
เช่นกลอนชื่อ ธนูรัก ของคุณวาสนา บุญสม
ธนูแห่งหัวใจได้แผลงศร
คล้ายเป็นพรจุมพิตปริศนา
ฝากสื่อรักปักซึ้งถึงวิญญาณ์
เบิกชะตาราศีที่ต้องกัน
หรือกลอน ชังเธอไม่ลง ของใครจำมิได้แล้วครับ (ข้าน้อยขออภัย)
ร้ายอื่นใดไม่เท่าความเจ้าชู้
รู้ทั้งรู้ก็ยังฝังใจหนัก
เห็นก็เห็นเช่นนั้นมันเจ็บนัก
จะทวงทักรักคืนก็ขื่นใจ
....ลมหนาวพัดสัมผัสกายเดียวดายนัก
ไร้คนรักยิ่งหนาวเหน็บเจ็บเพียงไหน
กลิ่นกุหลาบเคยหอมกรุ่นละมุนละไม
พิษหนามใจที่ทิ่มแทงอยากแสร้งลืม..
ศฤงคารรส รสแห่งความรักนี้ยังแบ่งย่อยได้อีก ๓ ประเภทนะ (คะ) ครับ
- อโยคะ คือ หญิงชายไม่เคยพบปะหน้ากันมาก่อนปรารถนาจะรักจะคบหากันต่อไป
(เหลือเชื่อนะครับ แต่อยากมีบ้างแบบนี้) ดังกลอนของคุณวงจันทร์ ชื่อ เหลือเพียงภาพ
คิดถึงเธอคนดีชั่วชีวิต
ขอมีสิทธ์ให้ฉันได้ฝันใฝ่
แม้ไม่พบไม่เห็นไม่เป็นไร
พบเธอในภาพถ่ายพร้อยลายเซ็น
กลอนของคุณประทีป พฤกษากิจ กลอนนี้น่าจะคุ้นครับ ในนามของความรัก
...ขอพบเธอ ในนามของความรัก
และเอ่ยทัก ในนามความคิดถึง
อ้างพยาน มิตรภาพ ความซาบซึ้ง
เพื่อตามหึงห่วงหวงทวงไมตรี...
- วิปโยคะ คือหญิงชายรักใคร่กันอย่างยิ่ง แต่มีเหตุให้พลัดพรากจากกันสุดฟ้าอาดูร เช่น คู่กรรม
ขอเอาตัวอย่างของคุณเชษฐ์ พนาพันธ์ กลอนชื่อดัง คนดีที่แสนเลว
โอ้ความรักความหลังสิ้นหวังแล้ว
เหมือนดวงแก้ววูบดับไปมองไม่เห็น
สร้างมาแล้วทำลายเชือดอย่างเลือดเย็น
เมื่อเธอเป็นคนดีที่แสนเลว
หรือกลอนหมดหวังของ คุณภาส พลไกร ชื่อ เกลียวสุดท้าย
ทั้งที่ใจอยากคว้าร่างมากอด
แล้วอ้อนออดด้วยคำพร่ำเรียกหา
แต่เธอมีลูกรักและภัสดา
แค่บอกว่าคิดถึงก็ซึ้งพอ
-สัมโภคะ (ครบ ๓ คะแล้วนะครับ) คือหญิงชายจะรักใคร่กันด้วยสิ่งไม่ดีนัก
กิเลสตัณหา ราคะ ความใคร่ แต่ข้าน้อยว่าไม่ดีนะ รักแบบนี้อย่าเรียกรักดีกว่า
กลอนของคุณน้าพเยาว์กาญจน์ สิ่งที่เราต้องการ
ไฟความหวังครั้งใหม่ได้โชติช่วง
มันเผาบ่วงพันธะละศักดิ์ศรี
หัวใจเราเสเพลอย่างเสรี
เพื่อสิ่งที่โหยหามาแสนนาน
อีกบทนึงของปากกาเวทมนตร์ กลอนไร้ชื่อ ครับ
...เธอกับเขารักกันในวันก่อน
ช่างยอกย้อนอดีตรักตามผลักไส
ที่แล้วมาเรื่องวันวานให้ผ่านไป
เป็นความใคร่ที่เธอเผลอเมามัว...
หมดแล้วครับขออีกนิดนะครับ เนื่องจากกลอน,วรรณคดี,วรรณกรรม พระเอก-นางเอกของศฤงคารรส
ยังแบ่งพระเอก-นางเอกออกเป็นหญิงสี่,ชายสี่(บะหมีเกี๊ยว) ด้วยครับ
พระเอกชอบเอาใจ - อนุกูล,
สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน - ทักษิณ
พวกมารยา สาไถยเรียกว่า - ศฐะ
และพวกหน้าด้านเห็นแก่ตัว - ธฤษ์ฏะ
ส่วนฝ่ายหญิงที่มีความรักโดยให้เพื่อนสื่อเรียกว่า - อนูฒา
จรรยางามผู้หลักผู้ใหญ่ดูแล นางฟ้าอารักษ์เทวาคุ้มกัน - สฺวกียา
สาวที่มีความรักเป็นตัวของตัวเอง - ปรกียา
พวกสุดท้ายนี่ชอบมาก พวกเห็นแก่เงิน โกหกเก่ง
เป็นหญิงสาธารณะ(สุภาพแล้วนะ) - ปณางคนา
ยาวนะครับท่านผู้อ่านใครอ่านอย่างตั้งใจหรือมองผ่านก้อขอขอบพระคุณมากครับ
ใครอยากลองแต่งแแบไหนมาลองดูนะครับแต่งแบบกลอนเปล่าก้อได้ข้าน้อยอยากอ่านน่ะครับ
งั้นขอจบเรื่อง ศฤงคารรส รสแห่งความรักไว้แค่นี้
ไว้กระทู้หน้ามาว่ากันเรื่องหัสสรส รสแห่งตลกขบขัน แจ่มใสร่าเริง
หากสิ่งใดพลาดผิด ข้าน้อยขออภัย มิกล้า.... มิกล้าอ้างอวด
ขอคุณครูอย่าถือโทษโปรดอภัย ผิดเพี้ยนไปเพราะศิษย์หลงผิดเอง
18 เมษายน 2547 16:46 น.
ปากกาเวทมนตร์
อย่าเลย
อย่าเพียงนำเอาความสงสาร
มาปลดเปลื้องพันธนาการแห่งหัวใจ
ที่ได้เอ่ยออกไป
ว่าจะไม่มีวัน
อย่าเลย
อย่าได้เอาความสงสาร
ใช้มันเป็นเครื่องทรมานในการรักฉัน
ใช่แล้ว
รักแท้ย่อมมีเวลาของมัน
อย่าให้ความสงสารทำร้ายกัน
มันไม่ดี
อย่าเลย
ได้โปรดเลิกใช้คำว่าสงสาร
กับการมามองฉัน มองฉันคนนี้
กลับไปซะ ฉันไม่ต้องการความสงสารนะคนดี
ต้องการแค่ความห่วงใยเท่าทีเธอมี
เท่านั้นพอ