22 สิงหาคม 2546 00:28 น.
ปากกาเวทมนตร์
เธอเคยเห็นความฝันอย่างฉันไหม
ละล่องไปในห้วงสรวงสวรรค์
ภาพมายาแล่นลอยนับร้อยพัน
เพียงหนึ่งฝันเหมือนเคยเห็นเร้นในใจ
เงียดสงัดแต่กลับสดับเสียง
ยินสำเนียงความเงียบงันพลันสดใส
กลิ่นความเงียบมาพัดผ่านหวานอุ่นไอ
หริ่งเรไรในยามเช้าเจ้าเสียงดี
ภาพแม่น้ำภูไม้หยอกใบหญ้า
ดุจนางฟ้ามาแต้มแต่งเสกแสงสี
ช่างงดงามเกินลำนำคำกวี
ไร้วจีมาร้อยฝันพรรณนา
นี่ที่ไหนดูคล้ายเคยได้เห็น
ยะเยียบเย็นหนาวซึ้งทรวงกลับห่วงหา
กี่ร้อยปีที่จากไปไม่กลับมา
หรือสัญญาว่าเคยขอรอพบใคร
จึงได้มาในความฝันหลายพันครั้ง
ใครหันหลังยืนที่นั่นหันหลังให้
ช่วยหันมาสักนิดผิดหรือไร
โปรดจงได้มาพบกันตามสัญญา
เราต่างมีใจดวงเดียวเกี่ยวคล้องฝัน
รู้โดยพลันเมื่อหันมองต้องห่วงหา
โดนสะกดหยดน้ำพล่านม่านน้ำตา
ภาพเธอพร่าฉันร้องไห้ไม่รู้ตัว
19 สิงหาคม 2546 19:32 น.
ปากกาเวทมนตร์
พอจะมีซักที่ไหม
ที่ฉันจะวางตัวเองไว้..ในที่แห่งนั้น
ที่ที่มีท้องฟ้ากว้าง...มีหมอกจางๆทั่วถึงกัน
ที่ที่ไม่มีลำธารเวลาขวางกั้น..
ระหว่างดวงตะวัน..กับความฝันของจันทรา
เพราะการเดินทางอันแสนยาวไกล
กำลังจะดูดกลืนหัวใจที่เคยแกร่งกล้า
เหลือไว้เพียงร่องรอยแห่งกาลเวลา
และคราบน้ำตาจากความเหนื่อยล้า..เดียวดาย
พอจะมีซักที่ไหม..
ที่ฉันจะพักวางหัวใจที่แหลกสลาย
ให้ฉันได้รู้สึก..ถึงความอบอุ่นรอบข้างกาย
ให้ฉันได้ซบร้องไห้..กับผืนทราย..ผืนทะเล
เพราะฉันเหนื่อยล้าเหลือเกิน
กับหนทางที่เผชิญก็ดูเหมือนจะหักเห
หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาเฝ้าทุ่มเท
กลับเป็นแค่ความรู้สึกโลเล..ที่ได้กลับมา
พอจะมีซักที่ไหม
ที่ฉันจะแอบร่างกายและหัวใจอันอ่อนล้า
เพื่อรอไอตะวันอุ่น............ย้อนคืนอีกครา
เพื่อเงยหน้ารับการกลับมา..ของดวงจันทร์
เพราะหนทางที่ฉันกำลังเดินไปนี้
กลับตรงข้ามกับหนทางที่ฉันมี..ในฝัน
อยากไปพักหลับตา..ไม่ต้องพบเจอหน้าคนทำร้ายกัน
จะมีไหม..ที่แห่งนั้น.หรือจะมีแค่ในฝัน
ถ้าเช่นนั้น..
ฉันหลับชั่วนิรันดร์...ขออยู่แค่ในฝัน....ไม่มีวันตื่นอีกเลย
17 สิงหาคม 2546 21:37 น.
ปากกาเวทมนตร์
Prepare for Ditching!!!!!!!!!!!!!
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนักบินบอกให้เตรียมพร้อมรับการลงฉุกเฉินบนพื้นน้ำ
ให้ตายเถอะเมื่อยังหลับสบาย ๆ อยู่เลย ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์กำลังจะตก
ซวยแล้ว!!!! แงเอ้ย ตาผมมองเพื่อนที่ขึ้น ฮ. มาด้วยกัน
พริบตานั้นไม่ทันแม้จะเอาของมีคมออกจากตัว ผมมองพวกดินสอปากกาที่พกไว้เต็มประเป๋าเสื้อ
ซวย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ผมรีบเก็บคอ-งอเข่า รอฟังคำสั่งของนักบินต่อไป
โครม!!!!!!!!! เสียงเครื่องกระแทกน้ำทะเลอย่างรุนแรง ผมยังมีสติจนสุดแรงเหวี่ยงของเครื่อง
ผมยังรอคำสั่งของนักบินให้สละเครื่องอยู่
ทำไมท้องฟ้ามันครื้มนักวะ ผมหันมองออกไปนอกหน้าต่าง บ้าชิบ!!!! เครื่องจมนี่หว่า
ผมหันไปมองเพื่อน ๆ ที่นั่งเครื่องมาด้วยกัน สายตาผมรีบหันไปทางนักบินเพื่อจะถามคำสั่งต่อไป
เฮ้ย!!!! ทำไมมันสลบกันหมดเลยวะ น้ำทะเลค่อย ๆ เข้ามาใน ฮ. ผมจำได้ไม่ลืม พอน้ำเริ่มท่วมหัวต้องกลั้นหายใจ ให้นับ 1 ถึง 7
หนึ่งพันหนึ่ง หนึ่งพันสองไม่นับแล้วเว้ย เพื่อนยังสลบอยู่เลยผมรอจนเครื่องจมมิดลำและรอให้น้ำท่วมทั้งลำ เพราะถ้ารีบปลดเข็มขัด ร่างกายที่มีอ๊อกซิเจนในตัวจะพาลทำให้ตัวลอยไม่ได้ออกไปไหน ผมรีบไปปลดเข็มขัดเพื่อนทันที เปิดประตูแล้วผลักร่างที่ไร้สติของ เปา เพื่อนผมออกไปนอกเครื่องแล้วดึงชูชีพให้มันลอยขึ้นไป
มนุษย์ปกติกลั้นหายใจได้นาน 49 วินาทีหรือมากกว่านั้น แต่อารามตกใจ ที่หัวใจผมมันเต้นไหวอย่างดังก้องในอก ใจนึงโลเลที่จะช่วยนักบิน อีกใจจึงกลัวเอาตัวไม่รอด แต่จนแล้วจนรอดมนุษยธรรมในหัวใจที่พอมีน้อยนิดก้อไปลากมันออกมา นักบินไม่ได้ใส่ชูชีพไว้ ผมต้องปลดชูชีพผมแล้วผูกกับข้อมือนักบินไว้ แล้วกระตุกชูชีพให้ ผมกลั้นหายใจแทบไม่ไหว แล้วยังหลงน้ำอีกต่างหาก ผมเริ่มหมดสติแล้วให้ตายเถอะ
ว่ากันว่าคนที่เป็นลูกทะเลคือคนที่ได้ใช้ชีวิตในทะเลมาแทบทั้งชีวิต ผมเองก้อเป็นลูกทะเล ตั้งแต่เกิดมาก้อเห็นทะเล เรียนก้อติดทะเล บ้านก้อติดทะเล ทำงานยังกลางทะเล นี่จะตายในทะเลด้วยรึนี่ ผมรู้สึกได้ถึงสายป่านของชีวิต ในใจพร่ำถาม แฟนเราจะเป็นยังงัยน้า เพื่อน ๆ เราล่ะงานล่ะสารพัดสารเพ สายป่านนั้นก้อยังยืดออกไปเรื่อย ๆ แต่ก่อนที่จะขาดห้วงนั้น พลันผมเห็นหน้าพ่อกับแม่ขึ้นมาทันใด ใครจะดูแลพ่อแลผมกันเล่า พระพุทธเจ้าที่ทรงเมตตาให้สายป่านนั้นค่อย ๆ กลับมา ไอ้การที่จะเป็นลูกทะเลมันง่ายนิดเดียว แต่ไอ้การจะเป็นเฒ่าทะเลในวัยแค่นี้สิมันยากนักต้องรอดให้ได้ ไม่ขอตายภายใต้อ้อมกอดทะเลวันนี้แน่ ๆ ข้าจะเอาชนะทะเลให้ได้ พ่อแม่เป็นพรหมของลูกจริง ๆ ได้โปรดให้ชีวิตลูกอีกครั้งเถอะ
ผมเริ่มมีสติภายใต้ความเย็นของน้ำทะเลระคนไปด้วยคลื่นที่กระหน่ำซัด พระเจ้า!!! กูต้องรอด ผมเผลอพูดออกมาจากปาก อากาศที่ออกมานั้นทำให้ผมรู้ทิศทาง ผมว่ายตามอากาศนั้นขึ้นมา เพราะถ้าว่ายเร็วกว่าอากาศ จะทำให้ปอดฉีกขาดได้
เหนือน้ำท่ามกลางความมืดมิด ผมไม่มีชูชีพด้วย ผมถอดกางเกงออกมา มัดขากางเกงทั้งสองข้าง ตีอากาศเข้าไปเพื่อทำชูชีพฉุกเฉิน ผมมองหาเพื่อนที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้ สายตาผมเหลือบไปเห็นแพยางที่ลอยขึ้นจึงรีบเข้าไปกระตุกเชือกให้มันกางเอง บ้าชิบ!! ดันคว่ำอีก ผมต้องออกแรงพลิกแพยางนั้นให้หงายขึ้นมา เครื่องช่วยชีวิต เครื่องส่งสัญญาณ น้ำ ยาแก้เมาเรือ ทุกอย่างจมไปพร้อมกับการคว่ำเมื่อกี้ ซวยชิบ! ผมปีนขึ้นแพยางมองหาเพื่อนอีกครั้งเห็นชูชีพอันนึงใกล้ ๆ แต่ไม่มีคน เฮ้ย เมื่อกี้ผูกข้อมือนักบินมานี่หว่า ผมรีบกระโดดลงน้ำไปดึงนักบินขึ้นมา มันจมไปกี่นาทีแล้ววะ ปกติขาดอากาศได้แค่ 3-5 นาทีนี่หว่า ผมรีบผายปอดโดยเร็ว ผายปอด 2 ครั้ง ปั้มหัวใจ 15 ครั้ง ทำนานมาก นานจนที่อยากจะปล่อยให้คนคนนึงตายตรงหน้า กว่าที่นักบินจะมีชีพจรขึ้นมาผมจะตายแทนให้ได้ เพื่อนผมล่ะ? เพื่อนผมอีกคนอยู่ที่ไหน ท่ามกลางความมืดได้ยินเพียงเสียงคลื่น ผมจะไปมองเห็นใคร น้ำตาผมแทบไหลออกมา
คนเราขาดอาหารได้ 40 วันแต่ขาดน้ำได้แค่ 2-3 วันเท่านั้น น้ำทะเลที่ยังคงรสเค็มในปากทำให้ผมไม่กล้าแม้คิดจะกินมัน ผมหิวน้ำ หิวมากจนต้องเด็ดกระดุมเสื้อมาอมเล่นให้น้ำลายไหลพอให้กลืนได้ชุ่มคอ จำได้ว่าความหิวนั้นหากจับปลาได้ก้อห้ามกิน ให้กินน้ำจากปลาเท่านั้นเพราะปลามีโปรตีนเยอะ โปรตีนใช้น้ำช่วยย่อยเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งกินปลายิ่งหิวน้ำ แล้วผมจะจับปลาได้ที่ไหนจะคิดทำไมกัน!!
ฝนตก โชคดีจริง ๆ น้ำฝนที่ตกลงมาในแพยางผมเอามือกดแพให้น้ำไหลมารวมกันแล้วดื่มแก้กระหาย พอความกระหายน้ำหายไป คราวเคราะห์ร้ายก้อมาเยือน ผมต้องวิดน้ำออกจากแพยางเพื่อไม่ให้เราหนาวเพราะน้ำท่วมแพยาง คลื่นจากลมฝนเริ่มทำให้ผมออกอาการ ขู่ฉลาม คือผมให้อาหารปลาฉลามอย่างไม่กลัว จากอ้วกของผม น้ำตาผมไหลเพราะร่างกายพยายามขับอะไรก้อได้ให้ออกมา ผมอ้วกจนแสบท้องปวดตาไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นอนรอการช่วยเหลือเท่านั้น แพยางไม่มีสมอทะเล ไม่มีสักอย่าง ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ผมกับคนเจ็บ
วันที่ 4 ที่ผมลอยอยู่กลางทะเลนั้น ผมมีความคิดที่อยากฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นความทรมานจากแดดที่หนาวเหน็บ ผมพยายามพูดเพื่อไม่ให้หลับ แต่คนที่ผมพูดด้วยกลับเป็นร่างที่เคยเป็นคนเจ็บเท่านั้น บัดนี้เพื่อนผมคนเดียวกลางเวิ้งน้ำกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณซะแล้ว ความหิวกระหาย ความท้อแท้สิ้นหวัง หรือว่าสวรรค์ชัง นรกเมิน ผมจึงไม่ตายสักที ผมอยากปลดปล่อยความทุกข์นั้นจึงหยิบปากกาที่หน้าอกขึ้นมาหรี่ตามองใต้ดวงอาทิตย์ ครุ่นคิดถึงความตาย ผมร้องไห้พร้อมแหกปากตะโกนลั่นอย่างไม่เป็นภาษามนุษย์ มือขว้างปากกานั้น เพื่อหมายมอบให้ทะเลแทนชีวิตของผม ไกลสุดสายตาเสียงแว่วของระฆัง ผมเห็นเสาเรือ ผมยิ้มแล้วหลับตาลงอย่างเปี่ยมสุข
ตื่น ตื่น ตื่น!!! นี่นาย!!! ตื่นได้แล้ว ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาตามเสียงนั้น
เปิดเทอม ม.ต้น วันแรกก้อนอนหลับเลยนะ ไม่อายวิทยากรรับเชิญบ้างรึงัย เรื่องที่เค้าเล่าสนุกแบบนี้นี้ยังจะหลับลงอีก เดี๋ยวตามมาที่ห้องพักครู
สนุกสิ สนุกจนเอาไปฝันมันซะเลย ผมคิดอย่างนั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ
โตขึ้น เธออยากเป็นอะไร วิทยากรรับเชิญที่มาสอนเรื่องการดำรงชีพกลางทะเลเดินเข้ามาถามผม
ผมตอบอย่างไม่คิดทันที
ผมอยากเป็นนักบินอวกาศครับ วิทยากรพยักหน้าแล้วก้อเดินไปพูดต่อหน้าห้อง
พอเลิกชั่วโมงผมก้อเดินออกจากห้องจะกลับบ้าน ก้อคาบนี้มันคาบเรียนสุดท้ายของวันนี้แล้วนี่นา
ผมได้ยินเสียงเดิมนั้นแว่วมา
แล้วเธอไปทำอะไรที่กลางทะเลล่ะ
เฮ้ย!!!!!!
ผมสะดุ้งตื่นจากความหนาวนั้นขึ้นทันที.....
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
12 สิงหาคม 2546 21:58 น.
ปากกาเวทมนตร์
อันคำอื่นหมื่นแสนในแผ่นภพ
หาได้ลบรสฉ่ำค่ำแม่จ๋า
ดั่งเสียงพิณคนธรรพ์ในชั้นฟ้า
บรรเลงมาพาใจให้สบาย
แม่จ๋าแม่ แม่จ๋า ข้าฟังแล้ว
ช่างเจื้อยแจ้วจับใจไม่รู้หาย
ดุจมนต์ผ่องป้องกันอันตราย
ทุกข์สลายเมื่อคำนึงถึงแม่ตน
นั่งอ่านสมุดกลอนที่บันทึกคำกลอนในสมัยประถมก้อนึกถึงแม่ขึ้นมาจับใจ
วันนี้ได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง
แม่เดินไปมาระหว่างครัวกับบ้าน ไม่นานก้อเป็นกับข้าวอร่อย ๆ มาให้ลูกได้อิ่ม
สักพักขนมหวานชื่นใจก้อตามมา
แต่แม่จะได้กินหรือเปล่า
ลูกไม่รู้
ใคร ๆ ต่างก้อบอกว่าแม่ตัวเองทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลก
ลูกก้อเช่นกัน
ดูเหมือนว่ามือของแม่ทำอะไรได้มากมายไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ไม่มีเวลาว่างสำหรับแม่ ยามสบายใจของแม่ก้อคือการเอาอกเอาใจลูกและพ่อ
บางครั้งแม่ก้อจะง่วนอยู่ในสวน แม่ชอบปลูกต้นไม้ ไม่กี่วันต้นผัก มะเขือ พริกขี้หนู ตะไคร้ กะเพรา มะละกอก้อสูงใหญ่ให้ผลได้ลิ้มรส
แม่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตลอดทั้งวัน
เดี๋ยวกับข้าว กับแกล้ม ขนม
เดี๋ยวล้าง เดี๋ยวปัดกวาด
ถึงเวลาก้อเรียกลูกให้กิน
มือมหัศจรรย์ของแม่พลิกผันทุกอย่างเป็นเสื้อผ้า เป็นเงินทอง เป็นกับข้าว เป็นต้นผัก
และเป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งให้ลูกให้ซบหลบภัย
สองมือแม่ราวกับเครื่องจักรอันวิเศษ เหมือนแก้วสารพัดนึก
ใครหาอะไรไม่เจอไม่ต้องถามใครหรอก แม่รู้หมด
และสุดท้ายสองมือแม่กลายเป็นก้ามปูที่หนีบได้เจ็บที่สุดในโลก
แม่จ๋า ตั้งแต่เล็กลูกเห็นแม่สร้างแผ่นดิน สร้างชีวิตให้ลูก
แม่ยอมทุกอย่าง ร่างกายแม่ผ่ายผอมเหงื่อรดท่วมตัวก้อยอม
แต่ขอให้ลูกรักของแม่มีทุกอย่างเท่ากับคนอื่น
แม่ยิ้มได้ แม่สอน ปากของแม่พร่ำบ่น แต่มือของแม่ก้อไม่เคยหยุดทำอะไรให้ลูก
สองมือของแม่ช่างงดงามอมตะเหลือเกิน
จนวันนี้
สองมือของลูกยังไม่ได้ทำอะไรคืนกลับให้แม่เลย
แม่จ๋า
แม่....แม่จ๋า ลูกมาบูชาแม่
รักเที่ยงแท้แม่ให้ใครจะเหมือน
สองมือแม่จะสอยดาวจะสาวเดือน
เพียงลูกเอื้อนเอ่ยปากอยากได้ชม
เหงื่อแม่หยดหมดแรงแข้งขาสั่น
แม่ไม่หวั่นแม้ต้องกลืนความขื่นขม
อกแห้งผากหากฝืนยิ้มรื่นรมย์
เมื่อลูกสมหวังสิ่งดีแห่งชีวัน
และวันนี้จึงได้เอ่ยอีกครั้ง
ลูกกราบแนบท้าวแม่
จูบเท้าแม่อย่างที่แม่เคยจูบเท้าลูกเมื่อครั้งลูกยังเล็ก
แม่ครับ ลูกรักแม่