30 มีนาคม 2548 21:50 น.
ปากกาดอกไม้(2)
*****รักเราเร่าเร้าราวราวรอน
รักเราร่อนร้อนรอนรน
รักเร่าร้อนรอนรักร้าวราวรักล้น
รักร้อนรนรนรักรักร้าวราญ*****
มารยาร้อยเล่มเกวียน ดุจจักเจียนเกวียนเทียมควาย
ชายใดต้องมนต์กลาย ดุจดั่งควายลากเกวียนเทียม
มารยาพันเล่มร้อย เรียมหญิง
หาใช่สัตย์ตรัสจริง ยิ่งแท้
ล้วนมิใช่ตามสิ่ง ตรงต่อ คำเฮย
หวังไป่เพียงเพื่อแล้ ล่อล้วงเทียมชาย
กลอนที่เก็บไว้มันหายอ่าครับ เลยมาฝากเก็บไว้ที่Thai poemแทนอ่า ******^^******
26 มีนาคม 2548 21:54 น.
ปากกาดอกไม้(2)
เบื้องหลังความแค้นแขวนเต็มไปด้วยความรัก
รักเธอ..
รักเธอ..
รักเธอมากมายนัก สลักบนรอยแค้น !
เจอเธอเมื่อใด
ใจเต้นตึกตัก
ทึกทักทึกทัก
ทั้งรักทั้งแค้น
ยิ่งแขวนยิ่งแขวน
ยิ่งแค้นยิ่งแค้น
ยิ่งแค้นยิ่งแขวน
ยิ่งแขวนยิ่งรัก
เวลาหายแค้น
จะแขวนความรัก
เวลาอกหัก
แขวนรักรอยแค้น
เบื้องหลังความแค้น
ฉันแขวนความรัก
ให้เธอประจักษ์
ว่ารักว่าแค้น
เคยเป็นกันบ้างไหมเนี่ย !
15 มกราคม 2548 23:53 น.
ปากกาดอกไม้(2)
เจ้าหญิงแสนขาว
& แสงดาวสีเทา
บทที่ 1
แสนขาวผู้เลอโฉม
เมื่อนานมาแล้ว ข้าเคยรู้จักรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ไม่เสแสร้ง ไม่ได้แกล้งทำ
เป็นยิ้มที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจ ชั่วเพียงข้ามคืน กลับทำให้ข้าลืมรอยยิ้มที่งดงามเช่นนั้น
ข้าลืมแม้กระทั่งความจริงใจที่ข้าเคยมี ข้าจำได้ว่าข้าเคยชอบแสงนวลตาของหมู่ดาวบนฟ้านั้น
แต่ตอนนี้ แม้แสงหรี่ๆของโคมไฟข้ายังไม่อยากจะเหลียวมอง
ข้ายังจำได้ จำได้ดีเสียด้วย บรรดาผู้คนมากมาย เคยทักว่าข้า สวยงามเฉกสโนว์ไวท์ในนิทาน
แต่บัดนี้ ทุกพื้นที่ ที่ข้าก้าวผ่าน ข้าจะได้ยินเสียงเซ็งแซ่เสมอว่า เจ้าหญิงแสนขาว
แสน คือ ชื่อของข้าเมื่อนานมาแล้ว แสนขาว เคยทำให้หลายคนที่แรกเจอ หลงคิดว่า
ข้าคือเจ้าหญิงผู้งามอย่างบริสุทธิ์ ตรงกันข้าม มันคือ ชื่อที่ประณามด้วยความเกลียด ความชัง
ถึงเจ้าหญิงน้อยผู้เคยแสนดี แต่บัดนี้ กลับเป็นเจ้าหญิงผู้แสนเย็นชาเหมือนดังหิมะสีขาว
ใครได้สัมผัส ก็จะได้รู้สึก ความเย็นลึก หนาวเหน็บอันแสนจะชินชา
*******************************
ลองเขียนนิยายมาให้อ่านกันครับ มะรู้ว่าจะใช้ได้รึเปล่านะ
ดี ไม่ดีแนะได้ฮะ ^^ ตอนแรกว่าจะแต่งเป็นกลอน แต่ความสามารถ
ไม่เพียงพองับ T_T ใครสามารถก็โพสต์เป็นนาวทางไว้ให้ผมที
13 มกราคม 2548 21:58 น.
ปากกาดอกไม้(2)
...พิณพาทย์ ดนตรีดาล
สุรเสียงสาร กานท์สวรรค์
ทวยเทพ ร้องรำพัน
ส รวลสันต์ สดุดี
...พิรุณ หยาดฟ้าร่วง
ดุจหนึ่งท่วง ทำนองมี
หมื่นค้าง กลางราตรี
บรรเลงหล้า น่าเริงราญ
...แสงทอง ส่องสร่างฟ้า
เทียมปากกา มาจรจาร
เลิศหล้า นภางาน
อ้ากลอนกานท์ สวรรค์สร้าง ลิขิตชม
*** สรวล ในกลอนนี้ ต้องอ่านว่า สะ- หรวน คับ เพื่อความไพเราะ***
ขอส่งความรื่นรมย์นี้ให้ภาคใต้นะครับ
8 กันยายน 2547 22:55 น.
ปากกาดอกไม้(2)
มือใดไกวเปลกล่อมหลับ เสียงลำนำขับ
โอ้โอละเห่เปลไกว
[]
เสียงนี้เพื่อเพียงจักให้ ลูกนิทราใน
อ้อมกอดแม่ตลอดกาล
[]
แย้มโอษฐ์ละไมอ่อนหวาน จักยิ้มนานนาน
เมื่อเห็นเจ้านั้นฝันดี
[]
โอบกอดด้วยรักที่มี เพียงให้เจ้านี้
เป็นสุขทุกราตรีกาล
[]
ล่วงลับผ่านพ้นวันวาน ขอแม่เป็นวิมาน
สถิตย์สถานให้เจ้าพึ่งพิง
[]
อ่อนล้าจงเอนกายอิง แม่คือทุกสิ่ง
สายใยรักยิ่งนิรันดร์
อนึ่งกาลกลอน แต่ก่อนแต่เก่า
สิบหกความเร้า มาเล่าใจความ
ฉบังสิบหก จะยกความงาม
ประหนึ่งในยาม ธ ซึ้งอารมณ์
ห่างหายไปนาน มะรุ้จะมีครายจำได้ม้ายประมาณ 2 - 3 เดือนเอง-*-
เห็นกวีใหม่ๆประพันธ์กลอนกันอลังการเหลือเกิน
แต่สังเกตเห็นว่า
กลอนแปดแพร่ระบาดยิ่งนัก เพราะแต่งง่าย ได้ใจความดี สื่ออารมณ์ได้
จึงอยากแนะนำอีกหนึ่งรุปแบบคำประพันธ์ นั่นก็คือ แต่นแต๊น!!!
กาพย์ฉบัง 16 กาพย์นี้มีข้อดีตรงที่สามารถบรรยายเชิงพรรณนาได้กินใจ
ใครอยากลองอรรถรสใหม่ๆของคำประพันธ์ ก็ขอแนะนำฉบัง16คับ
(หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ว่างั้นแหละ อิอิ)
------------------------ปล. ข้าพเจ้าก้เพิ่งแต่งเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใด
หรือ ไม่เพราะอย่างไรก็ ขออภัย ณ ที่นี้ ด้วย -------------------