25 กุมภาพันธ์ 2549 16:11 น.
ปักปลายฝัน
เห็นนภา ... ดาราเกลื่อน ... เพื่อนยามเหงา
ฤา ... ใจเราเคว้งคว้างกลางเวหา
ฤา ... ขาดคนคอยดูแลส่งวาจา
ฤา ... ฟากฟ้าขาดปุยเมฆเฉกเช่นเรา
ฤดูฝน ... ปนแล้ง ... แฝงน้ำค้าง
ฤา ... ไม่สร่างกระจ่างแจ้งในความเหงา
ฤา ... ดอกหญ้าถูกเหยียบทับกลับไร้เงา
ฤา ... ความเศร้าจะไม่พ้นและเลือนไป
เคยลองไหม ... คิดสลัด ... ความพลัดหลง
ฤา ... ยังคงหยุดอยู่นิ่งไม่อิงไหว
ฤา ... ความคิดคงติดตรึงเก็บอยู่ใน
ฤา ... เหมือนใจเปล่าเปลี่ยวหมดเรี่ยวแรง
ลองคิดสิ ... สักนิด ... ใจต้องสู้
ฤา ... ตั้งรู้ตั้งตัวใหม่ให้เปลี่ยนแปลง
ฤา ... กระทำสิ่งที่ดีด้วยแสดง
ฤา ... พลิกแพลงโอกาสทองที่ผ่านมา
เพียงพลิกตน ... พลิกใจ ... พลิกพลัง
เพียงบดบัง ... เผชิญหน้า ... สู่โลกหล้า
เพียงพูดคุย ... เปิดใจ ... ไม่ถอยล้า
เพียงเวลา ... ไม่เคยถอย ... ก้าวต่อไป
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ๑๕.๕๕ น.
11 กุมภาพันธ์ 2549 16:07 น.
ปักปลายฝัน
แดงงามเด่นเป็นสง่าผ่าฟากฟ้า
ข้ามนภามาบรรจบพบวิหก
ดวงกลมโตโผล่พ้นวนเวียนวก
จนเป็นศกศักราชอาจแรมไป
แสงสีทองรองเรืองเบื้องผิวน้ำ
สาดระบำกล้ำสีสวยเทิดทวยไท
เจ้าวิหกนกน้อยคล้อยบอกให้
บินด้วยใจไปให้ถึงกึ่งฝากฝั่ง
ตะวันตกทุกศกพระจันทร์ฉาย
พรรณรายกลายเหลืองเยื้องกำลัง
แสงนวลผ่องส่องหล้าฝ่าเมฆบัง
ด้วยพลังรัศมีพันหลี้ไกล
ทั่วทั้งผืนกลืนราตรีทาสีดำ
มีเพียงงำรอยเงื่อนเพื่อนสวยใส
ทอแสงจางผ่านพาดกลาดเกลื่อนไป
เจ้าจุดน้อยนั่นไงดาวดวงเดือน
อาทิตย์วันพระจันทร์คืนฝืนแรงล้า
ยังคงโผล่พ้นขึ้นมาดาราเลื่อน
ทุกค่ำเช้าเข้าออกบอกตักเตือน
คอยเป็นเพื่อนฟากฟ้าคราเหงาใจ
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ๑๖.oo น.
10 กุมภาพันธ์ 2549 17:38 น.
ปักปลายฝัน
ธงชาติไทยพลิ้วไสวในสายลม
เสาปักจมฝังดินที่ถิ่นใน
คงอยู่มั่นฟันฝ่าเป็นหลักชัย
เพื่อดำรงคงไว้ไทยคือไทย
แดง คือ ชาติปรารถนามาเป็นหนึ่ง
พร้อมเตรียมตรึงติดไว้รวมใจให้
คิดจะทำนำประชาปรารภไว้
ชาติคือหนึ่งห้ามใฝ่มุ่งทำลาย
ขาว พระพุทธรวมพระธรรมและพระสงฆ์
เจตจำนงคงอยู่มิรู้หาย
ชาวไทยพุทธจิตผุดผ่องมิรู้วาย
ที่พึ่งทั้งใจกายไล้ครรลอง
น้ำเงิน สดพจน์เด่นเป็นสง่า
กษัตริย์พาปวงชนไม่หม่นหมอง
เป็นจอมทัพของเหล่าไทยให้เกี่ยวดอง
เป็นผู้คล้องนำไทยยังเป็นไท
แดงขาวน้ำ- เงินขาวแดง แจงห้าแถบ
สื่อแน่นแนบแบบพ้องเราเคล้าภูมิใจ
ทั้งแบ่งปันฉันท์น้องพี่มิห่างไกล
จงจำไว้ว่าผองเราลำเนาเดียว
แต่วันนี้การเมืองแตกแยกสองฝั่ง
สองพลังคลังความคิดผิดกลมเกลียว
ประชาธิ- ปไตยนั้น ยังแน่นเหนียว
กระแสน้ำอันไหลเชี่ยวให้เลี้ยวไป
เหล่าชาวไทยจงรักสามัคคี
ต่อชาตินี้พลีศาสน์กษัตริย์ไว้
ทำสิ่งใดตรึกใฝ่ตรองกรองด้วยใจ
เพื่อมิให้ผิเมืองลดเรืองรอง
ฝ่ายประท้วงควรทำด้วยสงบ
ก่อนนัดพบควรคิดด้วยตริตรอง
ไม่กระทบกลบผู้อื่นมะรืนสอง
มิเลือดนองฟองฟืดเป็นพรืดไป
ฝ่ายรัฐนั้นเช่นกันเจรจา
ข้อกังขาหลายแห่งควรแจงให้
ประชาชนจะทนฟังเพื่อแก้ไข
และต้องใส่ใจเย็นเหมือนเพ็ญจันทร์
ฝ่ายใดถูก ฝ่ายใดผิด รู้มิดใจ
ดังนั้นจงอย่าทำให้ไทยแปรผัน
กาลเวลาพาเปลี่ยนไปจงรักกัน
เพราะเธอฉันเป็นพี่น้องกรองน้ำใจ
ธงชาติไทยพลิ้วสะบัดมัดใจคน
แม้ยากจนคนรวยเป็นลำห้วยใหญ่
เป็นสายธารลำน้ำใสที่ไหลไป
สู่เส้นทางอันฝันใฝ่ใจเดียวกัน
๑o กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ๑๗.๑๓ น.
10 กุมภาพันธ์ 2549 13:08 น.
ปักปลายฝัน
วันเวลาที่ผันผ่านข้ามราตรี
ฉันนั้นมีเพียงหนึ่งฝันอันใฝ่หา
อยากไปถึงตรึงจิตให้คล้อยพา
แสงจันทราคอยเป็นเพื่อนเลื่อนนาที
บันไดชั้นขั้นที่หนึ่งพึ่งสองขา
ยั้งแรงล้าก้าวไปไม่ถอยหนี
เป็นจุดเริ่มด้วยแรงกายเท่าที่มี
ให้ถึงที่หมายปองของดวงใจ
บันไดชั้นขั้นที่สองตรึกตรองอยู่
เห็นมีลู่ทางปัญหาย่างก้าวใส่
เหมือนอยู่กลางเขาวงกตคดเคี้ยวไป
เดินทางไหนก็ต้องใช้ปัญญาตรอง
บันไดชั้นขั้นที่สามตามล่าฝัน
แรงกายนั้นเลือนหายไปไม่ครรลอง
ใจเท่านั้นฝ่าแรงกล้ามุ่งหมายปอง
เพื่อรัวกลองชัยชนะละลิ้วไป
บันไดชั้นขั้นที่สี่ปีสุดท้าย
เกือบถึงเส้นจุดหมายเรียงรายใส
เหยียบพื้นดินถิ่นฟ้าขอบนาใกล้
ทุกสิ่งได้สมใจเพียงเอื้อมมือ
เราทุกคนล้วนมีสิ่งที่หมายปอง
ขอเพียงลองตั้งใจใฝ่ฝันถือ
แล้วทำไปด้วยใจพ้องก้องระบือ
ความฝันหรืออยู่ใกล้แค่คว้ามัน
๑o กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ๑๒.๕๔ น.
3 กุมภาพันธ์ 2549 18:46 น.
ปักปลายฝัน
แต่ก่อนเก่าเรานั้น แต่ละวันช่างห่างเหิน
แอบรักแต่ทำเมิน มิอาจเดินอยู่ข้างเคียง
ทำใจให้สงบ เมื่อเจอพบเผลอฟังเสียง
ฟังแล้วอยากร้อยเรียง คำพูดเพียงหนึ่งในใจ
เธอรู้ว่าฉันชอบ ดูจากขอบสายตาไง
มองมาเมื่อมองไป รำคาญไหมที่จ้องดู
วันคืนแปรเปลี่ยนไป และความในคงพรั่งพรู
สุมทรวงอยากให้รู้ มิมีลู่ทางเผยไป
คงเป็นเช่นทุกวัน ที่เธอฉันยังห่างไกล
สบตาอยากอยู่ใกล้ แอบยั้งใจทุกนาที
เคยคิดที่จะเลิก จะบุกเบิกเส้นศักดิ์ศรี
ห้ามใจให้คงที่ ผ่านนาทีที่พบกัน
แต่ไม่อาจเลิกได้ เพราะหัวใจยังผูกพัน
ยึดติดอยู่อย่างนั้น ดั่งเช่นฉันไม่เดินไป
แต่แล้วถึงวันนั้น เธอและฉันบังเอิญใกล้
เพียงอยู่ก็ดีใจ มากเก็บใส่ความทรงจำ
เธอเอ่ยพูดกับฉัน ช่างเป็นวันที่พานำ
ชื่นบานยามเย็นฉ่ำ แทบระบำโลดโผนไป
แม้เป็นหนึ่งประโยค ที่เธอโบกระบายให้
แววตาที่จริงใจ อ่อนหวานใส่ด้วยวาจา
ขอบคุณจากใจจริง ที่ไม่ทิ้งรำคาญมา
ขอบคุณที่นำพา สื่อวาจาชักพาใจ
๓ มกราคม ๒๕๔๙ ๑๘.๓๘ น.