6 สิงหาคม 2545 19:26 น.
ปลา
ถึง...ทิวารี
กำลังใจ...ที่ให้มา
รู้ไหมว่ามันมีพลังแค่ไหน
ไม่ได้เห็นหน้าได้เห็นรูปก็สุขใจ
ยามหลับใหลฝันถึงเธอทุกค่ำคืน
ฉันอุ่นใจ...ที่มีเธอ
คอยแนะนำเสนอความคิด...ได้สดชื่น
เธออยู่กับฉันทั้งยามนอนและยามตื่น
คอยอยู่เคียงข้างหยัดยืนไม่ห่างกันไกล
ถึงแม้ตัวไกล .. แต่ใจใกล้กัน
ขอบคุณคำปรึกษาเหล่านั้นที่ให้
ฉันจะค่อยๆหาให้เจอกับปัญหาที่เป็นไป
แล้ววันใสๆก็จะกลับมาเป็นของฉันอีกที
รักมากจากใจ...ธารินี
ถึง...ธารินี
ต้องนี่สิ...เพื่อนรักฉัน
เข้มแข็ง สู้กับปัญหาได้
ดีใจนะที่เห็นเธอสบายใจ
หนักแค่ไหนเราร่วมฝ่าไปพร้อมกัน
ดีใจ...ที่เธออุ่นใจ
ก็คงน้อยไป...ถ้าเทียบกับที่เธอให้ฉัน
ความดี ความรัก ความผูกพันธ์
ทุกอย่างนั้นเราร่วมกันสร้างมา
ตัวไกล...ใจใกล้
มีอะไรก็ยังให้คำปรึกษา
เพราะรักและคิดถึงเธอตลอดมา
รอเวลาที่เธอกลับมาถิ่นเดิม
คิดถึงมาก...ทิวารี
ถึง...ทิวารี
ฉัน...คิดถึงเธอคิดถึงบ้าน
เพราะเนิ่นนานที่จากมา
คิดถึงมากอยากไปหา
กาลเวลาช่างไม่ได้ดั่งใจ
จะผ่านไปเร็วกว่านี้ไม่ได้เหรอ
จะได้เจอเธอและเจอใครต่อใคร
เจอคนที่คิดถึงจนล้นใจ
นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอหน้ากัน
เธอล่ะอยู่ทางนั้นเป็นอย่างไร
แล้วกับเขาล่ะไปถึงไหน...อย่าแซงหน้าฉัน
ฉันรู้เธอรักกันมาก...อย่าทิ้งกัน
จะรอวันดูเธอ...วันแต่งงาน
รักจ๊ะ...ธารินี
ถึง...ธารินี
สวัสดีจ๊ะ...แม่ตาหวาน
เพราะเนิ่นนานที่จากกัน
ทำให้เธอคิดถึงฉัน
และทำให้ฉันคิดถึงเธอเรื่อยมา
เวลายังคงผ่านไปเหมือนเดิม
ไม่ได้มีอะไรมาเพิ่มให้เวลาช้า
อดทนหน่อยแล้วมันจะถึงเวลา
ที่จะกลับมาหากัน
เขาคนนั้นของฉันไปเรียนต่อ
อยากจะขอเธอช่วยดูแลแทนฉัน
เพราะเขาไปเรียนที่เดียวกับเธอนั่น
ก็เลยยังไม่ถึงวันวิวาห์
เธอล่ะ...เป็นอย่างไร
ไปถึงไหนแล้วกับปัญหา
แก้ได้ใช่ไหม เพื่อนฉันเก่งอยู่แล้วนี่นา
ปัญหาแค่นี้คงไม่อาจทำให้เพื่อนฉันท้อใจ
คิดถึง...ทิวารี
4 สิงหาคม 2545 15:26 น.
ปลา
คำว่าเพื่อน .. ไม่มีวันจางหาย คำว่าเพื่อนตาย .. ไม่มีวันจากสองคนนี้ เพื่อนรัก .. ยิ่งรักมากขึ้นทุกๆที ตราบจนวันนี้ .. ก็ยังเพื่อนกัน
"เพื่อน" ทุกคนคงมีเพื่อน แต่จะเป็นเพื่อนแบบไหนล่ะ สำหรับคู่เพื่อนที่ฉันจะเสนอต่อไปนี้คือ ความหมายของคำว่าเพื่อนจริงๆ
ทิวารี กับธารินีเป็นเพื่อนรักกันมาก เธอสนิทและรู้จักกันมานาน นับ 13 ปี ทำให้เธอถือว่าเป็นเพื่อนตายกันได้ แล้ววันหนึ่ง ธารินีต้องไปเรียนต่อปริญญาโท(ใบที่ 2)ที่ต่างประเทศ แต่เธอทั้งสองไม่ได้ขาดการติดต่อกัน เธอทั้งสองติดต่อกันโดยการเขียนจดหมาย และด้วยการคุยทางโทรศัพท์บ้าง
ถึง..ทิวารี
เพื่อนรัก...ฉันคิดถึง
วันซึ้งๆ...ที่เลยผ่าน
แม้ว่าเรามิอาจได้พบพาล
แต่ความสุขที่ผ่านยังเปี่ยมใจ
ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่
คิดถึงเพื่อนคนดีที่คอยสร้างรอยยิ้มให้
แต่ไม่เป็นไร...อยู่ทางนั้นอยู่ให้อุ่นใจ
อีกไม่นานเราก็คงจะได้พบกัน
ฉันได้มาอยู่ที่นี่
ได้เรียนรู้อะไรดีๆอยู่ทุกวัน
สัญญานะ..ว่าจะกลับไปสร้างฝัน
ที่ฉันฝันไว้ร่วมกันกับเธอ
รักเสมอ...ธารินี
ถึง...ธารินี
สวัสดี...เพื่อนรัก
ดีใจนักที่เขียนจดหมายมาทักทายฉัน
ดีใจนะที่ยังไม่ลืมคืนวัน
ที่เราฝันร่วมกันมาเนิ่นนาน
อยู่ทางนั้นสบายดีไหม
กินอยู่อย่างไรล่ะแม่ตาหวาน
ขอให้อยู่ให้สนุกเหมือนวันวาน
ที่เราเคยขับขานร่วมกัน
วันนั้น วันนี้ วันไหนๆ
เธอยังอยู่เสมอในใจฉัน
คิดถึงมากก็เลยคิดถึงคืนวัน
คิดถึงฉันบ้างละกัน...วันละนิดก็ยังดี
รักเสมอ...ทิวารี
ถึง...ทิวารี
เหมือนเนิ่นนาน...ที่จากกัน
เธอจะคิดถึงฉันบ้างไหม
ส่วนฉันคิดถึงเธอสุดหัวใจ
พอคิดถึงน้ำตาใสๆก็เริ่มไหลริน
คิดถึง...ดวงตาที่เคยมองกัน
คิดถึง...คืนวันที่ร่วมกันฝ่าด่านหินๆ
คิดถึง...จนกลายเป็นความเคยชิน
เหล่านี้คือคิดถึงเพื่อนกินเพื่อนตายอย่างเธอ
ฉัน... เริ่มจะอ่อนล้า
กับสิ่งที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่เคยพบเจอ
ฉันพยายามแล้วโดยไม่ให้พลั้งเผลอ
แต่ก็ผิดเสมอเมื่อได้ทำไป
ฉันไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
สิ่งเหล่านั้นถึงจะจางหาย
จะถามใคร ปรึกษาใครก็ไม่ได้
ก็อยากให้เพื่อนเนี่ยแหล่ะช่วยแนะนำ
คิดถึง...ธารินี
ถึง...ธารินี
เนิ่นนาน...ที่จากกัน
ทำให้ฉันคิดถึงเธอมากมาย
ได้รับข่าวของเธอแล้วฉันต้องใจหาย
ก็เลยอยากช่วยคลายความอ่อนล้าให้เธอ
อยากจะไปอยู่ใกล้ให้ชิดๆ
อยากจะไปเป็นคู่คิดให้เสมอ
แต่ความเป็นจริงทำให้เราไม่อาจพบเจอ
ฉันและเธอก็เลยต้องอยู่กันไกล
ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
ขออย่ายอมแพ้จงตั้งใจแก้ไข
ค่อยๆหาให้เจอกับปัญหาที่เป็นไป
แล้ววันใสๆจะกลับมาเป็นของเรา
ปัญหาอะไรๆโปรดจงสู้
ฉันจะคอยเฝ้าดูให้เหมือนอยู่เป็นเงา
ให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ สู้ๆเขา
จะไม่มีคำว่าเหงาระหว่างเราสองคน
รัก+คิดถึง....ทิวารี
ปล.เพื่อนตาย ให้กันทุกอย่างได้จริงหรือ แล้วสองคนนี้จะมีอะไรทำให้พวกเธอเกลียดกันได้หรือไม่
โปรดติดตามตอนต่อไป....
1 สิงหาคม 2545 21:27 น.
ปลา
วันใหม่ ติ๊ง.ต่อง... เสียงออดหน้าบ้านรินดังขึ้น
นทีมารับรินตอนสายๆ มาก่อนที่นัดกับรินเอาไว้ แต่รินเองเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน พอนทีมาถึง รินก็เลยยังอยู่ในชุดนอนพร้อมกับความงัวเงีย
พอรินเปิดประตูก็เห็นหน้านทีก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะนึกว่านาฬิกาบ้านตัวเองเสีย ก็เลยพูดไม่ฟังเสียงนที " โอ้ยทำไมนาฬิกาเสียหมดทั้งบ้านเลยเหรอเนี่ย น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบ แป๊บนึงนะคะขอเวลาอาบน้ำแต่งตัว 5 นาที"
พอพูดจบรินก็วิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้นทีอ้าปากค้างยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ จนรินเงียบไปนทีถึงพูดออกมาได้ว่า "พี่มารับเร็วไปหน่อย จะพาไปกินข้าวก่อนน่ะ" แต่รินไม่ได้ยินหรอก เพราะตอนนี้เธอ
สนใจกับการอาบน้ำแต่งตัวให้เร็วที่สุด ขณะที่รินอาบน้ำอยู่นั้น นทีก็หาอะไรดูไปพลางๆจนไปเจอ Album รูป ก็ได้เห็นรูปรินตอนเด็กๆ เขาดูไปก็ยิ้มไป 5 นาทีต่อมา รินออกมาเห็นนทีดูรูปเธออยุ่ จึงดึงออกจากมือเขาด้วยความอาย
แล้วก็ถามนทีว่ารอนานไหม นทีก็บอกไม่นานเร็วเหมือนไม่ได้อาบน้ำเลย รินก็เลยบอกว่า "อาบค่ะไม่เชื่อสำรวจได้ ว่าแต่ว่าจะไปกันหรือยังคะ" อืมริน พี่มีอะไรจะบอกนะ คือว่า พี่น่ะมารับรินก่อนนัดน่ะ กะว่าจะมารับไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปบ้านพี่น่ะ
นาฬิกาบ้านรินไม่ได้เสียหรอกนะ ริน : เหรอ น่าอายจัง ทำอะไรโก๊ะๆอีกละ นที : ไปกันเหอะ พี่หิวแล้วกินอะไรดีล่ะ ข้าวมันไก่ซอย5ไม๊ ริน : ก็ดีค่ะ ของโปรดเลยล่ะ จากนั้นทั้งคู่ก็ออกไปกับรถคู่ใจของนที คล้อยหลังที่ทั้งคู่ออกไปเอก ก็กลับมา
พอกลับมาไม่เห็นน้องสาวก็ร้อนใจว่ารินไปไหน เลยรีบโทรไปหาขวัญที่บ้าน แต่ขวัญบอกว่าเมื่อคืนนทีไปส่งรินที่บ้านคงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะโทรหานทีให้แล้วจะโทรกลับไปหาเอก จากนั้นขวัญก็รีบโทรหานที แต่ไม่มีคนรับ
ขวัญโทรกลับหาเอกแล้วก็บอกว่าบ้านนทีไม่มีคนรับสาย เอกก็ยิ่งร้อนใจรีบบอกให้ขวัญพาไปบ้านนทีเดี๋ยวจะไปรับ แล้วตลอดทางเอกพูดกับขวัญว่าถ้านทีทำอะไรน้องสาวเขาจะเล่นงานนทีให้อ่วมเลย แต่ขวัญบอกว่านทีไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก
เอกหมั่นไส้จึงว่า "ไม่ต้องออกรับแทนเลย รู้จักมันแค่ไหนกันเชียว" แต่พอไปถึงบ้านนที ก็ไม่มีใครอยู่ เอกก็ยิ่งโมโหก็เลยลงที่ขวัญว่าทำไมปล่อยให้รินมากับนทีสองต่อสอง ขวัญรู้ว่าเอกกำลังร้อน ก็เลยไม่โต้ตอบอะไร เอกจะไปแจ้งตำรวจ แต่ขวัญบอกว่า
ให้รออีกหน่อยถ้าซักทุ่ม 2ทุ่มยังไม่กลับมาค่อยแจ้งก็ได้อีกอย่างรินหายไปจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่แน่อาจไปทำธุระที่ไหนก็ได้กลับบ้านก่อนดีกว่า พอกลับบ้านขวัญก็อยู่เป็นเพื่อนเอกตลอดเวลา
ณ ร้านข้าวมันไก่ ทั้งคู่นั่งกินข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะรินเพราะหล่อนได้นั่งกินข้าวกันสองต่อสองกับชายในฝัน ขณะกินข้าวอยู่นั้นรินก็แอบลอบมองนทีอยู่หลายครั้ง จนนทีรู้ตัว เขาจึงถามเธอว่าหน้าพี่มีอะไรผิดปกติเหรอ
รินรู้สึกอายที่โดนจับได้ว่าแอบลอบมอง แต่ทันใดนั้นเองก็เหมือนมีอะไรมาช่วยเธอไว้ทันเวลาเพราะบังเอิญที่ปากของนทีมีข้าวติดอยู่ เธอจึงบอกกับเขาว่ามีข้าวติดอยู่ที่ปาก เขาก็เลยรีบเช็ดปากอย่างรวดเร็ว แล้วถามว่า "พี่หล่อหรือยัง"
ริน : หล่อน่ะหล่อค่ะ แต่หล่อแบบเลอะๆนะคะ ข้าวยังติดอยุ่เลยค่ะ นที : อยู่ตรงไหนเหรอ ริน : มาเดี๋ยวรินเช็ดออกให้ (ได้โอกาสเลย) แล้วรินก็เช็ดปากให้นที ริน : อ่ะ หล่อแล้วล่ะค่ะ นที : ขอบคุณคร้าบ....
ริน : ยินดีเสมอค่ะ พอกินอิ่มทั้งคู่ก็ตรงดิ่งไปยังบ้านของนที พอรินเห็นสภาพบ้านของนทีครั้งแรกก็ตลึง เพราะว่าบ้านนทีรกมากๆ รินก็เลยพรึมพรำว่า ไม่น่าล่ะเสื้อผ้าถึงได้เหม็นอับขนาดนั้น นที : ว่าอะไรนะ ริน : ไม่มีอะไรค่ะ
นที : เราจะเริ่มตรงไหนกันก่อนดีล่ะ ริน : ก็เริ่มจากในบ้านก่อนแล้วกัน หน้าบ้านเอาไว้ทีหลัง จากนั้นทั้งคู่ก็จัดบ้านกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว นทีขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วจะไปส่งรินที่บ้านแล้วรอรับไปทำงานพร้อมกัน
ขณะที่นทีอาบน้ำอยู่รินเองก็จัดบ้านไปเรื่อยๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเอกกลับมาวันนี้ แต่เธอไม่ได้โน้ตอะไรไว้ให้เอกเลย ก็เลยโทรไปที่บ้าน พอโทรศัพท์ดังแค่กริ๊งเดียวเอกก็รีบรับ พอได้ยินเสียงรินเอกก็รีบถามว่าอยู่ที่ไหน ริน : อยู่บ้านพี่นทีค่ะ
เอก : แล้วไปทำอะไรบ้านมันล่ะ ริน : มาช่วยจัดบ้านให้พี่เขาน่ะค่ะ เอก : แล้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปยังไง มีใครไปด้วยหรือเปล่า และคำถามอีกเป็นชุด ริน : พี่เอกคะเดี๋ยวรินก็จะกลับแล้วพอถึงบ้านค่อยคุยกันนะคะ พูดจบรินก็วางสาย
นทีแต่งตัวยังไม่เสร็จแต่รินเร่งให้นทีรีบพากลับบ้านเพราะเอกเป็นห่วง นทีก็รีบสุดชีวิต พอเสร็จก็พากันไปบ้านรินทันที
บ้านริน เอกยืนทำหน้าเครียดโดยมีขวัญยืนอยู่ข้างๆ พอรินกับนทีเข้ามาเอกก็ถามนทีว่า "พารินไปไหนมา" นที : ต้องขอโทษด้วยครับพอดีมารับรินไปจัดบ้านเมื่อตอนสายๆแล้วก็จัดเพลินไปหน่อย เอก : แล้วน้องรินเป็นคนใช้แกหรือไง
ริน : พี่เอกคะ คือว่ารินอาสาเองน่ะค่ะ รินผิดเองที่ไม่ได้โน้ตไว้บอกพี่เอกน่ะค่ะ ขวัญก็รีบเสริม "เอกก็อย่าไปว่าน้องเขาเลย เขาโตแล้วทำงานทำการแล้วมีสิทธิที่จะคิดเองมั่งสิจะไปไหนมาไหนต้องบอกต้องรายงานเธอทุกวินาทีเลยเหรอ"
เอกก็เถียงไม่ออกเหมือนกัน ขวัญก็เลยตัดบทว่าให้รินไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานได้แล้ว และก็บอกให้นทีไปส่งเธอที่บ้านด้วยจะอาบน้ำแล้วไปทำงานเหมือนกัน จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไป เหลือทิ้งไว้แต่เอกนั่งอยู่คนเดียว พอรินอาบน้ำเสร็จเห็นเอกนั่งอยู่ก็เลย
เข้าไปเอาใจแล้วก็ขอโทษเอกที่ไม่ได้บอก แต่เอกรู้สึกแปลกใจมากกว่าว่าทำไมรินถึงไปสนิทสนมกับนทีได้ รินก็เลยเล่าเรื่องเมื่อคืนและเรื่องวันนี้ให้เอกฟังอย่างคร่าวๆ พอเอกทำท่าจะถามต่อรินก็เลยโพล่งออกมาว่า "ตายแล้วสายมากแล้วเดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน ไปเหอะพี่"
รินฉุดแขนเอกให้รีบไปส่งเธอ พอไปส่งรินแล้วเอกก็ยังไม่กลับ มองหาขวัญเพราะอยากจะขอโทษที่วันนี้พูดกับขวัญรุนแรงไปหน่อย แต่ไม่เจอก็เลยกลับ พอรินเจอหน้านทีก็เลยขอโทษนทีแทนเอก นที : ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจน่ะว่าพี่ชายเราน่ะเขาห่วงเรามาก
ริน : ค่ะ แต่ยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ แล้วที่บ้านส่วนที่ยังไม่ได้จัดน่ะค่ะพรุ่งนี้รินจะให้พี่เอกไปส่งที่บ้านพี่นทีนะจะได้ช่วยจัดให้เสร็จ นที : จะดีเหรอรินพี่เกรงใจพี่เอกเขาน่ะ เดี๋ยวพี่จัดเองก็ได้นะ ริน : ไม่เป็นไรหรอกค่ะรินรับปากแล้วต้องทำให้เสร็จค่ะพี่เอกไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ
นที : งั้นก็ขอบใจนะจีะ...สาวน้อย ขวัญเข้ามาขัดจังหวะพอดี ขวัญ : รินว่าไงมั่งเคลียร์กันเรียบร้อยหรือยังแล้วเอกเย็นลงหรือยังล่ะฝากบอกด้วยนะว่า แก่แล้วยังทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน
พองานเลิกเอกมารับรินตามปกติ แต่พอรินขึ้นรถเอกก็ยังไม่กลับ แต่ลงจากรถแทนลงไปหาขวัญแล้วก็ไม่เจออีกตามเคย ก็เลยจำใจต้องกลับ ตอนนั่งรถกลับบ้านรินบอกเอกว่า "พรุ่งนี้จะไปบ้านพี่นทีอีก เพราะยังจัดบ้านไม่เสร็จพี่เอกต้องไปส่งด้วย" เอกถึงแม้จะไม่พอใจเท่าไหร่
แต่เพื่อความสุขของน้องก็เลยไม่ได้ขัดอะไร แต่ก็อดที่จะกัดไม่ได้ เอก : ไม่รู้ว่างานที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันเหนื่อยไม่พอรึไงก็ไม่รู้ รินเองก็ได้แต่ขำในคำพูดของพี่ชายตัวเอง
วันรุ่งขึ้น ติ๊งต่อง....เสียงออดหน้าบ้านนทีดังขึ้น
นทีออกมาเปิดประตูให้ริน นทีชวนเอกเข้าบ้านก่อนแต่เอกไม่เข้าเพราะจะรีบไปหาขวัญที่บ้าน นทีบอกเอกว่าไม่ต้องมารับรินก็ได้เดี๋ยวจะไปส่งเอง พอเอกกลับรินจึงเข้าไปจัดบ้านกับนที ความเป็นกันเองของนทีทำให้รินยิ่งคิดเข้าข้างตัวเองไปใหญ่ว่านทีคงมีใจให้กับเธอบ้าง
แต่ความจริงแล้วไม่เป็นอย่างที่เธอคิดเลย นทีเห็นเธอเป็นเพียงแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้นเพราะความสดใสและความน่ารักของเธอจึงทำให้เขาอยากมีน้องสาวแบบนี้บ้างก็เลยเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ พอจัดบ้านนทีเสร็จ นทีก็พารินไปเลี้ยงข้าว แล้วค่อยไปส่งรินที่บ้าน
รินกับนทีเริ่มสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ สนิทถึงขั้นพาไปซ้อมดนตรีด้วยกัน รินเองไม่เคยปิดบังเรื่องนทีกับเอกเลยมีอะไรก็จะเล่าให้ฟังประจำ แต่เอกรู้ว่านทีไม่ได้ชอบน้องสาวตัวเองแบบชู้สาวเลยก็เลยเตือนน้องให้ระวังความผิดหวังเอาไว้บ้าง รินก็ได้แต่ฟังไม่ได้เก็บไปคิดอะไร
เวลาผ่านไป 3 เดือน เอกทนไม่ไหวที่จะเห็นรินถลำลึกลงไปมากกว่านี้ จึงตัดสินใจไปปรึกษากับขวัญ ขวัญเลยเสนอความคิดว่าให้ไปบอกกับนทีตามตรงเลย แล้วถามนทีว่าคิดยังไงกับริน ว่าแล้วทั้งคู่ก็ไปหานทีทันที
ณ บ้านของนที
เอก : นทีฉันขอถามนายตรงๆเลยนะนายคิดยังไงกับรินขอให้นายตอบมาตรงๆเลยไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก นที : ผมก็เห็นรินเป็นน้องสาวน่ะพี่ รินเองก็น่ารักดีสดใสเห็นแล้วก็น่าเอ็นดู เอก : นี่นายแน่ใจนะว่าไม่ได้คิดอย่างอื่นกับรินนอกจากความเป็นพี่น้อง
นที : ครับ ผมเอาหัวเป็นประกันเลยพี่ ผมเองก็อยากมีน้องสาวน่ารักน่ารักมานานแล้วพอรู้จักรินก็เลยอยากมีน้องสาวกับเขามั่ง เอก : นายไม่ได้คิดอะไรกับริน แต่รินคิดนะ
นที : หะ ว่าไงนะพี่ ล้อเล่นน่า ทำไมรินถึงคิดกับผมแบบนั้นล่ะ ผมไม่เคยรู้เลยจริงๆ รินก็ไม่เคยแสดงอะไรให้เห็นว่าชอบผมแบบนั้น เอก : ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนายหรอก เพียงแต่อยากให้นายหาโอกาสพูดกับรินในเรื่องนี้น่ะฉันไม่อยากเห็นน้องต้องเจ็บปวดทีหลัง
ขวัญ : ยังไงเธอก็ควรจะหาโอกาสพูดกับรินนะ เรื่องนี้น่ะเพราะถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคนที่จะเจ็บปวดก็คือริน ถ้าเธอยังเห็นรินเป็นน้องสาวอย่างที่เธอว่าน่ะ หาโอกาสพูดให้เร็วที่สุดนะ ริน : ไม่ต้องหรอกค่ะรินได้ยินหมดแล้ว ขอบคุณนะคะที่ทุกๆคนเป็นห่วงริน แล้วรินก็วิ่งออกไป
ทุกคนตลึงไม่นึกว่ารินจะมาได้ยิน นทีพอตั้งสติได้ก็รีบตามรินออกไป ขวัญ : ก็ดีนะเอก รินมาได้ยินแบบนี้แล้วนทีจะได้ไม่ต้องลำบากใจที่จะพูดกับริน เอก : ก็ว่างั้นแหล่ะ หวังว่ารินคงไม่เป็นอะไรมากนะ
ณ ริมถนน
นที : ริน ริน : พี่นทีไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะรินเข้าใจดีว่ารินเป็นได้แค่น้องสาว รินก็ไม่ได้หวังอะไรมาก ไม่ได้หวังที่จะได้เป็นเกินกว่านี้ ได้แค่นี้รินเองก็ดีใจมากแล้วค่ะ ( พูดทั้งน้ำตา ) นที : ถ้ารินไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจนะ แต่เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เราจะเหมือนเดิมกันได้ไหมพี่ยังอยากเป็นพี่ชายของรินเสมอนะ
ริน : ค่ะ เราอาจจะเหมือนเดิมได้ แต่คงไม่มีเวลาที่จะเป็นพี่ชายน้องสาวกันแล้วล่ะค่ะ เพราะรินตัดสินใจแล้วว่าจะไปเรียนต่อ รินจะไปทำงานเป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะค่ะวันนี้ เราคงจะมีเวลาเหลือที่จะเป็นพี่น้องกันได้วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ
นที : แต่ตอนรินไปเรียนต่อ หรือ จะเรียนจบแล้วก็ตาม เราก็เป็นพี่น้องกันได้นี่ สัญญากับพี่นะว่าเราจะเป็นพี่น้องกัน ริน : รินจะไม่สัญญาค่ะ เพราะรินก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน บอกตามตรงนะคะ ถ้าเทียบกับการที่พี่รู้กับพี่ไม่รู้ว่ารินคิดยังไงกับพี่ รินขอเลือกให้พี่ไม่รู้ซะดีกว่า
นที : แต่ไม่ว่ารินจะอยู่ที่ไหน ยังไง พี่สัญญานะว่าพี่ก็ยังเป็นพี่ของรินอีกคนนะ จำไว้ล่ะ พี่คนนี้จะคอยต้อนรับน้องสาวที่น่ารักตลอดเวลา ริน : ค่ะแล้วรินจะจำไว้ นที : กลับเข้าบ้านพี่ก่อนเถอะ ทั้งพี่เอก กับขวัญ เขาเป็นห่วงเรามากนะ ริน : ไปค่ะ (พร้อมกับเช็ดน้ำตา)
เมื่อกลับเข้ามาในบ้านแล้วรินบอกเอกว่าจะไปเรียนต่อ ทั้งเอกและขวัญพูดพร้อมกันว่า "คิดดีแล้วเหรอ" ขวัญ : อย่าเอาอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินนะริน ริน : รินคิดไว้นานแล้วล่ะค่ะ แต่ติดอยู่ที่ว่าอยากจะใกล้ชิดพี่นทีก็เลยยังไม่ไป นี่ก็น่าจะเป็นโอกาสที่รินจะกลับไปทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
เอก : จะไปพรุ่งนี้เลยเหรอ ถ้างั้นคืนนี้พี่ขอเลี้ยงส่งน้องสาวก็แล้วกัน เอาเป็นที่ผับแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่เป็นเจ้ามือเอง ขวัญกับนทีด้วยนะ คืนนั้นในงานเลี้ยงส่งริน รินเต็มไปด้วยความสับสน ว้าวุ่นใจมาก แต่งานก็จบลงไปด้วยดี
บ้านริน รินเก็บเสื้อผ้าและของใช้อยู่ในห้อง เอกก็เข้ามาถามน้องว่า "แน่ใจเหรอที่จะไป ยังไงก็ยังมีพี่อยู่นะถ้าคิดจะทำอะไรก็อย่าให้วู่วามมากนักล่ะ"
รุ่งเช้า รินกับเอกเอาข้าวของใส่ในรถเพื่อเตรียมตัวเดินทาง ขณะนั้น ขวัญกับนทีก็มารอส่งรินด้วย แล้วก็ร่ำลากันพอสมควร จึงออกเดินทาง
รินมาเรียนอยู่ที่นี่ได้ซักพัก ก็ได้คิด ได้ทบทวนกับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอคำตอบ จนกระทั่งเธอได้มาเจอกับภูคนที่ดีสำหรับเธอ แต่เธอเองก็พยายามปิดกั้นตัวเองไม่ยอมให้เขาคนนั้นเข้ามา แต่ภูเองก็พยายามที่จะทำให้เธอเปิดใจรับเขาให้ได้
ภูเองก็รู้มาบ้างว่าที่รินมาเรียนอยู่ที่นี่เพราะอะไร เมื่อรินยังปิดกั้นตัวเองอยู่อย่างนี้ภูก็เลยทนไม่ไหวที่เห็นรินเป็นอย่างนี้ จึงพูดกับรินให้รินได้เลิกปิดกั้นตัวเองซักที ภู : ริน เราไม่รู้นะว่าเมื่อก่อนนี้รินเคยรักใคร แล้วใครทำให้รินต้องเจ็บช้ำมาก่อน แต่ในเมื่อตอนนี้ มีเราซึ่งเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรารู้ ว่าเราอาจไม่ดีพอ หรือดีไม่เท่าผู้ชายคนนั้นแต่เราอยากให้รินรู้ไว้นะ ว่าเราน่ะจริงใจ และเราก็คิดว่าเรารักริน
ถึงแม้รินเองจะไม่ได้รักเรา แต่เราก็อยากเห็นรินร่าเริงสดใส อย่าปิดกั้นตัวเองอยู่เลยนะ ถึงแม้รินจะไม่เลือกเราเราก็จะไม่เสียใจ ไม่ใช่เพราะเรารักรินไม่พอหรอกนะ แต่เป็นเพราะเรารักรินมากต่างหาก เราก็หวังว่าสักวันรินคงจะเลิกปิดกั้นตัวเองซักทีไม่ใช่เพื่อตัวเราหรอกนะ แต่เป็นเพื่อตัวรินเอง
รินกลับมาคิดทบทวนในสิ่งที่ภูพูด จนในที่สุด รินยอมเลิกปิดกั้นตัวเอง อาจจะเป็นเพราะความรักที่ภูมีให้เธอก็ได้ แต่รินเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอรักเขาหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้กระวนกระวายใจที่อยากจะเจอภู ไม่ได้ฝันถึงทุกคืน เหมือนตอนที่เธอรู้สึกกับนที แต่เธอก็หวั่นไหวบ้างกับความใกล้ชิด
เวลาผ่านมาหลายเดือน รินกับภูตกลงที่จะดูใจกันไปก่อน และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นความรักที่รินเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันเธอรู้เพียงแต่ว่าเธอเป็นห่วงเป็นใยเขา ถ้าวันไหนท้อแท้ขึ้นมาก็จะนึกถึงเขาเป็นคนแรก มีความรู้สึกที่ดีๆให้ ถ้าไม่มีเขาวันไหนจะรู้สึกไม่อุ่นใจ เพียงเท่านี้ที่เธอรู้สึกได้
จนกระทั่งเธอได้มาค้นพบด้วยตัวเอง ว่าภูคือคนที่เธอรัก และเขาก็รักเธอด้วยเช่นกัน เธอจึงรับภูเข้ามาอยู่ในหัวใจแบบเต็มๆ เธอจึงรู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่ได้รักนทีเลยแม้แต่น้อย มันป็นเพียงความหลงในความเพอร์เฟกของผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
วันปิดเทอม รินกลับมาบ้านพร้อมกับชวนภูมาเที่ยวบ้านด้วย เมื่อมาถึง ก็พบขวัญอยู่ที่บ้านกับเอกในฐานะพี่สะใภ้ของเธอ เธอดีใจมากเมื่อรู้ว่าพี่ชายของเธอแต่งงานกับขวัญ แต่เธอก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ไม่ยอมส่งข่าวคราวบอกเธอให้รู้บ้างจึงต่อว่าเอกเล็กน้อย แล้วค่อยแสดงความยินดีด้วย
แล้วก็ไม่ลืมที่จะแนะนำภูให้เอกรู้จักในฐานะแฟนของเธอ เอกก็ดีใจด้วยที่น้องลืมน้องลืมนทีได้แล้ว ริน : รินยังไม่ลืมพี่นทีหรอกค่ะ เพราะตอนนี้รินรู้แล้วว่ารินไม่เคยรักพี่นทีเลยสักนิด มันเป็นแค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบ เท่านั้นแหล่ะค่ะ แต่ตอนนี้รินจะมาทวงสัญญาจากพี่นที เอก : ไปสัญญาอะไรกันเหรอ
ริน : ก็พี่นทีสัญญาว่าจะเป็นพี่ชายรินอีกคนไงคะ ขวัญ : นั่นไงพูดถึงปุ๊บก็มาปั๊บเลยตายยากจริงๆเลยเธอเนี่ย นที : ริน .. เป็นไงมั่ง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ริน : เพิ่งมาถึงน่ะค่ะ เอ่อ พี่นทีคะ นี่ภูแฟนรินค่ะ นที : โธ่มีแฟนกันหมดแล้ว เหลือทิ้งให้เราเป็นไอ้เฒ่าอยู่คนเดียว พี่ดีใจด้วยนะริน นี่นายภูฉันฝากน้องสาวฉันด้วยนะ ห้ามทำให้น้องฉันเสียใจล่ะ
ภู : ครับ ผมจะไม่ทำให้รินเสียใจเหมือน...พี่เด็ดขาด แล้วทุกคนก็หัวเราะพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ริน : ความจริงรินน่าจะไปเรียนต่อซะตั้งนานแล้วนะคะ จะได้เจอภูก่อนพี่นทีไงล่ะ นที : อ้าว ไม่แน่นะถ้าไม่เจอพี่ก่อนก็อาจไม่เจอภูก็ได้ ริน : พี่เอกคะ แล้วเมื่อไหร่จะมีหลานให้รินอุ้มซักทีล่ะคะ
เอก : ก็อุ้มตาเวย์ เรือพ่วงของขวัญเขาไปก่อนแล้วกัน นที : มีลูกทันใช้ดีนะ
แล้วก็จบลงด้วยภาพความอบอุ่น ของ พวกเขา
ปล.บางคนอาจคิดว่า ตอนนี้คือความรัก มันอาจจะไม่ใช่เสมอไป มันอาจเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของความหลงในสิ่งนั้นของเรา แต่เมื่อเราโตขึ้น มีความคิดขึ้น ถ้าเรากลับไปมอง ณ ตรงนั้น เราอาจจะขำในตัวเองก็ได้