14 กรกฎาคม 2545 08:59 น.
ปลายสน
ไม่มีดาวซักดวง
ที่ควงคู่มากับจันทร์
เป็นคืนแรมที่หนาวสั่น
สงสารจันทร์คงหนาวใจ
อยู่ตรงนั้นโดดเดี่ยว
เปล่าเปลี่ยวมากใช่ไหม
พอรู้พอเข้าใจ
ก็ฉันนี่ไงไม่ต่างอะไรไปกว่าจันทร์
10 กรกฎาคม 2545 11:47 น.
ปลายสน
มองฟ้าอย่างเหงา-เหงา
มองดาวอย่างเพ้อ-เพ้อ
มองเมฆมองฝนอย่างคนละเมอ
แล้วน้ำตาก็เอ่อออกมาท่วมใจ
ก่อนนี้ดูดาวกับใครหนอ
ดูดาวกับใครคนไหน
ดูเมฆ ดูฝน อย่างคนสุขใจ
แต่ทุกสิ่งเปลี่ยนไป
เมื่อเธอเปลี่ยนแปลงสายลมที่อ่อนไหว
10 กรกฎาคม 2545 11:36 น.
ปลายสน
หากวันนี้พ่ายแพ้
อย่าท้อแท้ไม่สิ้นหวัง
จุดไฟก่อเกิดพลัง
สิ่งนั้นยังอยู่ไม่ไกล
พยายามเพื่อวันนี้
ให้ถึงวันที่สดใส
ชัยชนอยู่ที่ใจ
สู้ต่อไปเพื่อได้มา
ใฝ่ฝันมาให้ได้
คงไม่ไกลเกินไขว่คว้า
ทำไปด้วยปัญญา
ที่ค้นหาความมีชัย
หากวันนี้ยังแพ้
ก็ไม่แน่วันต่อไป
พยายามเพื่อวันใหม่
ความฝันใฝ่ไม่เกินจริง
10 กรกฎาคม 2545 11:27 น.
ปลายสน
ดวงดาวที่พราวแสง
ดูอ่อนแรงจะแข่งขัน
กับแสงแห่งตะวัน
หรือดวงจันทร์อันโสภา
แต่ความงามที่เห็น
ระดาษเด่นเต็มเวหา
กระพริบระยิบตา
ดังเพชรจ้าในฟ้าไกล
คุณค่าในชีวิต
มุ่งยึดติดที่จุดหมาย
ให้ต้องครอบครองชัย
เหนือผู้ใดใช่สำคัญ
เพียงรู้ในหน้าที่
รู้ว่ามีสิ่งใดแข่งขัน
กับตัวเราทุกวัน
คุณค่านั้นมั่นในใจ
10 กรกฎาคม 2545 11:14 น.
ปลายสน
โบยบินบนท้องฟ้า
มองลงมายังเบื้องล่าง
ฝ่าฝันอันเวิ้งว้าง
แจ่มกระจ่างในความจริง
งดงามเหนือความคิด
ดั่งเนรมิตทุกสรรพสิ่ง
อยากหยุดโลกไว้ไม่ไหวติง
สนิทนิ่งเช่นนี้ชั่วนิรันดร
หากมีปีกบินได้ดั่งนก
คงผินผกสุขสันต์สโมสร
ระเริงลมชมสายน้ำและนาคร
ไม่รู้เมื่อยเหนื่อยอ่อนหรือรอนแรง
จะบินซับรับอรุณอุ่นวันใหม่
จนเย็นบ่ายตะวันรอนอ่อนลำแสง
จวบจนพลบจบวันพระจันทร์แดง
คงหลงฟ้าจนกว่าแรงจะหมดลง