17 กันยายน 2547 14:38 น.
ปลายภู
อรุณรุ่งเบิกฟ้า
กู่เสียงนกกา ไก่ขัน
ผันเปลี่ยนเคลื่อนตามวัน
ม่านหมอกปิดกั้นเส้นทาง.
โดดเดี่ยวเดียวดายอ้างว้าง
เคว้งคว้างในตัวตนสั่นไหว
กรีดย้ำท่วงทำนองของห้วงใจ
ลมหายใจเข้า-ออกบอกจริงลวง
โปรยปรายฝากผืนฟ้าสายลมผ่าว
ดวงดาวปลอบปลุกยามจ่อมเหงา
ฝากวิญญาณโอบซับพอแบ่งเบา
จินตนาการแห่งสองเรา..เบ่งบาน
คือริ้วรอยเป็นไปในชีวิต
ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์สร้าง
กำหนดกฎเกณฑ์เส้นทาง
ปล่อยวางความฝันอันโง่งม
**
จังหวะชีวิต..กับความใฝ่ฝัน
เลือกสรรแสวงหาความสุข
อเนก-อนันต์แต่ก็เป็นไปเพียงแค่..คิด
และ..ขัดต่อความเป็นจริง..ในสังคมปัจจุบัน
แต่ก็ยินดีต่อความเป็นอยู่.
แม้จะเจ็บปวด. ขมขื่น..บ้าง ตามสภาวะการณ์
ได้แต่รอ..รอคอยกาลเวลากลืนกลบ
ห้วงชีวิตนี้..ให้ผ่านไป..เพื่อที่จะพานพบสิ่งใหม่..ใหม่
และเข้าใจ..ความเป็นไปในถนนสายนี้..
ด้วยความรัก..และรอคอย..
16 กันยายน 2547 14:29 น.
ปลายภู
อบอวนอิ่มอุ่นอันลึกล้ำ
หยาดหยดถ้อยคำเสน่ห์หา
กรายผ่านพานพบแจ้วจำนรรจา
โอบอุ้มดวงใจข้า-ฯ พาฟื้นตื่น
โปรยปรายอาบไล้ด้วยรอยยิ้ม
กลบรอยราคินคราเศร้าหมอง
มิตรภาพเบ่งบาน ดั่งใจปอง
ตามครรลองวิถี กวีชน.
เอนกายบ้านปลายภู เพิงพัก
ฟูมฟักอุดมการณ์ผ่านอักษร
หลากหลายอารมณ์ตามครรลอง
รอมวลหมู่เพื่อนพ้องเยี่ยมเยือน
*************************************--
หนึ่งเพียง..อารมณ์
วันเวลาที่ปรับเปลี่ยน
ทุกอย่างล้วนแปรฝัน..ตามห้วงกาล
มรสุมแห่งชีวิต..ระลอกแล้ว..ระลอกเล่า.
ถั่งโถม..
มิตรภาพ
อาจจะสั่นคลอนไปบางขณะ
อาจจะห่างหายไปบ้าง
เธออาจจะเหงา..แต่..ฉันกลับต้องเศร้า
ที่คอยตอกย้ำตามกาลเวลา
แต่ขอให้เธอเชื่อเถอะว่า..ฉันยังคิดถึง และห่วงใย เธอ
เสมอมา..ตราบที่ยังมีลมหายใจ..
14 กันยายน 2547 11:53 น.
ปลายภู
ปลายฝน
****
ปลายฝน ย่างสู่ต้นหนาว
ลมหวนพัดผ่าวปลิวไหว
เย็นยะเยือกจับขั้วดวงใจ
ผันชีวิตเป็นไปในห้วงกาล
โปรยปรายสายฝนโรยอ่อน
เคล้าตะวันรอนสาดแสง
ม่านเม็ดฝนปิดกั้นพรมแดน
ขอบเขตแคว้น..ฝั่งฝันทอ
ขับชีวิตเป็นไป..เฉกนี้
มีทุกข์-สุข-เศร้าเคล้าวิถี
จิตนาการโอบซับมากมี
อุดมการณ์นั่นบ่งชี้..ตัวตน
มีรัก..มีฝันอันยิ่งใหญ่
โอบอุ้มกำลังใจเติมวาดฝัน
ห่วงใยในสองเราเกี่ยวพัน
แม้เธอนั้นจะไกลห่าง ร้างตัวตน.
ปลูกประดับเก็บไว้ในห้วงลึก
ปลอบปลุกจิตสำนึกคราคิดถึง
สายใยแห่งริ้วรอยยามรำพึง
ตราตรึงบานเบ่งทุกคราวครา.
*****
9 กันยายน 2547 15:03 น.
ปลายภู
ดื่มด่ำแสงเงาเคล้าความมืด
ดึกดื่นกับความคิดกลบความฝัน
ใต้ราวฟ้าคืนนี้อับแสงจันทร์
ม่านหมู่เมฆมาปิดกั้นแสงหมู่ดาว
ในห้วงใจมิวายยังคิด
ถึงคนใกล้ชิดใจใฝ่เสน่ห์หา
แม้เงามืดแห่งแสงของจันทรา
มิอาจห้ามจิตใจข้าฯ.ยามรำพึง
ในใจตราตรึงเสมอมั่น
เหนี่ยวยึดความสัมพันธ์แห่งเราสอง
เพียงเงาฝันสองเราเฝ้าหมายปอง
แต่ความจริงสอดคล้อง..ผูกบ่วงใจ
ให้ดอกไม้แห่งสองเรา ชูไสว
แม้ลมต้องแกว่งไกวอย่าไหวสั่น
โลกกว้างใหญ่ยากหยั่งก้าวตามทัน
เพียงเธอ-ฉันเข้าใจกันเท่านั้นพอ
9 กันยายน 2547 11:33 น.
ปลายภู
***********
เอื่อย เอื่อย เรื่อย เรื่อยสายลมผ่าน
ภายในสะทกท้าน สั่นไหว
เย็นยะเยือกกรุ่นไอฝนจากแดนไกล
แต่ภายในกลับผ่าวร้อน ยิ่งนัก.
ยังคิดถึงห่วงใย เพื่อนพ้อง
เคยอยู่เหย้าตามครรลองเฝ้าถามไถ่
แต่ฟ้าฝนภัยพิบัติให้ห่างแรมร้างไกล
ขีดเส้นให้ทางเราปิด เพียงคิดไป..
แต่วันนี้ท้องฟ้าเปิดทางกั้น
ให้ทอถักสรรสร้างวิมานฝัน
มีอารมณ์แทนกายสายสัมพันธ์
จินตภาพมโนฝัน อันงดงาม
ความรู้สึกนึกคิด..อิงแอบฝัน
ให้เธอ-ฉันพบพานหว่านอักษร
ด้วยสำเนียงเสนาะกาพย์กลอน
อีกทั้งคติและคำสอนไว้เตือนใจ
********