6 กันยายน 2550 22:16 น.
ปลายตะวัน
๏ ดวงดาริกาคล้อย ศศิลอยสล้างสม
งามง่ายไถงคม อภิรมย์ฤดีกาล
ดั่งบุญพระคุณครู นรผู้เจริญญาณ
เพียงเพ็ญพธูพาน พิศแม้นผิแม้นตรู
๏ เย็นยามโพยมยวล ตะละนวลพะนอดู
ดั่งคุณพระคุณชู สิแนะนำ ณ เนืองเนา
นวลนวลพระโฉมจันทร์ บ่มิทันมิเทียมเงา
แสงคุณคุณูเย้า ฤยะเยือกยะเยียบเย็น
๏ สูงส่งแสดงแสง ก็เพราะแรงพบูเข็ญ
เหนื่อยยากและลำเค็ญ ผิอุทิศมิปิดบัง
เดือนยามพระหามเยือน พละเหมือนจะเลือนลาง
ลอยเร้นพระพายพราง ณ มหาพระหารัณย์
๏ ขอครูประสพสุข บ่มิทุกข์มิโศกศัลย์
สมดั่งถวิลพลัน และนิราศ ณ โรคภัย ๛
*ขอมอบแด่คุณครูสมถวิล จรัสวิมล
และคุณครูผู้เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมทุกท่าน
หมายเหตุ
พบู ๑ (กลอน) น. กาย, ตัว. (ป., ส. วปุ).
พระหาม, พระฮาม (กลอน) น. เวลาเช้ามืด. (ข. พฺรหาม).
พระหารัณย์ น. ป่าใหญ่. (ป. พฺรหา + ส. อารณฺย).
1 กันยายน 2550 23:04 น.
ปลายตะวัน
คำลาคายค่าล้ำ คำใด
ครวญคร่ำคำอาลัย เอ่ยอ้าง
ถ้อยเจ้ากระทบใจ จนพี่ พรั่นนา
โอ้อกนี้แทบร้าง เมื่อสิ้นสายสมรฯ
น้ำตาดุจดั่งน้ำ เพชรมณี
แววส่องต้องสุรีย์ เลียบไล้
แผดเผาผ่าวฤดี แดดับ
อัสสุมาเอิบใกล้ อาบแก้มนวลปรางฯ
น้ำใจมิสุดสิ้น ดั่งคำ
ลึกกว่ามหาสมุทรดำ- ดิ่งได้
สูงสุดนภาอำ- ไพผ่อง
เจ้าค่อนเจ้าค้อนให้ พี่นี้ถวิลหาฯ
แต่นี้จะปริ่มยิ้ม ยวลใคร
คงแอบยิ้มละไม ลุ่มหล้า
ฝากลมพร่างพรมไป บ่งบอก เจ้าเฮย
ว่าพี่นี้เอ่ยอ้า เอ่ยเอื้อนคำนึงฯ