16 มิถุนายน 2550 23:21 น.
ปลายตะวัน
อันน้ำไหล ไหวว่าย สู่ปลายน้ำ
สายลมฉ่ำ ย้ำยาม ตามวิถี
รุ้งเลื่อมลาย ปลายตะวัน พลันราตรี
ดาวพาที เฝ้าพ้อ ต่อฝันตาม
ให้มันเป็น เช่นนั้น ไม่หวั่นไหว
ปล่อยหัวใจ เรียบง่าย ไม่หวั่นหวาม
ให้รักเป็น เช่นนั้น ไม่พรั่นตาม
ให้เงียบงาม ความรู้ว่าง อยู่ข้างใน
ให้วันวาร ผ่านพ้นไป ไม่เร่งรีบ
ไม่คั้นบีบ หัวใจ ให้ผันผาย
ไม่บังคับ จับวาง ให้ว่างวาย
กำหนดหมาย ใจเป็น เช่นนั้นเอง
16 มิถุนายน 2550 02:25 น.
ปลายตะวัน
อันแสง สุรีย์ฉาย
นภคลาย ละเมฆหมอง
ยามแจ้ง มโนตรอง
สติส่อง สะท้อนใจ
เคยเปื้อน ณ อารมณ์
บ่มิสม ประดีหมาย
มืดมน บ่มีคลาย
สิก็ร้าย จะวายวาง
แท้จริง บ่จริงนั้น
สติมั่น สิคลายหมาง
รู้แจ้ง ณ ท่ามกลาง
มนพลาง มโนใน
อันรัก ฤาลุ่มหลง
อุระจง พินิจหมาย
วางว่าง ณ อาลัย
หฤทัย จะชัดเจน
14 มิถุนายน 2550 00:34 น.
ปลายตะวัน
ลมปราณ ระริกร่าว
ระดะด้าว ระด่าวแสน
วิญญาณ ระร่านแดน
ก็จะแหน จะหวงไทย
ผีเมืองจะคุ้มเมือง
จะมะเรือง มลายคลาย
ทุกข์โศก จะโบกหาย
จะสลาย มลายลา
วอนเทวราชคุ้ม
สิประชุมประสิทธิ์หนา
ดลผี ณ พารา
และก็พาก็พัดภัย
บุญญา ณ ข้านี้
ณ ฤดี สมัยไหน
นบน้อม ถวายไป
มนใคร่จะเซ่นเอย
*ขอให้เรื่องราวร้ายๆทั้งหลายในบ้านเมืองจงสงบโดยเร็วด้วยเถิด
13 มิถุนายน 2550 19:20 น.
ปลายตะวัน
โอ้รักที่ มิอาจร้าง ข้างในเหงา
แลแล้วเศร้า โศกตรม อารมณ์หมอง
คงไร้สิทธิ์ ยึดติด ผิดทำนอง
จึงต้องตรอง อกร่ำ พร่ำเดียวดาย
อันรักที่ มิอาจรัก แสนหนักหน่วง
จิตทั้งดวง ร้าวแสน ไม่แม้นหมาย
จึงเฝ้าร่ำ รำพันเพ้อ ละเมอวาย
เพียงเพราะใคร ไม่มอง สบต้องตา
แต่ก็ยัง รักอยู่ มิรู้หาย
อกของชาย แม้นว่าหนัก ยังรักหนา
เผลอรักพร่ำ รำพัน พันเวลา
อกเจียนบ้า ครารักหลง ปลงจิตจินตน์
13 มิถุนายน 2550 13:32 น.
ปลายตะวัน
โอ้อกวาย คล้ายบ้า ว้าวุ่นนัก
รักเบือนพักตร์ เกินหักใจ อาลัยหา
ขอแค่เพียง ยินเสียง สำเนียงมา
อกที่บ้า ก็สงบ สบอารมณ์
แต่นี่ร้าย ยิ่งนัก รักเลือนหาย
เธอตัดสาย สัมพันธ์ อันเหมาะสม
ทิ้งใจบ้า ว้าวุ่น กรุ่นอารมณ์
แม้นจะชม เพียงเสียงสาย ก็ไม่มี