10 กุมภาพันธ์ 2550 07:40 น.
ปราณรวี
ฝากรักลอยคล้อยไปในสายลม
ที่พร่างพรมพลิ้วผ่านสู่ลานฝัน
บรรจงถ้อยร้อยเรียงเสียงจำนรรจ์
เพื่อปลอบขวัญคนไกลอาลัยครวญ
ยินบทเพลงบรรเลงแผ่วยังแว่วหวาน
แม้วันวานผ่านไปใจกำสรวล
เพลงรักลาพาโศกศัลย์ให้รัญจวน
ไม่ย้อนทวนกลับมาล้าเต็มที
ด้วยห่วงใยใครคนหนึ่งซึ่งทุกข์หนัก
เมื่อความรักโรยรามาหน่ายหนี
จึงเงียบเหงาเศร้าสร้อยหงอยฤดี
ฟังเพลงนี้จงรู้ไว้ใครห่วงเธอ
แม้นต้นรักหักโค่นโดนทำร้าย
มิแหนงหน่ายกลายชังหรือพลั้งเผลอ
เก็บรอยช้ำกล้ำกลืนฝืนละเมอ
ยังมีเธออยู่ในใจไม่เปลี่ยนแปลง
ถึงหนทางข้างหน้าฝ่าดงหนาม
หรือเมื่อยามทดท้อล้อแสลง
อย่าลืมกันสัญญาไว้ใช่เคลือบแคลง
จนหน่ายแหนงแกล้งกลับลับลาไป
ฝากลำนำคำหวานผ่านฟากฟ้า
ข้ามทะเลและภูผาอันกว้างใหญ่
แม้นสิ้นหวังปรารถนารอยอาลัย
ความห่วงใยไม่มีเลือนเหมือนก่อนกาล
7 กุมภาพันธ์ 2550 13:58 น.
ปราณรวี
สักวาร้อยกรองลองแต่งเล่น
ใช่ว่าเป็นศิลปินถิ่นสยาม
บรรจงถ้อยร้อยคำดำเนินตาม
ให้เกิดความแช่มช้อยตามรอยกลอน
ประดิษฐ์คำนำมาต่อพอสังเขป
ประหนึ่งเสพอรรถรสบทอักษร
เพื่อเพิ่มพูนพัฒนาสถาพร
ให้เกิดกลอนกล่อมเกลาใจเราเอย...
ภาพ: ปราณรวี
6 กุมภาพันธ์ 2550 03:02 น.
ปราณรวี
แม่จ๊ะอาทิตย์นี้พ่อว่าง
ฟ้าสว่างพร่างพรายคล้ายฝัน
เตรียมตัวเราไปเที่ยวกัน
ครบครันกันทั้งครอบครัว
อย่าลืมหุงหาอาหาร
คาวหวานนำไปให้ทั่ว
เด็กเด็กเตรียมพร้อมทุกตัว
อย่ามัวเล่นเพลินจำเริญใจ
เดี๋ยวพ่อเตรียมพาหนะ
ยางปะแล้วเสร็จพร้อมใช้
รถพ่อบรรทุกพาไป
นั่งได้กันทั้งครอบครัว
รุ่งขึ้นตื่นนอนตอนเช้า
เร็วเข้าอย่ามัวเล่นหัว
เดี๋ยวสายแดดร้อนทั้งตัว
หมอกมัวร้อนหายสบายใจ
ช่างมีความสุขดีแท้
พ่อแม่ยิ้มร่าหน้าใส
พาลูกออกท่องเที่ยวไป
สายใยผูกพันฉันครอบครัว
คืนวันจันทร์เพ็ญลอยเด่นดวง
ครบสิบห้าค่ำขึ้น.............เดือนสิบสอง
ริมฝั่งน้ำเนืองนอง...........เอ่อล้น
ละเรียบเรื่อยริมคลอง......เย็นชุ่ม ฉ่ำเอย
จันทร์แจ่มเพิ่งโผล่พ้น.....เด่นฟ้ารำไรฯ
แสงนวลสาดส่องจ้า........สว่างไสว
กระทบผิวน้ำใส..............พร่างพลิ้ว
เอื่อยเอื่อยเรื่อยรินไหล.....สงัดเงียบ
เพียงคลื่นระลอกริ้ว..........แผ่วพื้นวารีฯ
เสียงประโคมแว่วโพ้น....ดังชัด
เริงรื่นคืนงานวัด..............ครึกครื้น
กระทงเร่งรีบจัด..............ประกวด กันนา
เสร็จสรรพจึงยกขึ้น.........ส่งให้ประมูลฯ
สาวงามรุ่นใหญ่,น้อย......ส่งไป
นางนพมาศผู้ใด..............จักได้
เสียงเชียร์เริ่มก้องไกล....ยามดึก
แม้จักตกรอบไซร้..........ส่งยิ้มทั่วกันฯ
ริมน้ำคลาคล่ำด้วย........ฝูงชน
เด็กเล็กเที่ยวซุกซน.......อยากรู้
ผู้ใหญ่วุ่นสาละวน.......ไล่จับ
จุดดอกไม้ไฟสู้.............ปล่อยทิ้งวิ่งตามฯ
หญิงชายต่างเกี่ยวก้อย.....เคียงกัน
เป็น..คล้ายดั่งวัน................ชิดใกล้
กระทงเลือกหนึ่งอัน.......เคียงคู่ จับเอย
ยกจรดหน้าผากไซร้.......ร่วมร้อยดวงจินต์ฯ
ปล่อยกระทงลงสู่น้ำ........พัดพา
อธิษฐานขอขมา...............แม่น้ำ
ทุกข์โศกและโรคา..........ไหลล่วง ไปเฮย
หมองหม่นแลกลืนกล้ำ.....ปล่อยทิ้งลงธารฯ
ประเพณีเก่าแก่แล้ว.........นานนัก
ร่วมจิตคิดพิทักษ์.............คู่แคว้น
นานาชาติประจักษ์.........เอกลักษณ์ เราเอย
ถิ่นอื่นมิเหมือนแม้น.......ที่นี้เมืองไทยฯ
4 กุมภาพันธ์ 2550 18:24 น.
ปราณรวี
สุดอ้างว้างวังเวงเพลงป่าช้า
เมื่อเวลาสายัณห์ตะวันหาย
คืนเดือนดับลับลาฟ้าเลื่อมลาย
วิเวกคล้ายสายฝนบ่นอำลา
ที่หลุมปักสลักชื่อคือกายเจ้า
มีเพียงเงามืดมิดปิดด้วยฝา
เหลือแต่ร่างหากไร้ซึ่งวิญญาณ์
ไม่นำพาร้อนเย็นที่เป็นไป
อาณาเขตเหลือเพียงแต่แค่เท่าหลุม
ที่ปกคลุมคุ้มร่างไม่กว้างใหญ่
หมดสิ้นแล้วปรารถนาทอดอาลัย
มีให้เพียงผลกรรมชี้นำทาง
เสียงโหยหวนชวนวะแว่วแผ่วแผ่วพลิ้ว
ใบไม้ปลิวหวิววาบปนสาบสาง
หมาหอนรับสดับขรมลมครวญคราง
สุดปลายทางคือแมกไม้ในเงาดำ
จุดสุดท้ายในชีวิตคิดหรือไม่
มิห่างไกลมองเห็นอยู่ดูน่าขำ
หลีกไม่พ้นหรือเลี้ยวลดกฎแห่งกรรม
อย่าถลำซ้ำลึกตรึกตรองดู
ที่มารูป: h**p://www.austinexplorer.com/Cemeteries/
TravisCounty/NamelessCemetery/6-Maynard.jpg
3 กุมภาพันธ์ 2550 07:56 น.
ปราณรวี
โอ้ไฉนใยเราเฝ้าคิดถึง
รักตราตรึงจึงเพ้อละเมอหา
เมื่อค่ำลงคราใดใกล้หลังคา
ชะเง้อหามองจันทร์ทุกวันไป
เพราะแสงนวลยวนระยับจับดวงจิต
จึงตามติดแหงนมองน้องอยู่ไหน
พี่นี้สุดจะเหว่ว้าล้าดวงใจ
เพราะจันทร์ไม่เอื้อนเอ่ยเผยวาจา
รู้ตัวไหมมีใครหมายปองอยู่
อยากเป็นคู่ร่วมเรียงเคียงข้างฝา
หากแม้นมีใจชอบโปรดตอบมา
ให้พี่ยาชื่นใจเป็นไรมี
ทุกค่ำคืนฝืนง่วงเพราะห่วงเจ้า
มานั่งเฝ้าอยากเย้าหยอกดอกโฉมศรี
หากจันทร์น้องไม่เมตตาและปราณี
ตัวพี่นี้จะกลั้นใจให้ตายเอย...
ที่มารูป: h**p://www.tourthai.com/gallery/
images024/moon1.jpg