12 มิถุนายน 2550 03:40 น.
ปราณรวี
ในคืนค่ำพร่ำพรมลมแผ่วพลิ้ว
ใบไม้ปลิวหวิวไหวใจวาบหวาม
นั่งพินิจพิศดาวคราวฟ้าคราม
เกิดคำถามมากมายให้วกวน
เราเดินทางห่างหายไปสร้างฝัน
จึงไกลกันหวั่นไหวใจสับสน
แม้ห่วงใยไหลหลั่งพรั่งกมล
ไม่อาจด้นดั้นไปอยู่ใกล้เธอ
ทำได้เพียงส่งใจใส่ห่อสวย
บันทึกด้วยความรักภักดิ์เสมอ
ฝากดวงดาวพราวใสไปให้เธอ
จากคนเพ้อเดียวดายที่ปลายฟ้า
ถึงหนาวเหน็บเจ็บช้ำย้ำดวงจิต
สักน้อยนิดจิตใจไม่กังขา
ยังฝังจำคำมั่นเคยสัญญา
แม้นเวลาย้อนไปมิได้แล้ว
เพียงฝากดาวพราวตาคราฟ้าใส
เพื่อหัวใจคนมองได้ผ่องแผ้ว
สัมผัสภาพพิมพ์หวานประสานแวว
กระซิบแผ่วว่ารักมั่น..ผ่านดวงดาว
รูป: h**p://www.thaimate.com/
webboard/love/images/2547
-4-21-151117-11606.jpg
11 มิถุนายน 2550 03:58 น.
ปราณรวี
ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้าหาดาว
ทั้งเหน็บทั้งหนาว ถึงคราวหมดสิ้น
ไร้เพื่อนไร้รัก เพราะหนักแผ่นดิน
ถึงคราวต้องสิ้น ทรัพย์สินที่มี
ชื่อเสียงมากมาย ที่ใฝ่หามา
ทั้งเข่นทั้งฆ่า บีฑาเต็มที่
ใครขวางทางข้า เข้ามาราวี
จะย่ำจะยี ให้มันบรรลัย
พรรคพวกเพื่อนพ้อง พี่น้องของข้า
รีบเร่งเข้ามา ข้าจะบอกให้
อยากได้บอกมา ไม่ว่าสิ่งใด
ข้าจะหาให้ ไม่ต้องหวั่นเกรง
ข้านี้ยิ่งใหญ่ ใครหรือเทียบทัน
เหล่าศัตรูนั้น หรือกล้าข่มเหง
สมุนมากมาย ข้าไม่ยำเกรง
ข้าจึงกล้าเบ่ง เก่งทั่วโลกา
มาถึงวันนี้ ยังมีอีกสิ่ง
ข้าไม่เกรงกริ่ง จะยิ่งไขว่คว้า
ถึงสูงจะไป เพื่อให้ได้มา
คือครอบครองฟ้า ที่ข้าต้องการ
โอ้อนิจจา มิรู้ตัวว่า
เป็นเพียงขี้ข้า ที่เขาเล่าขาน
มักใหญ่ใฝ่สูง ทะเยอทะยาน
คงอีกไม่นาน ยมบาลตามมา
จะตกนรก หมกไหม้ทรมาน
ไฟร้อนเผาผลาญ แหลกลาญถ้วนหน้า
สะสมเอาไว้ ความชั่วนานา
ไม่นานไม่ช้า จะต้องรับกรรม
9 มิถุนายน 2550 06:53 น.
ปราณรวี
ณ มุมหนึ่งของใจใครไม่เห็น
ว่าซ่อนเร้นเจ็บช้ำน้ำตาไหล
คือมุมอับลับตา..เป็นฝ้าใจ
แอบเก็บไว้..ทุกข์ทน..จนซีดเซียว
รู้ว่าหนักยากยิ่งกว่าสิ่งไหน
จะทำใจให้ลืมไม่แลเหลียว
เจ็บระกำช้ำดวงแด..แต่ผู้เดียว
หยุดข้องเกี่ยวใดใดมีให้กัน
ไม่ต้องเก็บเหน็บหนาวที่ร้าวรวด
ลืมเจ็บปวด..ลืมทุกข์..ลืมสุขสันต์
ลืมให้หมดถ้อยจำเรียงเสียงจำนรรจ์
ลืมคืนวันอันขมขื่น..รื่นน้ำตา
จะก้าวเดินต่อไปในวันนี้
หยุดเสียทีหัวใจไม่ค้นหา
เพราะสิ่งฝันพลันมลายไปลับลา
เก็บน้ำตาเอาไว้..หยุดไหลนอง
8 มิถุนายน 2550 05:31 น.
ปราณรวี
อนิจจังสังขารเมื่อกาลล่วง
ทุกสิ่งปวงเปลี่ยนแปลงแถลงสิ้น
ไม่อาจเลี่ยงหลบหลีกปลีกดวงจินต์
ต้องโบยบินสู่ห้วงบ่วงเวลา
สัตว์เล็ก..สัตว์ใหญ่ทั้งหลายแหล่
ล้วนเที่ยงแท้ไม่ขืนขัดวาสนา
หนีไม่พ้นทุกข์เล่ห์เวทนา
ต่างเกิดมาใช้กรรมที่ทำไว้
แต่เนื้อหมูปูปลาคราดับดิ้น
ไม่สูญสิ้น..ทำอาหารมาทานได้
หรือขุดกลบลงฝังหลังขาดใจ
เปลี่ยนซากให้เปื่อยยุ่ยเป็นปุ๋ยดิน
อีกไม้ล้มเมื่อถมทับนับวันไว้
จะกลับกลายคลายสภาพจนราบสิ้น
ยังประโยชน์มากมายให้หลั่งริน
เป็นทรัพย์สินธรรมชาติที่คาดเดา
แต่คนตายวายชีพกลับรีบร้อน
เร่งขั้นตอนธุระกรรมนำไปเผา
เอาไฟรุมสุมร่างวางในเตา
ทิ้งเพียงเถ้ากระดูกให้ไว้แทนตน
หาประโยชน์อื่นใดมิได้แล้ว
ความเพริศแพร้วสวยส่องก็ล่องหน
เหลือแต่เศษซากธุลีที่ปะปน
ถูกเผาป่นปลิวหายตามสายลม
สิ่งหนึ่ง..ที่ทิ้งไว้ให้เพ่งพิศ
ผูกพันจิตคิดตามความเหมาะสม
คุณูปการงานสร้างวางสังคม
ซึ่งสั่งสมอุดมการณ์มานานแล้ว
คนสรรเสริญดำเนินตามแนวความคิด
เห็นถูกผิดเพราะเจ้าถางทางผ่องแผ้ว
ให้เพื่อนพ้องวงศ์วาน..ประสานแนว
ด้วยเห็นแววความดีที่สร้างมา
ตรองพินิจจิตตนสักหนหนอ
อย่ารั้งรอจนเฒ่าแก่..แย่หนักหนา
ที่ผ่านพ้นลับไปจากสายตา
สิ่งมีค่าใดใด..ได้กระทำ
ภาพ: h**p://dying-swan.exteen.
com/images/wolf.jpg
6 มิถุนายน 2550 04:23 น.
ปราณรวี
บนหนทางกว้างไกลให้คนก้าว
มีเรื่องราวกล่าวขานมานานแสน
ต่างมุ่งหวังหลั่งไปในดินแดน
แม้ยากแค้นลำเค็ญทุกข์เข็ญใจ
ด้วยมุ่งมาดปรารถนาหาที่สุด
จึงเร่งรุดเร็วรี่ที่เป็นได้
ลืมสิ่งหนึ่งซึ่งไม่พ้น ตน..หรือใคร
ต่างสร้างไว้จินตนาค่าเดียวกัน
ต่างคน..ต่างดิ้นรน..ต่างไขว่คว้า
ต่างตามหา..ถลาไปยังปลายฝัน
เข้าต่อสู้หมู่มากหลากเผ่าพันธุ์
ที่เหมือนกัน..จุดหมาย ณ ปลายทาง
ต้องแก่งแย่งแข่งขันกันหมดสิ้น
ทุกดวงจินต์เคร่งครัดเข้าขัดขวาง
ใครท้อถอยต้อยต่ำถูกอำพราง
มัวเยื้องย่างวางท่าอาจช้าไป
ต้องเด่นตาสามารถองอาจสู้
ให้เขารู้ความแผก..แตกต่างได้
มีสมองสองมือสื่อถึงใจ
โดดเด่นไปด้วยปัญญาหาท้าทาย
บนถนนหนทางอาจว่างเปล่า
ขอเพียงเราไม่ทุกข์ท้อรอจนสาย
ความสำเร็จจะไคลคลามาเยี่ยมกราย
เราทำได้หากฟันฝ่า..กล้าเผชิญ