30 มิถุนายน 2550 13:16 น.
ปราณรวี
ชื่อเรื่อง
ริมสระกว้างกลางไพรห่างไกลโพ้น
แลลิบโทนเขียวชะอุ่มพุ่มไสว
ดอกบัวขาวพราวเด่นเห็นชื่นใจ
ท่ามหมู่ไม้กลางน้ำชุ่มฉ่ำตา
เสียงกบเขียดงึมงำทำนองเสนาะ
เพลงไพเราะรำไรดังใฝ่หา
แทรกประสานขานรับตอบกลับมา
หมู่นกกาน้อยใหญ่ใกล้ใกล้กัน
แลดอกอ้อล้อลมพรมพลิ้วผ่าน
คล้ายดั่งม่านแพรพฤกษ์เคยนึกฝัน
เพียงสัมผัสด้วยตายังลาวัณย์
อยากเก็บฟั่นถักทอขอหนุนนอน
น้ำใสเย็นเห็นเงาต้นไม้น้ำ
ทั้งสูงต่ำคู่เคียงเรียงสลอน
ฝูงปลาเล็กหลบหลอกเข้าซอกซอน
เพื่อซุกซ่อนปลาใหญ่เจ้าไล่มา
ไกลลิบลิ่วทิวเขาทอดเงากว้าง
อาจเวิ้งว้างเงียบงันขวัญผวา
แต่สงบร่มเย็นเช่นพงพนา
ที่มีค่าเทียบทันอัญมณี
เมื่อเพลาสายัณห์ตะวันคล้อย
หมู่เมฆลอยเลื่อนลับจับแสงสี
นกบินร่อนกลับรังริมฝั่งนที
ป่าเขามีชีวิตชีวาอีกคราครั้ง
กระท่อมน้อยริมฝั่ง..ตั้งวิเวก
สงัดเงียบดังเสกด้วยมนต์ขลัง
หลบชีวิตวุ่นวายแมกไม้บัง
เติมพลังจากธรรมชาติที่วาดรอ

อันคำเปรยเอ่ยเตือนคงเลือนราง
เหมือนเปล่าว่างวางไว้ใกล้ๆ ศูนย์
คึกคะนองลำพองใจในเนื้อมูล
หวังเพิ่มพูนน้ำคำ..ลำนำคน
อันโจรป่ามิคณาภาษากฎ
กลับเลี้ยวลดคดไปให้ฉงน
แล้วแก้เกี้ยวเกี่ยวกัดตระบัดกล
ร่ายเวทมนต์ดลมารมารานลอน
สมันน้อยมิรู้ถ้อยกลับถอยถิ่น
เกือบด่าวดิ้นเดียวดายยากไถ่ถอน
ด้วยเห็นพจน์รจนาภาษากลอน
ก็ร้าวรอนร้อนรนจนเจียนตาย
เจ้าหลงมนต์โจรป่าน่าสงสาร
จิตแตกซ่านซานซมล่มสลาย
ไม่รู้ตัวปิดตาเพราะล้ากาย
จึงง่ายดายถูกดึงมาขึงแทน
ปล่อยโจรร้ายร่ายเวทย์กับเศษซาก
ฉุดกระชากลากไปใช้เป็นแผน
ให้ฮึกเหิมยิ้มหัวทั่วดงแดน
เพราะขาดแคลน..คนกล้า..มาต่อกร
28 มิถุนายน 2550 03:44 น.
ปราณรวี
อยู่ป่าดงแดนดอยภูสอยดาว
ถึงเป็นด้าวดอนไกลใจสุขสันต์
แดดไม่ร้อนนอนดินโชยกลิ่นควัน
มิต้องดั้นด้นหาประดามี
ก็อยู่ได้ไม่ต้องดิ้นฤดีดับ
สิ่งดีดีมีไม่นับทรัพย์ที่นี่
ทั้งป่าดิบคนดอยด้อยในที
แต่มากมีน้ำใจให้กับเรา
มีเด็กดอยใจดีที่รู้จัก
เดินมาดักทักทายให้คลายเหงา
กี่เดือนวันผันไปไม่อยากเดา
ก็ได้เจ้ามาด้อมมองจ้องดูกัน
ถึงเป็นเด็กตัวน้อยบนดอยสูง
ก็หมายมุ่งเดินตามแนวความฝัน
มิตรภาพอาบใจได้แบ่งปัน
เป็นเพื่อนกันนานมาชั่วตาปี
อยู่ป่าดงแดนดอยภูสอยดาว
ฤดีร้าวเกือบด่าวดิ้นก็บินหนี
ที่ดื้อดึงขึ้งเครียดเกลียดชังมี
ก็ลดน้อยถอยลงที่พอดีเอย
ภาพ:h**p://www.oceansmile.com/
webboard2/images/10000/00200/
113_2071.JPG
25 มิถุนายน 2550 04:58 น.
ปราณรวี
เหลือเพียงใจร้าวร้าวคราวรักล่ม
ดิ่งฝังจมตรงนี้ที่เคยฝัน
แตกสลายมลายไปในชั่ววัน
จึงเกินกลั้นความเหงาเศร้าฤดี
เพียงทำใจให้ยอมรับกับเจ็บปวด
ที่ไล่กวดตามไปในทุกที่
เจ้าหาญหักปักอุราล้าเต็มที
แรงที่มีเริ่มน้อยถอยลงไป
ครั้นไม่อาจเลี่ยงหลบกลบรอยช้ำ
ทนกลืนกล้ำย้ำต่อก็ไม่ไหว
เพราะคงแพ้พ่ายยับกับพิษภัย
ต้องฝืนใจกล้าแกร่งแรงต้านมี
เมื่อชาชินกลิ่นโศกโรคความเศร้า
ถึงหงอยเหงาเพียงใดมาไล่บี้
ก็ก้าวผ่านพ้นได้แต่โดยดี
ชีวิตนี้หนทางยังยาวไกล
อย่าทุกข์ท้อทรมานนานไปนัก
แค่หยุดพักสักคราจนฟ้าใส
เมื่อเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าลาจากไป
ปลุกดวงใจให้ก้าวย่างอย่างทระนง
รูป: h**p://fc01.deviantart.com/fs13/
p/2006/361/7/7938b72d8000f641.jpg
22 มิถุนายน 2550 06:00 น.
ปราณรวี
ภายในใจไหวหวั่นฉันเฝ้าคิด
คอยวนเวียนตามติดเหมือนปิดกั้น
ที่ครั้งหนึ่งนานเนาเรามีกัน
จนถึงวันแรมร้างห่างกันไกล
ยังเฝ้าถามความรู้สึกลึกลึกนั้น
ว่าคงมั่นจริงแท้มากแค่ไหน
จึงไม่อาจขาดสะบั้นที่พันใจ
ยังร่ำไห้โศกาด้วยอาวรณ์
คล้ายสูญสิ้นเยื่อใยไปหมดแล้ว
เหลือแต่แววเร้นลับกับสังหรณ์
ใยความเหงาเข้ามาพาร้าวรอน
ทนซุกซ่อนนอนซมขื่นขมใจ
ไม่อาจคิดก้าวไปในพรุ่งนี้
มองฟ้าที่หมดจดเคยสดใส
กลับหมองหม่นทนรับกับความนัย
ที่เป็นไปตามลิขิตชีวิตเรา
เมื่อหมดแรงยื้อไว้เพื่อใกล้ชิด
ด้วยไร้สิทธิ์..คิดไปใจจึงเศร้า
ขอเพียงความทุกข์ถอยค่อยบางเบา
ถูกปัดเป่าจางหายไปเสียที
รูป : h**p://www.palungjit.com/club/
uploads/popeye_349885752idaimT_ph.jpg
....ภาพมายา....
เมื่อทบทวนหวนคิดจิตหวั่นไหว
จากกันไกลเสียแล้วสิ้นแววหวาม
สูญเวลาไปเปล่าไยเฝ้าตาม
เพื่อพบความแห้งแล้งแห่งใจเธอ
คล้ายดั่งคนเดินผ่านบนลานฝัน
ไม่สำคัญใดใดให้เพ้อเจ้อ
มีเพียงเราเขลาไปใฝ่ละเมอ
แอบพร่ำเพ้ออยู่นานรานร้าวใจ
เพราะแตกต่างห่างกันเกินหันหน้า
จะพูดจาเล่าแจ้งแถลงไข
ต้องปล่อยความตามเห็นให้เป็นไป
แล้วแต่ใครจะพินิจพิจารณา
ด้วยอ่อนล้าเกินตนจะทนรับ
เพื่อพบกับคลื่นลมโถมเข้าหา
ขอหลบหลีกภาพลวงห้วงมายา
ปรารถนาแห่งใจไม่มีแล้ว
21 มิถุนายน 2550 04:32 น.
ปราณรวี
กรุ่นไอดินกลิ่นฟางกลางท้องทุ่ง
หอมจรุงผดุงจิตให้คิดถึง
จากถิ่นฐานบ้านมาพารำพึง
ไร้ที่พึ่งพิงพักเมื่อหนักใจ
ระลึกถึงกึ่งอาวรณ์ตอนลมพัด
ดอกหญ้าพลิ้วปลิวสะบัดปัดเอนไหว
ละลิ่วลอยคล้อยนภาลาลับไป
อีกเมื่อไรจะย้อนกลับนับวันรอ
ดั่งดินแห้งแล้งร่วนจวนใจขาด
อเนจอนาถรอฝนหล่นมาหนอ
ทุ่งนาร้างว่างเปล่าไร้เงาคลอ
ด้วยทุกข์ท้อก่อกำเนิดเกิดพืชพันธุ์
เจ้าบ่ายหน้าหมายมุ่งสู่กรุงใหญ่
ทอดทิ้งให้ดินหม่นปนโศกศัลย์
ทั้งป่าเขาลำเนาไกลเขตไพรวัลย์
ยังคงมั่นคอยพะนอรอเจ้าคืน
ตะวันเริ่มส่องแสงทั่วแหล่งหล้า
ปลุกต้นหญ้าทิวใหม่ให้สดชื่น
เรียกความหวังพลังใจไว้หยัดยืน
และเต็มตื้นกำลังใจในทุกคน
อีกไม่นานจะโบยบินคืนถิ่นเก่า
ช่วยคลายเศร้าเหงากลาย..หายสับสน
พลิกทุ่งร้างสร้างใหม่ให้มวลชน
คงสุขล้นบนดินแดนแห่งแคว้นไทย
รูป: h**p://www.maion.com/
photography/_photos/nami0510.jpg