24 ตุลาคม 2550 00:28 น.
ปราณรวี
เสียงแผ่วผิวบรรเลงเพลงใบไม้
เพียงลมพลิ้วกวัดไกวก็ไหวร่วง
แล้วโปรยปลิวลิ่วลับไม่กลับรวง
คล้ายหมดห่วงต้นเก่าเจ้าจากไกล
คราลมอ่อนเจ้าผ่อนลงที่ตรงหน้า
ดุจไขว่คว้าหาแหล่งแฝงอาศัย
เมื่อลมโหมกระพือพัดสะบัดไป
ก็โลดแล่นครั้งใหม่..หมดใยดี
ใจของเธอเปรียบไปไม่แตกต่าง
ดูเวิ้งว้างบางเบาไม่เข้าที่
ด้วยจุดหมายปลายทางร้างเต็มที
สิ่งที่มีคือปรวนแปรไม่แน่นอน
ลองค้นหาความจริงใจข้างในนั้น
ที่นานวันคงลบหายไปเกือบค่อน
ไม่หยุดนิ่งกลิ้งกลอกดูยอกย้อน
หมดอาวรณ์เมื่อไรก็ไคลคลา
ฉันเฝ้ามองตรองตรึกแล้วนึกเห็น
สิ่งซ่อนเร้นในใจเริ่มไร้ค่า
ทุกเรื่องราวแรมร้างสร้างโศกา
บอกตัวว่าจงปล่อยวางว่างจากรัก
เจ้าใบไม้ยังปลิวไปไม่สิ้นสุด
ไม่อาจหยุดด้วยแรงลมโหมกระอัก
ใจของเธอก็ลนรานเกินทานทัก
จะหยุดพักเมื่อไรไม่รู้เลย
21 ตุลาคม 2550 14:34 น.
ปราณรวี
กี่ครั้งคราน้ำตาเอ่อเธอเฝ้าซับ
เมื่อฉันหลับฝันร้ายใจสับสน
เธอไม่ห่างหนีหายคลายอดทน
อยู่ด้วยจนตื่นมาฟ้าสีทอง
เมื่อความคิดจิตวิญญาณฉันลาญแหลก
ความทุกข์แทรกดวงหทัยไห้หม่นหมอง
เธอดั้นด้นค้นหามาให้ครอง
สิ่งรับรองศักดิ์ศรีเคยมีมา
คราฉันล้มก้มหน้าอายฟ้ากว้าง
ไม่อ้างว้างเธออยู่ใกล้หายกังขา
ฉุดให้ลุกขึ้นยืนฝืนกายา
แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าไกล
บางคราครั้งอ้างว้างบนทางเปลี่ยว
เธอยื่นมือเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งให้
เมื่อหนาวเหน็บเจ็บปวดรวดร้าวใจ
เธออยู่ใกล้เป็นเพื่อนมิเชือนแช
ครั้นหมดหวังซังกะตายในชีวิต
ดั่งโลกปิดลิดรอนย้อนกระแส
เธอยังอยู่กับฉันมิผันแปร
เป็นเพื่อนแท้ทุกที่มิเสื่อมคลาย
และหลายครั้งที่อ่อนแอแก่อุปสรรค
ด้วยหัวใจจมปลักรักสลาย
ความเข้มแข็งอดทนหม่นละลาย
ยอมแพ้พ่ายกับโลกโศกเข้าครอง
เธอยังยืนเคียงข้างไม่ห่างหาย
คอยปลอบปลุกทุกข์คลาย ใจผยอง
เติมความกล้าท้าภัยให้ลำพอง
ลุกขึ้นมองแล้วก้าวย่างอย่างทระนง
เธอจึงคือนิยามคำ เพื่อนแท้
ไม่เปลี่ยนแปรเสือกไสไล่ขับส่ง
ไม่ว่าทุกข์ สุขอย่างไรใจมั่นคง
เธอดำรงคำนี้มิลืมเลือน
โลกอาจหมุนวนไปไม่จีรัง
แต่เธอยังคงที่มิลอยเลื่อน
เป็นดั่งเงาเฝ้าตามถามเยี่ยมเยือน
ไม่กลบเกลื่อนหลบหายไปจากกัน
ไม่อาจหาผู้ใดให้แทนที่
ความหวังดีมีให้ไม่เปลี่ยนผัน
จะรักตอบมอบใจให้นิรันดร์
ก็เพราะว่าเธอนั้น ตัวฉันเอง
18 ตุลาคม 2550 20:20 น.
ปราณรวี
เมื่อทบทวนหวนคิดจิตหวั่นไหว
จากกันไกลเสียแล้วสิ้นแววหวาม
สูญเวลาไปเปล่าไยเฝ้าตาม
เพื่อพบความแห้งแล้งแห่งใจเธอ
คล้ายดั่งคนเดินผ่านบนลานฝัน
ไม่สำคัญใดใดให้เพ้อเจ้อ
มีเพียงเราเขลาไปใฝ่ละเมอ
แอบพร่ำเพ้ออยู่นานรานร้าวใจ
เพราะแตกต่างห่างกันเกินหันหน้า
จะพูดจาเล่าแจ้งแถลงไข
ต้องปล่อยความตามเห็นให้เป็นไป
แล้วแต่ใครจะพินิจพิจารณา
ด้วยอ่อนล้าเกินตนจะทนรับ
เพื่อพบกับคลื่นลมโถมเข้าหา
ขอหลบหลีกภาพลวงห้วงมายา
ปรารถนาแห่งใจไม่มีแล้ว
14 ตุลาคม 2550 20:15 น.
ปราณรวี
คราพายุโหมซัดพัดกระหน่ำ
ทะเลคร่ำคลุ้มคลั่งดั่งบ้าบิ่น
คลื่นก็สาดซัดโหมโถมแผ่นดิน
กว่าจะสิ้นแรงลมถมทับมา
ทั้งกรวดทรายที่เห็นกระเซ็นซ่าน
แต่โขดหินยังตระหง่านดูหรรษา
แค่ลมล้อคลื่นหยอกหรอกเพื่อนยา
เนิ่นนานมาชาชินถิ่นทะเล
อาจกัดกร่อนร่อนหลุดแค่จุดเล็ก
คล้ายดังเหล็กร้อนไฟไม่หันเห
แค่น้ำเซาะซ้ำซ้ำจนจำเจ
มิซวนเซโศกทรุดหยุดสัมพันธ์
ยามคลื่นลมอ่อนลงก็คงพบ
ความสงบกลับคืนชื่นสุขสันต์
หาดทรายพ้อล้อถ้อยร้อยจำนรรจ์
กลับรักกันดั่งเช่นเคยเป็นมา
ทะเลไม่เคยหลับแม้ลับแสง
ถึงอ่อนแรงแฝงไว้ใต้โลกหล้า
อาจเงียบเหงาเศร้าบ้างบางเวลา
หายเหนื่อยล้ากลับเป็นเช่นดังเดิม
ดั่งชีวิตลิขิตไว้ให้สุข-ทุกข์
มีเคล้าคลุกรุกไล่มาใส่เพิ่ม
อุปสรรคสอนใจให้เหิมเกริม
เหมือนต่อเติมภูมิต้านทานโรคร้าย
เพียงไม่ท้อ..ต่อสู้อย่ารู้ถอย
อดทนคอยแสงสว่างที่จางหาย
ไม่ช้านานตะวันส่องท้องฟ้าพราย
เห็นจุดหมายปลายทางเราที่เฝ้ารอ
13 ตุลาคม 2550 12:10 น.
ปราณรวี
เทศกาลเจเยี่ยมแล้ว....อีกปี
ถือฤกษ์งามยามดี........เริ่มต้น
ชำระจิตหมองศรี.........บริสุทธ์
เพียงเพื่อหวังหลุดพ้น...ว่างเว้นบาปกรรมฯ
หนึ่งถึงเก้าค่ำขึ้น......เดือนไทย
งดบริโภคสัตว์ใด......หมดสิ้น
ถือศีลเมตตาใน.......มนุษย์โลก
ชีวิตหยุดด่าวดิ้น.......หยุดสร้างมรณาฯ
งดพืชผักกลิ่นร้อน-....แรงฉุน
เพื่อก่อเกิดสมดุล......แห่งเจ้า
สิ่งเสพติดกามคุณ.....เพียรละ ด้วยเฮย
หลีกเลี่ยงเหตุรุมเร้า...มุ่งร้ายหายสูญฯ
สงบจิตสมาธิตั้ง........มั่นคง
อุทิศมวลอานิสงส์......แด่ผู้
ล่วงลับกลับเวียนวง...วัฏจักร
ท้ายสุดบังเกิดรู้........ผ่องแผ้วแววธรรมฯ