19 ธันวาคม 2552 16:15 น.
ปรางทิพย์
แว่วเสียงขิมปริ่มว่าน้ำตาไหล
ดังร่ำไห้ใจร้าวเมื่อคราวฝืน
ความหวังล่มจมหายมลายครืน
สุดจะขืนยืนท้อต่อชะตา
บทบรรเลงเพลงเหงาเศร้าวิโยค
ในคืนโศกโชคร้ายหมายไขว่คว้า
ฤากรรมเก่าเฝ้ารอนกลับย้อนมา
โอ้ใจข้าฯ ล้านักจักต้องทน
หยาดน้ำค้างพร่างพรมระทมหนาว
ทุกย่างก้าวราวลับแลสับสน
ให้คับแค้นแน่นหนักหักกมล
แม้ดิ้นรนค้นหาเหว่ว้าใจ
ดุจคมมีดกรีดกดสลดนัก
สัญญารักหักคว้างร้างหวั่นไหว
วันวานจบกลบสิ้นถวิลไย
ยากฝืนใจให้เหมือนเชือดเฉือนกัน
เหม่อมองฟ้าครานี้มีจันทร์เสี้ยว
เห็นรีเรียวเหลียวมองให้หมองขวัญ
ท้อกายใจไร้หวังประดังกัน
กว่าถึงวันฝันท้อทรมาน
หลายเดือนปีที่สู้ดูถดถอย
คอยหนอคอย...รอยเงาดุจเผาผลาญ
เป็นบทเรียนเวียนวนของคนพาล
ใจแหลกลาญนานแล้วไม่แคล้วตรม
ยามสิ้นหวังฟังเพลงบรรเลงเศร้า
เสียงคละเคล้าเว้าวอนซ่อนขื่นขม
หยาดน้ำตาพารินจินต์ระทม
จำต้องข่มก้มหน้ายอมฟ้าดิน
กว่าจะถึงซึ่งวันเคยฝันไว้
รักที่ใช่ได้ชมสมถวิล
อยากขอคำย้ำรักสลักจินต์
จะโบยบินยินเสียงอยู่เคียงครอง
12 ธันวาคม 2552 18:53 น.
ปรางทิพย์
เสียงหวีดหวิวพลิ้วพรมด้วยลมหนาว
มากเรื่องราวคราวขมสุดข่มไหว
ดุจใยบางขวางคั่นกั้นหัวใจ
กลับสดใสได้สบพบคนดี
หนาวนักเอยเคยแนบแอบคิดถึง
เพียงคนหนึ่งซึ่งไกลในวิถี
เอื้ออาทรวอนเว้าเคล้าชีวี
ด้วยไมตรีที่มอบปลอบจำนรรจ์
แม้กายสองต้องห่างอยู่อย่างนี้
อุ่นใจที่มีรักจักปลอบขวัญ
ความหวานล้ำย้ำเตือนอย่าเลือนกัน
ขอยึดมั่นฝันซึ้งถึงวันวาย
เสียงบรรเลงเพลงพิณถวิลหา
ข้ามขอบฟ้ามาฝากมากความหมาย
เสมือนถ้อยร้อยเรียงอยู่เคียงกาย
เศร้าสลายคลายทุกข์พบสุขแทน
รู้บ้างไหมใครหนอเฝ้าพ้อหวง
วันคืนล่วงห่วงหาคราไกลแสน
ฝากลมหนาวผ่าวรดจรดแดน
ถึงกลางแกนแก่นจิตสนิทนาน
จูบประทับกับใจมิให้ท้อ
รอเถิดรอ...ขอเพียงสำเนียงหวาน
แทนคิดถึงตรึงฝันนิรันดร์กาล
หวังกลอนกานท์สานคล้องรักสองเรา
5 ธันวาคม 2552 20:29 น.
ปรางทิพย์
วอนสายลมพรมพัดสะบัดพลิ้ว
หอบรักปลิวลิ่วถึงหนึ่งในฝัน
ยามห่างไกลใจนวลครวญผูกพัน
นิจนิรันดร์ฟันฝ่าอย่างท้าทาย
ดอกโมกโชยโรยกลิ่นระรินหอม
ดั่งถนอมพร้อมฝากมากความหมาย
เรไรหรีดกรีดเสียงสำเนียงกาย
ถักทอสายปลายรุ้งจรุงไกล
ฝากห่วงใยไปวางไว้ข้างหมอน
ยามหนุนนอนตอนฝันอย่าหวั่นไหว
ราตรีหนาวยาวนานซ่านทรวงใน
ใจแนบใจไม่ห่างและร้างลา
ฝากแววตาคราอ้อนแสนอ่อนหวาน
ร้อยกลอนกานท์สานใจใฝ่ฝันหา
ด้วยความรักภักดิ์ไว้ในอุรา
ข้ามขอบฟ้ามาแอบแนบคะนึง
โอ้ลมหนาวผ่าวแผ่วแว่วกระซิบ
ดาวกระพริบวิบแสงแรงคิดถึง
ในอ้อมกอดพรอดกรุ่นไออุ่นตรึง
แสนสุดซึ้งหนึ่งนี้ฤดีคราง
เมื่อดวงใจในรักจักเปิดเผย
ยามชิดเชยเปรยไว้มิให้หมาง
ท่ามเหว่ว้าคราก่อนแอบซ่อนพลาง
จำหยุดวางสร้างฝันวันเป็นจริง
เสน่หาอาวรณ์ฤาอ่อนไหว
เหตุไฉนไยวอนออดอ้อนหญิง
ถ้อยลำนำคำรักหวังพักพิง
มิเกรงกริ่งสิ่งใดเก็บใจคอย
ทวิฝันขวัญรับสดับเสริม
ถักทอเพิ่มเติมเข้ามิเหงาหงอย
เป็นพลังหวังหนุนเกื้อจุนกลอย
ใจดวงน้อยลอยอยู่เป็นคู่เคียง
28 พฤศจิกายน 2552 01:16 น.
ปรางทิพย์
อาจจะเห็นเป็นซึ่งหนึ่งหนังสือ
เขาเพียงถือรื้ออ่านแล้วผ่านเฉย
มิสนใจในถ้อยเรียงร้อยเลย
บางบทเคยเชยชมภิรมย์กัน
เคยสลักรักไว้ให้ค้นหา
อีกบางหน้าคราเราร่วมเนาฝัน
ความห่วงใยในถ้อยร้อยจำนรรจ์
กลับแปรผันวันนี้มิมีรอย
จบบทกานท์พาลยื่นคืนผลักไส
หมดเยื่อใยไม่มองปานกองฝอย
จะขาดเก็บเย็บใหม่ไยตะบอย
ฤาต้องค่อยคอยให้ใจหายชัง
รอยอดีตกรีดกดสลดนัก
ตำรับรักหักกลางหว่างความหวัง
หลงเหลือไว้ให้แค่แพ้จีรัง
ยากกลบฝังคลั่งไคล้ไห้ระทม
ร้อยคำรักปักจิตคิดบ้างไหม
ทั้งหัวใจไร้ชื่นเพียงขื่นขม
สัญญารอพ้อหายกับสายลม
ฝันถล่มจมหายมลายครืน
เก็บรอยรักภักดีขยี้ทิ้ง
ไม่ประวิงยิ่งเก็บเจ็บสุดฝืน
สังเวชตัวกลัวไปมิได้คืน
เขาเป็นอื่นขืนรั้นสะบั้นวาย
21 พฤศจิกายน 2552 01:43 น.
ปรางทิพย์
คืนลมหนาวดาวเดือนเกลื่อนบนฟ้า
ดวงดาราคราห้อมล้อมจันทร์ฉาย
แสงระยิบพริบวับจับประกาย
เย็นพระพายร่ายริ้วไผ่พลิ้วตาม
แรงลมพัดซัดโฉบโอบไอหนาว
ร้อยเรื่องราวดาวดวงเฝ้าห่วงถาม
เคยสุขทุกข์ซุกไว้ในนิยาม
สุดจะห้ามปรามไหวใจเจ้าเอย
ค่ำคืนนี้มีจันทร์นั้นเป็นเพื่อน
วอนอย่าเลือนเหมือนแกล้งแสร้งทำเฉย
กลิ่นราตรีคลี่หอมน้อมชวนเชย
ดั่งเฉลยเผยอยู่รู้ความนัย
ใจน้องนวลหวนจิตว่าคิดถึง
ด้วยชายหนึ่งซึ่งอ้อนให้อ่อนไหว
ร่ายลำนำคำรักสลักใจ
ชวนหลงใหลในรสของบทกลอน
ฝากความรักถักทอพะนอหวาน
สร้างตำนานกานท์เคียงเรียงอักษร
จากวันเดือนเหมือนเป็นเช่นละคร
ทุกบทตอนซ่อนไว้ในจำนรรจ์
ลืมความจริงอิงเขาเราเฝ้าเพ้อ
หลงละเมอเผลอไผลในความฝัน
วาดวิมานหวานเพียงได้เคียงกัน
คิดผูกพันรั้นข้ามท่ามครอบครัว
ดุจคำสาปบาปนักรักสลาย
บทสุดท้ายพ่ายพังดั่งฟ้าหลัว
ใจหลงทางคว้างไปให้หวาดกลัว
นึกเกลียดตัวมัวเมาจึงเศร้าทรวง
จึงเก็บรักพักใจในวันหมอง
อกกลัดหนองร้องร่ายมิวายหวง
ฤาเวรกรรมช้ำเติมดังเพิ่มทวง
จนเลยล่วงลวงเล่ห์เสน่ห์คลาย