31 พฤษภาคม 2550 14:50 น.
ประภัสสุทธ
วันแรกที่เพิ่งได้มาลงหมู่บ้านของการเรียนรู้งานช่วงปิดเทอมบ้านฟองใต้ จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนา ก็ได้ไปอยู่หลายที่ทั้งแถบเทือกเขาเพชรบูรณ์ มหาสารคามแล้วก็กาฬสินธุ์ ช่วงเวลานี้แค่ลงไปผ่าน ๆ ไม่ได้อยู่จริงจัง แต่ว่าก็ได้เห็นอะไรหลายอย่าง ผ่านสงกรานต์ไทยไปและทำธุระส่วนตัวหมดสิ้นจึงได้เตรียมตัว เตรียมใจลงบ้านฟองใต้
ผมออกจากบ้านเช้าวันที่ ๒๓ เมษายน นั่งรถโดยสารไปลงชุมแพ เพื่อไปรอพี่เจ้าหน้าที่ ngo ที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ผมจะไปอยู่ ที่สำนักงานกองทุนเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก ไปรอพี่เขาอยู่ประมาณ ๕ ชั่วโมง จึงได้พบกับพี่เล็กและได้ค้างคืนที่นั่น รุ่งเช้าพี่สงครามก็มาและบึ่งรถตรงสู่บ้านฟองใต้ทันที ระหว่างทางไปหาบ้านฟองใต้ เส้นทางขึ้น ๆ ลง ๆ ตามภูเขาที่สลับซับซ้อน ผมนั่งเสียวท้องน้อยเวลารถลงเขาหลายครั้งทีเดียว
ตลอดทางที่นั่งรถมาผมจำได้ว่าคุยกับพี่สงครามไม่กี่ครั้ง อันที่จริงผมพยายามชวนพี่เขาคุยอยู่เหมือนกันเพื่อไม่ต้องนั่งเอนเบาะฟังแต่วิทยุและมองดูบรรยากาศรอบ ๆ รถ แต่ก็ไม่รู้จะคุยอะไร ได้แต่รอจังหวะให้พี่แกถามและตอบ ตอบให้เยอะที่สุด พร้อมทั้งชวนคุยเรื่องอื่นต่อ
จริง ๆ แล้วผมไม่ควรเรียกแก พี่ หรอก เพราะกะจากสายตาแล้ว คิดว่าพี่แกไม่น่าจะต่ำกว่าอายุแม่ผม แต่ก็ช่างเถอะ ผมไม่อยากเปลี่ยนสรรพนามเป็น ลุง เพราะเคยเรียกพี่แกมาตั้งแต่ได้รู้จักกัน จะเปลี่ยนคำเรียกก็ดูยังไง ๆ อยู่ คิดซะว่าขนาดพี่ซีดีรุ่นหนึ่ง เราก็ยังเรียกพี่เหมือนกัน
ผมกับพี่สงครามมาถึงบ้านฟองใต้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็พามารู้จักกับชาวบ้านฟองใต้สองสามคนที่นั่งคุยกันอยู่ใต้ถุนบ้านไม้ ผมพักอยู่บ้านหลังนี้เอง
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อ อบต. ชื่อพ่อสาคร ลาลู่ หรือพ่อเล่
หลังจากที่พี่สงครามพาผมไปบ้านพ่อแพรวซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนดินสูงหลายลูก ก็พาผมมาส่งไว้บ้านพ่อเล่ที่เดิม แล้วแกก็กลับโดยบอกว่าอีกสองสามวันจะมาหา
ผมนั่งคุยกับพ่อเล่ได้ไม่นานฝนก็ตกลงมาพร้อมกับพายุโหมกระหน่ำ เราเพิ่งคุยกันเรื่องฝนและผมก็ชี้บอกพ่อให้ดูฝ้าขาว ๆ คล้ายหมอกที่โรยตัวบนภูเขาเหนือป่า พ่อบอกว่ามันเป็นฝนเลือกตกเฉพาะบนภูเขานั้นแหละ ไม่ลงมาหมู่บ้านสักที ได้แต่วนเวียนอยู่รอบ ๆ แล้วก็พัดละอองฝนมาตกเปาะแปะให้ดีใจเล่นเท่านั้น แต่ว่าสิ้นคำสนทนาไม่นานผมก็มายืนตัวโยนแทบปลิวอยู่กลางลานใต้ถุนบ้าน เหลียวไปมองรอบตัวอีกทีก็เห็นข้าวของอะไรต่อมิอะไรปลิวว่อนกระจัดกระจายตกเต็มพื้น
ลม ฝน ลูกเห็บ ตกลงมาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง แม่เล่วิ่งไปหลบอยู่ในห้องน้ำ ส่วนพ่อเล่ก็ยืนแอบอยู่ข้างเสาบ้าน พ่อเล่ตะโกนคุยกับผมแข่งเสียงฝนอื้ออึงว่าตั้งแต่มาอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ฝนตกบ้าอย่างนี้
อันที่จริงผมก็เพิ่งเคยอยู่ท่ามกลางฝนตกแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ลมพัดมาแรงมากสั่นมะพร้าวตกเกลื่อนดิน สังกะสีก็สะบัดปลิวมาตกใกล้ ๆ บ้าน ทำให้ผมคิดเสียวไส้เพราะตอนเด็กได้ยินคนเล่าให้ฟังว่ามีคนถูกสังกะสีปลิวสะบัดคอขาดตายตอนลมพายุเข้า
พ่อเล่ ชี้ให้ดูลูกเห็บที่ตกขาวโพลนกระดอนกระเด้งไปมาเหมือนเขียดสีขาว ผมเก็บขึ้นมาดูหลายก้อนเมื่อมันกระดอนเข้าใต้ถุน มันเหมือนน้ำแข็งลูกเท่ามะยม ถ้ามันลูกโตกว่านี้ผมว่าหลังคาสังกะสีคงเอาไม่อยู่
พ่อเล่เดินเหยาะ ๆ ไปเก็บเอาลูกมะพร้าวมาผ่ากินน้ำ แล้วก็ชี้ชวนให้ผมไปเก็บมาผ่ากินเอง ผมก็วิ่งไปเก็บมาผ่ากินเองบ้างตั้ง ๓ ลูก น้ำมันออกจะเปรี้ยวหน่อยแต่ก็กินเพราะเมื่อบ่ายตอนไปบ้านพ่อแพรว น้าเพื่อนบ้านบอกว่า น้ำมะพร้าวลูกแก่ ๆ กินเป็นยาดี มันช่วยล้างไตได้ ไตผมได้สะอาดก็คราวนี้แหละ
ฝนตกอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ค่อย ๆ เบาลง ขาดสาย แล้วก็หยุด บรรยากาศเย็นชื้นขึ้นมาทันที ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นร้อนอบอ้าว
ผมเดินออกไปดูรอบ ๆ เห็นต้นไม้ใหญ่หลายต้นหักกิ่งระเนนลง มีบ้านหลังหนึ่งห่างจากบ้านพ่อเล่ไปสามหลัง ตัวบ้านยืนเปียกปอนโดยหลังคาเหลือแต่จั่วกับโครง สังกะสีถูกลมแกะออกทิ้งไปไหนไม่รู้ เจ้าของกับเพื่อนบ้านต้องออกตามหานำมารวบรวมไว้เหมือนเดิม
ผมไปเดินเลาะจนไม่รู้จะไปไหนต่อก็เลยกลับเข้าบ้าน อาบน้ำ และรอกินข้าว
เย็นนี้แม่เล่ทำทอดไข่ใส่หัวหอมแดงกับลวกผักบุ้ง และก็น้ำพริกให้กิน แม่กับพ่อเล่และผมต้องไปตามเก็บพวกจาน ชาม หม้อ กะละมัง ที่โดนลมเตะกระจายมาล้างคราบดินออก
เรานั่งคุยเรื่องต่าง ๆ ระหว่างกินข้าวจนอิ่มแล้ว พ่อกับแม่ก็ออกไปหาอึ่งกัน ปล่อยให้ผมอยู่บ้านคนเดียว ทีแรกผมจะไปด้วยเพราะเห็นว่ามีหม้อแบ็ตอยู่สองอัน แต่พ่อเล่บอกว่ากลัวจะเดินหลงทางเพราะมันมืดแถมมีแต่ป่า อีกทั้งผมยังไม่รู้จักเส้นทาง พ่อก็เลยไปกับแม่สองคน
อยู่คนเดียวจะทำอะไรได้ล่ะ นอกจากเงียบแล้วก็นอนเขียนตัวหนังสือ
อันที่จริงผมยังไม่รู้ชื่อเล่นจริง ๆ ของพ่อกับแม่นี้เลย ได้แต่ฟังพี่สงครามเรียกพ่อเล่ แม่เล่ ก็เลยเรียกตาม พี่สงครามบอกว่าคนหมู่บ้านนี้จะเรียกชื่อลูกแทนชื่อพ่อแม่ของคนคนนั้น ผมก็เลยรู้จักแต่ชื่อลูกแก ยังไม่รู้จักชื่อพ่อกับแม่เลย
๒๔ เมษายน ๒๕๕๐