6 กันยายน 2552 18:19 น.
ปติ ตันขุนทด
***องค์กษัตริย์ขัดมิได้รับไมตรี
ให้เป็นที่ชายาที่ท่าขวา
พระเชยชมสมสวาทไม่คลาดคลา
จวบเวลาเจ็ดราตรีที่สมจร
จึงเสด็จกลับวังยังอัครมเหสี
ผู้เป็นที่สมัครหมายมิถ่ายถอน
เหมือนเดือนดวงควงคู่ทินกร
อนาทรห่วงหาปรึกษากัน
วันหนึ่งออกญาเมตะลอนกลาโหม
พางามโฉมขจีศรีธิดาขวัญ
มาถวายพระองค์ผู้ทรงธรรม์
พระรับขวัญรับเป็นราชชายา
ให้ปกครองพำนักตำหนักซ้าย
ดูแลฝ่ายเครื่องทรงพระภูษา
เจ็ดราตรีพระเชยชมสมอุรา
ราชชายาศรีขจีนี้ดีจริง
ฝ่ายเอกองค์มเหสีมีโอรส
นามพระยศเจ้าฟ้าไชยพระทัยสิงห์
เป็นหน่อเนื้อรัชทายาทฉลาดจริง
เฝ้าแอบอิงพระมารดาเมตตาเตือน 10
ฝ่ายอัครชายาองฮาโน
ประสูติพระธิดาหน้าตาเหมือน
ดั่งพระมารดรไม่ฟอนเฟือน
เป็นคู่เรือนพระมารดาภิรมย์ชม
องค์อัครชายาตุ๊กตาแจ๋ว
ประสูติแก้วกัลยาธิดาสม
เป็นเชื้อชาติขัติยะพระบรม
พระชื่นชมราชบุตรราชธิดา
ฝ่ายชายาศรีขจีไม่มีบุตร
พระทัยหงุดหงิดเหงาเฝ้าโทสา
คิดจะมีโอรสกับราชา
เฝ้าโศกาครวญคอยละห้อยปอง
พระศรีปฏิรัฐว่าราชกิจ
จนลืมคิดเว้นห่างนางทั้งสอง
พระยาคลังหน้าสร้อยคอยจ้องจอง
ทูลสนองว่าข้าบาทปราศหลานเชย
พระตรัสว่าเออข้าก็เห็นใจ
ไม่ไถลลืมหนาหน้าที่เขย
จะให้นางหุ่ยมีลูกชายเชย
แม้นหลงเลยสิบเดือนจงเตือนมา 15 (ต่อตอน 3)
5 กันยายน 2552 21:37 น.
ปติ ตันขุนทด
***โอ้ดาว***
***เมื่อคืนเดินดาวพราวโพยม
เป็นคืนแรมนิราศปราศแสงโสม
คนึงโฉมดาวกำดัดมนัสชม
ดาวเที่ยวแม่ฮ่องสอนถูกวอนรัก
จนสำลักรักโลมจู่โจมห่ม
คนครวญขอเคียงกายหมายภิรมย์
ดาวขำคมเขินอายผายผันจร
โอ้ตัวเราดูดาวพราวเวหา
สุดไขว่คว้าดาวใดไว้ในบ่อน
แม้นมีดาวหนึ่งใดแนบในนอน
จะอุ่นรัอนนอนสนิทสมจิตตน
เช้าเขาชวาขันคูครวญหาคู่
ฟังฟังดูหงิมเหลาเศร้าหมองหม่น
เหมือนตัวเราไร้คู่อยู่เจียมจน
ต้องทุกข์ทนดั่งนกเขาขันครวญเอยฯ
**************************************
5 กันยายน 2552 21:25 น.
ปติ ตันขุนทด
***ลำนำ***
***บรรพตวิทยาบ้านผาตั้ง
เมื่อก่อนครั้งเป็นครูเคยอยู่สอน
สมัครรักปักไว้ให้บังอร
แต่สะท้อนที่อกพกเพียงลม
คิดถึงรักหักไว้ก็ไม่ลืม
เคยคิดปลื้มปลูกไว้หวังได้สม
แต่นุชน้อยลอยเลื่อนเชือนตามลม
เก็บขื่นขมขังไว้ไร้นางเรียง***
***บรรพตวิทยาศึกษาสถาน
อยู่อำเภอเวียงแก่นแดนกันดาร
ติดเพื่อนบ้านลาวรัฐสังคมนิยม
ใกล้เชียงของผองชนวกวนเที่ยว
ขึ้นเขาคดลดเลี้ยวเหลียวสุขสม
ภูชี้ฟ้าผาตั้งหวังชิดชม
คนนิยมชวนกันสัญจรมา
ปีนสิงขรจรโขดโลดขุนเขา
ชมลำเนาน้ำโขงไหลโค้งขด
ขุนเขาเหลื่อมเชื่อมกันงามหลั่นลด
มองโขงคดเคี้ยวหายลับสายตา
ตะวันรอนอ่อนแสงแดงเด่นงาม
ลาเขตคามขุนเขาเหล่าพฤกษา
ลับวงกตบรรพตวิทยา
ความมืดมาทอดทับให้หลับนอน
หมู่ครูดอยหงอยเหงาเผ้าบ้านพัก
คำนึงรักเคยเคล้าแต่เก่าก่อน
มาอยู่เดียวเปลี่ยวนิทราอาลัยวอน
ต้องกอดหมอนนอนนึกตรึกตรอมทรวง
เดือนธันวาหน้าเหมันต์สั่นเหน็บหนาว
เป็นคราคราวเจ็บจนบนเขาหลวง
เสือโคร่งออกดอกเห็นงามเด่นดวง
คนทั้งปวงชมเล่นเป็นบุญตา
อากาศเย็นเป็นนิจเนื้อเหน็บหนาว
ต้องนอนยาวเอาผ้าห่มถมกายหนา
เมฆหมอกมัวซัวเขาเคล้ากายา
ใส่เสื้อผ้ากันหนาวเหงาอารมณ์
โรงเรียนอยู่สันโดษโขดกันดาร
นักเรียนเพียรเขียนอ่านขับขานขรม
เคยเป็นครูอยู่สถิตพินิจชม
เพียรเพาะบ่มศิษยามาสองนาน
สอนนักเรียนเพียรรุดวุฒิอุดม
ให้ชื่นชมฝึกฝนจนแตกฉาน
หวังเติบใหญ่ได้ดีมีกิจการ
มีหลักฐานเด่นดัดพัฒนา
เด็กเผ่าม้งพงศ์เย้าเขาขันติ
น่านันทิมิตรเล่ห์เสน่หา
อีกทั้งจีนยูนนานชาญวิชา
ร่วมศึกษาเสพสุขทุกข์ด้วยกัน
คิดถึงครูรัชฎาคนน่ารัก
เจ้าผ่องพักตร์พริ้งพราวดั่งสาวสวรรค์
เคยขอข้าวขอแกงแบ่งกินกัน
แสนสุขสันต์อนันต์นิตย์มิตรไมตรี
อาลัยครูไพศิษฐ์มิตรตายจาก
เพราะฤทธิ์รากโรคสุราพาเป็นผี
ทิ้งลูกเมียเสียอุปถัมภ์ช้ำชีวี
ยังราคีหนี้สินรินรัดตัว
คิดถึงครูประพจน์จดใจรัก
เคยชวนชักดีดกีตาร์พายิ้มหัว
ร้องเพลงกันฉันเพื่อนเหมือนครอบครัว
บันเทิงทั่วทั้งหมดไม่อดโซ
คิดถึงครูหนุ่ยหนุ่มคุ้มวังสำราญ
อยู่เนิ่นนานนับว่าครูอาวุโส
ชอบสุราฮาเฮร้องเยโย
ไม่พูดโม้ใจจิตคิดซื่อตรง
ครูสนุกสูงขาวสาวสาวรัก
อิจฉานักลื้อลาวเฝ้าใหลหลง
ขี่ชอปเปอร์ไปลำปางทางขึ้นลง
กลับมาคงวงบบรรพตวิทยา
ได้รักกันฉันทาประสายาก
ร่วมลำบากทุกข์สุขขลุกกันหนา
เวลาเย็นเป็นวงส่งเสียงฮา
ป้อกเด้งมาพากันพนันซื้อ
ครูปติซื้อห้าบาทมาดขี้จิ๊
สนุกนิมิเล่นเช่นกระสือ
สองใบได้ห้าแต้มแย้มยิ้มอือ
ไพ่เจ้ามือบอดใบ้ก็ได้กิน
รำพึงถึงบ้านพักตำหนักเหล็ก
เป็นห้องเล็กแคบคับอับรุบหรู่
ใกล้ป่าปกรกเลี้ยวกลัวเงี้ยวงู
อาศัยอยู่เย็นเฉียบเงียบวิญญาณ์
กุหลาบป่าผาตั้งช่างงามสิ้น
สุคนธ์รินรวยรื่นชื่นนาสา
เปรียบสาวเย้าเผ่างามยามแย้มมา
ปลุกอุราชวนตรึกนึกแนบทรวง
คิดถึงบ้านร้อยสี่ที่ปองรัก
เพ็ญพิศพักตร์ผ่องผลิที่ห่วงหวง
แม่มองเมินเดินหลบไม่คบควง
รักใหญ่หหวงไม่สนใจในทำนอง
เฝ้ารำพึงตรึงจิตคิดครวญคร่ำ
ต้องชอกช้ำชวดชมประสมสอง
หมายจันทร์เพ็ญเด่นนภามาเคียงครอง
กลับขัดข้องเช่นกระต่ายที่หมายจันทร์
นึกบ้านหนองเหมือนอกฟกน้ำหนอง
ที่มาต้องโศกเศร้าเฝ้าแต่ฝัน
อยู่บรรพตวิทยามานานครัน
แต่ฉันนั้นยังอยู่เดียวเปลี่ยวเอกา
คิดถึงบ้านศิลาแดงแหล่งม้งงาม
ไปเยี่ยมยามสุดสวาทประหลาดหนา
พบสาวแซ้แม่ม่วนชวนสันทนา
กินข้าวปลาต้มถั่วกลั้วกับเกลือ
คิดหลิวฮินหุ่นเย้าสาวบ้านหนอง
งามใยยองผ่องผิวหลิวเหลืองเหลือ
อยู่หอพักตักแกงแบ่งจุนเจือ
ได้ข่าวเมื่อปลายแล้งแต่งงานแล้ว
คิดถึงแขแม่ค้าบ้านผาตั้ง
เคยไปนั่งสั่งกินลิ้นอร่อย
สุขอุราร่าเริงเชิงดงดอย
ไม่สำออยอิดระอาโรยราแรง
สั่งสอนศิษย์จิตใจให้ความรัก
ไม่ผ่อนพักมักเคืองเรื่องผิดแผลง
แม้นเงินเดือนเลื่อนไหลไม่เพิ่มแพง
เฝ้าเติมแรงสอนศิษย์เต็มวิทยา
คนละเอียดเกียรติศักดิ์นักบริหาร
บริการครูศิษย์ไม่อิดหนา
สร้างอาคารมัธยมสมศักดา
เป็นบุญญาผองชนบนเขาซ้อน
อยู่สองปีมีเข็ญมาเป็นเหตุ
ต้องทุเรศแรมร้างห่างสิงขร
กตัญญูบ้านเกิดเทิดมารดร
จึงต้องจรย้ายมาหาพงศ์พันธุ์
อยู่สุขสมวังคมคายห้วยยายจิ่ว
ในเถื่อนทิวเทพสถิตไม่ผิดผัน
ชัยภูมิพฤกษาล้วนป่ามัน
คนขยันเขย่งขยับกับกสิกรรม
ถึงลาร้างห่างไกลแต่ใจคิด
ครั้งสนิทชิดบรรพตรสชื่นฉ่ำ
ลิขิตขีดเขียนไว้ใช้ช่วยจำ
เป็นลำนำอนุสรณ์แต่ก่อนเอยฯ
****************************
ตำนานรัก ผาตั้ง
ปติ ตันขุนทด
ณ หุบเขาเนาพนานามผาตั้ง
มีผัวเมียเคลียคลอครองสัจจัง
เลี้ยงชีพยังอยู่ได้ด้วยไร่ดอย
กระท่อมน้อยคอยบังทั้งลมฝน
ถึงทุกข์จนขนก่อมิท้อถอย
เมียรักผัวครัวหาดาไว้คอย
เลี้ยงลูกน้อยเกิดสง่ากว่าหกปี
ลูกเป็นชายสายโลหิตจิตสดซื่อ
พ่อตั้งชื่อเชิดชาติฉลาดศรี
อยู่บรรพตวิทยาศึกษาดี
ปอหนึ่งสองสามสี่เรื่อยรี่มา
เพื่อนร่วมชั้นชื่อจรรยามารยาท
งามพิลาสนาฏเสน่ห์ดังเลขา
อยู่หมู่บ้านร้อยสี่ศรีพนา
เป็นธิดาเศรษฐีมีเงินทุน
ทั้งสองเขียนเรียนแข่งสำแดงปราชญ์
ชิงฉลาดในชั้นครูท่านหนุน
จบมัธบ่มวิชาเป็นนาบุญ
จนเริ่มรุ่นหนุ่มสาวคราวเดียวกัน
นายเชิดชาติถามว่าจรรยาเอ๋ย
เราคุ้นเคยกันมาในป่าสวรรค์
จบมอสามตามยากต้องจากกัน
เธอกับฉันจักไปที่ไหนดี
จรรยาว่าจักไปในเมืองหลวง
คนทั้งปวงต่างไปในกรุงศรี
ศึกษาต่อพอจบเปรียญตรี
ก็จะมีงานเงินเจริญคน
เธอจักไปไหนหนอขอสัญญา
จะห่วงหาฉันไหมในแห่งหน
ความหลังครั้งร่วมเรียนเพียรฝึกตน
จักลืมหล่นร้างไหมเมื่อไกลตา
นายเชิดชาติตอบว่าข้าจนยาก
จักลำบากกายใจที่ในป่า
เธอจะไปได้ดีมีวิชา
จงอุตส่าห์จนสำเร็จเป็นเพชรงาม
อันความรักความหลังครั้งคราวนี้
ถึงชีวีสิ้นลาภต้องหาบหาม
จักรักใคร่ใฝ่หาจรรยางาม
ปองรักตามติดชิดเป็นนิจไป
จรรยาฟังฝังจิตสนิทถนอม
งามละม่อมชื่นสัตย์อัชฌาสัย
อันสัจจาอาวรณ์ก่อนจากไกล
เธออย่าได้คืนคลอนถ่ายถอนคำ
ฉันเป็นหญิงจริงจิตไม่ปลิดเปลี่ยน
ไม่วกเวียนหวั่นไหวให้ใครขำ
ขอตั้งสัตย์หัทยารักษาธรรม
เป็นบุญกรรมนำสองได้ครองกัน
เชิดชาติชอบตอบว่าป่าดงดอย
จะเหงาหงอยคอยจรรยาแม้คราฝัน
ถึงทุกข์ทนจนหนักจักหักฟัน
จวบถึงวันสมสองได้ครองกัน
อันคืนวันผันผายเหมือนสายน้ำ
เชิดชาติทำไร่ดอยคอยสานฝัน
จรรยาเพียรเรียนจบพบทางพลัน
ต้องเหียนหันห่างผาตั้งครั้งดรุน
ลืมเชิดชาติขาดติดต่อพอพบใหม่
เปลี่ยนนิสัยฟุ้งเฟ้อเธอเงินหมุน
ทันสมัยในสังคมนิยมทุน
แอบอกอุ่นกับสามีมีเงินเดือน
กลับผาตั้งครั้งตรุษจีนรวยสินทรัพย์
จรรยารับให้ทุนบุญใดเหมือน
พบเชิดชาตินาฏรับว่าข้าแชเชือน
ขอโทษเพื่อนเถิดหนาอย่าเคืองเลย
เชิดชาติตอบปลอบว่าอย่าลำบาก
ความพลัดพรากเป็นธรรมดาข้าชาเฉย
แม้นเป็นคู่คงได้อยู่ประคองเชย
เมื่อลับเลยแผ่เมตตาอารีกัน
ดอยกับฟ้าข้าอยู่เป็นคู่สุข
ถึงเป็นทุกข์เหนื่อยล้าก็พาฝัน
เมื่อทุกข์กายหายไปใจสุขพลัน
เดือนตะวันเป็นเพื่อนเหมือนก่อนมา
จงอยู่ดีมีสุขอย่าทุกข์ร้อน
ความเก่าก่อนถือเป็นฝันกันเถิดหนา
รักผัวตัวครัวไฟอย่าไลลา
มีลูกยาสืบพงศ์เป็นมงคล
ฟังเจรจาอาวรณ์สะท้อนจิต
จรรยาคิดกลับใจก็ไร้ผล
อดีตกาลผ่านไปในสากล
สุดเรียกค้นคืนเห็นเป็นปัจจุบัน
นางอำลาเชิดชาติอนาถจิต
พ่อมิ่งมิตรสุขหนาอย่าเดียดฉันท์
ตรุษจีนหน้ามาเห็นเป็นเพื่อนกัน
ให้เหมือนวันร่วมเพียรเรียนวิชา
จะกล่าวถึงเม่ยรินปิ่นดงดอย
เป็นสาวน้อยเมี้ยนนามงามหนักหนา
บ้านเชิดชาติชิดใกล้แต่ไรมา
ต่างคบหาช่วยเหลือเมื่อมีงาน
นางหมายรักปักใจในเชิดชาติ
มิได้ขาดห่วงหาเรื่องอาหาร
เอาผักหนามตามยากฝากเจือจาน
สมัครสมานสานจิตมิตรไมตรี
บอกเชิดชาติไปขอพ่อบอกแล้ว
เป็นเพื่อนแก้วร่วมคาอย่าหน่ายหนี
ขอร่วมชาติปรารถนาเป็นนารี
คู่ชีวีสุขสวัสดิ์บำบัดภัย
เชิดชาติขอพ่อนางให้วางจิต
จักรักชิดเม่ยรินตราบสิ้นขัย
ทั้งทุกข์โศกโรคร้ายในกายใจ
เมื่อเป็นไรขอเป็นคู่อยู่เหลียวแล
งานมงคลมนต์เสน่ห์บุพเพสร้าง
ทั้งสองข้างเห็นชอบตอบกระแส
เชิดชาติแต่งเม่ยรินกินจอแจ
แขกโห่แห่ให้พรคำสอนใจ
ครั้นสำเร็จเสร็จค่ำนำเจ้าสาว
งามพริ้งพราวยิ้มย่องจิตผ่องใส
ส่งเข้าหอขอเจ้าบ่าวรับเอาไป
ช่วยชิดใช้รักษาพยาบาล
เชิดชาติเอ่ยเม่ยรินกินนรน้อย
ช่างชดช้อยชื่นตากว่ากล่าวขาน
พี่ขอฝากรากรักภักดีนาน
ตราบวายปราณมอดม้วยด้วยบุญกรรม
ฝ่ายเม่ยรานผินหน้ามาตอบถ้อย
จงรักร้อยเลี้ยงชุบอุปถัมถํ
เป็นปัญญาพาสว่างทางชอบธรรม
ช่วยชักนำปฏิบัติตัดโศกา
เชิดชาติวาดพาดนางไว้กลางตัก
จุมพิตพักตร์ดื่มเล่ห์เสน่หา
กอดกระหวัดหรัดรื่นชื่นวิญญาณ์
แนบกายาเยียดยัดถนัดนอน
เกิดกระเทือนเลื่อนลั่นสนั่นดิน
ทั้งโขดหินเผยอแยกแตกผันผ่อน
สิงโตกล้าผาตั้งคลั่งดอยดอน
แทรกสิงขรผ่อนขยับกลับไปมา
ฟ้าคำรณฝนหลั่งหลังตั้งเค้า
นางรองเอาฝนสาดตามปรารถนา
จวบรุ่งสางต่างตอบถ้อยร้อยกิจจา
ตามประสาโลกมนุษย์ไม่หยุดลง
อันชีวิตกิจประจำต้องทำกิน
ในท้องถิ่นไพรพนาป่าระหง
สองสมชิดคิดปรึกษาพากันลง
ไปถางพงปลูกข้าวของชาวดอย
หอมหัวใหญ่ได้ราคาพากันปลูก
รักพันผูกเคียงข้างไม่ห่างถอย
ผัวถางถกยกหนักเมียรักคอย
ชิดใช้สอยปลูกผักกตักน้ำกิน
ทุกวี่วันหมั่นสร้างทางกสิกิจ
สุจริตสร้างเสริมเพิ่มทรัพย์สิน
ฟ้าเมฆฝนหล่นหลั่งพร่างพรมดิน
นางเม่ยรินเชิดชาติคลาคลาดจน
เสร็จจากงานบ้านน้อยคอยสองรัก
เข้าครองพักแฝงแฝดหลบแดดฝน
ฤดูเดือนเคลื่อนคล้อยค่อยเวียนวน
นฤมลเม่ยรินกินเปรี้ยวดอง
นางบอกผัวตัวรักว่ามีลูก
ยิ่งพันผูกพูนเพิ่มเฉลิมฉลอง
เชิดชาติจูบลูบเมียเคลียคลอครอง
ฟังที่ท้องปากว่าข้าอาทร
เราทั้งสองต้องไปให้สมภาร
ท่านประทานพรขลังและสั่งสอน
วัดผาตั้งหลังเขาเนาเนินดอน
คืนนี้นอนพรุ่งนี้หนาข้าพาไป
นางนอนแอบแนบผัวยิ้มหัวหลับ
ดาวเดือนดับตื่นนิทราเห็นฟ้าใส
จัดจังหันอันหอมพร้อมกันไป
กราบกรานไหว้ท่านสมภารขอปันพร
หลวงตาเห็นเอ็นดูในหมู่มนุษย์
ไม่สิ้นสุดความรักที่จักถอน
เกิดเจ็บตายกายขลุกทุกข์สืบจร
จึงสั่งสอนเอาพระตรัยไว้ติดตัว
มีพุทโธธรรมโมสังโฆมั่น
ทานศีลอันบุญประเสริฐเทิดไว้หัว
อันชั่วโฉดโกรธร้ายละอายกลัว
อย่าเมามัวอบายมุขคลุกเคล้าตน
ผัวรักเมียเมียรักผัวกลัวพลาดผิด
ต้องพูดคิดแต่ดีมีเหตุผล
อย่าหึงหวงหุนหันกันอึงอล
ทั้งสองคนจึงจักได้เต็มในพร
ลูกเกิดกายชายหญิงจริงประจักษ์
แม้นว่ารักต้องเพียรเวียนสั่งสอน
ส่งเสริมสิทธิ์วิทยาเป็นอาภรณ์
เมื่อจากจรลูกจะได้ใช้เลี้ยงกาย
ทั้งสองกราบนมัสการซาบซ่านจิต
จำภาษิตศึกษาปัญญาฉาย
ลากลับบ้านผ่านเหมือนเก้าเดือนปลาย
เกิดลูกชายเม่ยรินสมอินทรีย์
จะกล่าวถึงจรรยาคราอยู่กรุง
นางรวยรุ่งธุรกิจติดวิถี
ส่งคนไปใต้หวันงานเงินดี
แต่สามีแอบผลาญร้าวรานใจ
ผัวลักลอบชอบใจในหญิงอื่น
นางขมขื่นฝืนหน้าพูดปราศรัย
ขอเลชิกร้างห่างลากันคลาไคล
ตามแต่ใครใฝ่จิตคิดเลือกทำ
พ่อของนางทางการท่านจับผิด
เพราะชิดติดยาบ้าคณาหนำ
ศาลลงโทษถึงคุกจุกประจำ
จรรยาน้ำตารินไม่สิ้นทรวง
คิดเตลิดเชิดชาติซึ่งขาดกัน
จะพลิกผันรักเก่าครั้งเฝ้าหวง
ขอคืนใหม่ไม่เหเรรวนลวง
จะเติมตวงชดใช้ให้พอเพียง
ถึงตรุษจีนจรมาบ้านผาตั้ง
น้ำตาหลั่งรินตกอกเป็นเสี่ยง
ขาดคนรักพักอยู่เป็นคู่เคียง
จะถามเถียงรักคืนมาชื่นใจ
ไปเชิญชวนเชิดชาติเหมือนญาติกัน
ร่วมสังสรรเสกศรีวันปีใหม่
นางเม่ยรินกินแหนงคลางแคลงใจ
แต่อดไว้กลัวเสียการงานปรีดี
นางบอกผัวตัวว่าอย่ามาดึก
เพราะคิดนึกกลัวเสือเป็นเหยื่อหมี
จะทำผิดคิดผิดริดรอนดี
ให้เป็นที่ฟูมฟกอกตรอมตรม
เชิดชาติไปได้กินดิ้นตามเพลง
ร้องบรรเลงหลายประสานขับขานขรม
เพื่อนร่วมรุ่นอุ่นใจได้เกลียวกลม
กลับบประสมสืบสานคืนวานวัน
จรรยาชวนเชิดชาติชั้นดาดฟ้า
สนทนาความเก่าเล่าความฝัน
จะได้ไหมให้หวนทวนรักกัน
จะยึดมั่นสัญญาถ้าอภัย
เชิดชาติอึ้งจึงถามตามฉงน
เราสองคนต่างเลยลากว่าแก้ไข
เธอมีผัวตัวฉันนั้นเสียใจ
จึงจากไปแต่งงานมี่บ้านเรือน
จรรยาว่าอย่าร้างกับผัวแล้ว
เธอเป็นแก้วปรารถนากว่าเป็นเพื่อน
ไม่อาจหักห้ามจิตคิดลืมเลือน
จักย้อนเยือนได้ไหมขอใจคืน
เชิดชาติว่าอนิจจาข้ายังรัก
แต่ต้องหักใจไว้ไม่ฝ่าฝืน
อยากจะกอดสอดสองต้องกล้ำกลืน
กลัวเดินยืนบาปบ้าอายฟ้าดิน
จรรยาตอบมอบไมตรีไม่หนีแล้ว
ไม่กลัวแคล้วคนด่าว่าติฉิน
ถึงอกหมองต้องโศกาเป็นอาจิณ
ใครหยามหมิ่นก็จะรับไม่กลับกลาย
เชิดชาติท้อขอเวลาข้าครุ่นคิด
จะกลับชิดเสน่หาข้าใจหาย
ข้ามีเมียเสียสัตย์จะพลัดพราย
แม่เพื่อนชายตัดเถิดหนาข้าคิดกลัว
ฝ่ายเม่ยรินดิ้นไม่หลับกระสับส่าย
นอนเดียวดายตรองตรึกนึกถึงผัว
จนดาวเดือนเคลื่อนคล้อยคอยพันพัว
คิดหมองมัวโศกสลดระทดใจ
จึงตามไปได้เห็นเป็นประจักษ์
ว่าผัวรักพูดเพ้อคำเผลอไผล
จรรยาจ้องมองหมิ่นพูดกินใจ
กล่าวคำไขขอเชิดชาติขาดเม่ยริน
นางตัดพ้อขอผัวตัวฉันเศร้า
ถ้าจะเอาต้องคิดติดทรัพย์สิน
ผัวไม่รักจักพาลูกหากิน
ตามดอยดินอยู่เดียวไม่เกี่ยวกัน
เชิดชาติออกบอกลาจรรยามิตร
พร้อมสะกิดเม่ยรินให้ผินผัน
กลับบ้านบึ่งถึงหมอนลงนอนพลัน
เม่ยรินนั้นซุกแอบแนบเคียงครอง
แล้วพูดว่าข้าหวงเป็นห่วงพี่
นางตัวดีจะฉกชิงดังสิ่งของ
ถือประเสริฐเลิศดีมีเงินทอง
มาคิดปองผัวข้ามันกล้าเกิน
เชิดชาติฟังชั่งใจได้ครวญคิด
แม่มิ่งมิตรห่วงหาข้าสรรเสริญ
แล้วโอบกอดคอดกายที่ชายเพลิน
ปะโขดเขินเนินป่าผกาบาน
ภมรซุกคลุกเคล้าดื่มเอารส
กำซาบซดโอชาหาหอมหวาน
เสนอสนองสนิทสนมภิรมย์นาน
พิศดารปั่นป่วนนวลผกา
พายุโหมโถมถนัดซัดกลีบกลิ่น
กระเทือนดินหินแยกแตกจากผา
ฝนอุทกตกพลั่งหลั่งโลมมา
สองนิทราแนบสนิทจิตผูกพัน
ประชาธิปไตย
พระตรัยรัตน์จรัสงามถึงสามโลก
พุทธองค์ทรงตรัสธรรมกำจัดโศก
ทุกข์เป็นโรคที่ดับกับนิพพาน
อยุธยาธานีศรีสยาม
รุ่งโรจน์รามปรีเปรมเกษมศานต์
สี่ร้อยสิบเจ็ดปีที่เนานาน
สามสิบสามรัชกาลกษัตริย์ครอง
พม่ากรีฑาพลปล้นอยุธยา
เจ้าตากพาพลสู้หมู่ม่านผอง
สิ้นอยุธยาไพร่ฟ้าน้ำตานอง
เจ้าตากครองธนบุรีสืบสีมา
กษัตริย์ศึกปราบดาพระเจ้าตาก
ต้องจบจากธนบุรีสิเนหา
กรุงเทพพระจักรีกษัตรา
สืบพาราเป็นปฐมบรมวงศ์
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ระบอบ
ดำเนินชอบชาวสยามงามระหง
ปีสองสี่เจ็ดห้าจึงจบลง
ประชาธิปกพระราชทานรัฐธรรมนูญ
คณะราษฎร์ประกาศอภิวัฒน์
สยามรัฐเปลี่ยนไปมิใช่สูญ
เป็นประชาธิปไตยไทยไพบูลย์
เพื่อเพิ่มพูนเกียรติกษัตริย์ฉัตรจักรี
ประชาชนสนใจในบ้านเมือง
ด้วยเป็นเรื่องรักชาติกษัตริย์ศรี
กษัตริย์ใต้ธรรมนูญจำรูญดี
ประชาชีร่วมรัฐจัดรัฐบาล
มโนปกร์ธาดาแรกนายก
ถึงนายกหลายคนจนลูกหลาน
จึงประชาธิปไตยถูกภัยพาล
รัฐประหารผลาญผิดคิดยึดยำ
รัฐธรรมนูญประชาสองห้าสี่ศูนย์
หลักสมบูรณ์ยศสยามช่างงามขำ
ถึงกันยาสี่เก้าเศร้าระกำ
อมาตย์ทำรัฐประหารผลาญสิ้นไป
นำรัฐธรรมนูญชั่วฉ้อคอมอชอ
มาลวงล่อชาวไทยให้หลงใหล
อภิสิทธิ์เป็นนายกตกจัญไร
คนแดงไล่ยุบสภาหายุติธรรม
คืนอำนาจเพื่อชาติประชาชน
เลิกสับสนคิดโลภหลงถลำ
เลือกต้งใหม่จะดีมีกิจกรรม
ช่วยกันทำบ้านเมืองให้เฟื่องฟู
คนแดงดูดาดาษราชประสงค์
ไพร่ชูธงโบกสะบัดยืนหยัดสู้
อภิสิทธิ์โกรธจัดรัฐบาลกู
ไม่รับรู้เสียงเรียกสำเหนียกฟัง
คิดว่าไพร่โลโภโมหะมาก
อย่ายุ่งยากขับไสให้สมหวัง
อยู่เพื่อชาติศาสน์กษัตรย์ฉัตรบัลลังก์
ตราบกระทั่งแดงถ่อยถอยหมดแรง
อนิจจาด่าไพร่ว่าไร้คิด
สมสนิทศิษย์ทักษิณสิ้นทั้งแผง
แท้ประชาชาวไทยใคร่เปลี่ยนแปลง
เพื่อพบแสงแห่งฟ้าประชาธิปไตย
อมาตย์เปรมบงการปราการหลัง
เป็นพลังแอบแฝงส่งแรงให้
อภิสิทธิ์สอพลอก็ได้ใจ
มิมีใครข่มล้างลงกลางคัน
จึงดื้อดึงขึงขังนั่งนายก
คิดเพ้อพกต่อไปไม่หวาดหวั่น
ยุบสภาทำไมไม่มีวัน
เพราะว่าฉันจะตกนรกร้าย
รัฐบาลเกิดใหม่จะได้ฤทธิ์
จะถอนพิษทราชสิ้นสลาย
เคยทำผิดคิดไว้จะวอดวาย
จะอับอายขายหน้าทั่วสากล
พันธมิตรคิดร้ายทำลายชาติ
ทั้งอำมาตย์จะพินาศในฉ้อฉล
ศาลจะพิพากษาโทษเจ็ดโคตรตน
จะสาละวนบ่นบ้าฟ้าผ่าเอยฯ
5 กันยายน 2552 20:05 น.
ปติ ตันขุนทด
***พระเจ้าตากสินมหาราช***
***จะกล่าวกลอนเทิดเกล้าเจ้าตากสิน
อนุชนรุ่นหลังหวังยลยิน
เจ้าธานินทร์ธนบุรีที่ลับไป
ไทยเรานี้ที่รู้ครูบาสอน
กรุงแต่ก่อนเริ่มแจ้งแถลงไข
หนึ่งกรุงชราอาวุโสสุโขทัย
สองกรุงไกรธานีศรีอยุธยา
สามกรุงธนบุรีที่กำดัด
มีกษัตริย์ตากสินปิ่นรัฎฐา
สี่กรุงรัตนโกสินทร์อินทร์นัครา
พระพุทธยอดฟ้าปฐมองค์วงศ์จักรี
ครั้งอยุธยาย่อยยับอับวาสนา
ปวงประชากระเซ็นซ่านซุ่มซ่อนหนี
สองพันสามร้อยสิบพุทธศกปี
พม่าตีอยุธยาลาล่มลับ
แต่สยามมิสิ้นไร้ผู้ใจหาญ
คิดก่อการกู้กรุงรุ่งเรืองกลับ
โอ้ล้นเกล้าเจ้าตากสินแม้สิ้นลับ
พระคุณจับใจข้าไพร่ฟ้าไทย
ทรงสมภพ พ.ศ. สองสองเจ็ดเจ็ด
บิดาได้สำเร็จอากรใหญ่
ชื่อว่าจีนไหฮองไม่รองใคร
เมียเป็นไทยนามนกเอี้ยงเลี้ยงกันมา
เมื่อลูกเกิดใหม่ใหม่ให้อัศจรรย์
นาคีพันวงกระด้งส่งปริศนา
เป็นเทวาพืทักษ์รักลูกยา
อารักขาลูกไว้ให้คนเกรง
แต่พ่อเอาไปทิ้งติงว่าร้าย
เป็นลูกชายชั่วชนใช่คนเก่ง
เมื่อเติบใหญ่มันคงได้เป็นนักเลง
เที่ยวข่มเหงชาวอยุธยาพาอับอาย
เจ้าพระยาจักรีสมุหนายก
เห็นทารกราศีมีบุญหลาย
ขอไปเลี้ยงดูเล่นเป็นลูกชาย
เหมือนเชื้อสายตั้งนามงามว่าสิน
ได้ชันษาเก้าเข้าเจ้าพระยา
ส่งศึกษาอักษรศาสาตร์ฉลาดสิ้น
ณ วัดโกษาวาสน์ปราชญ์ระบิน
สินจบสิ้นเมื่อชันษาสิบสามครอง
เจ้าพระยาจักรีอารีรัก
ส่งเสริมศักดิ์บุตรบุญธรรมนำสนอง
ใต้เบื้องบาทบรมโกษฐ์ฝ่าละออง
บุตรไหฮองเป็นมหาดเล็กเด็กรับใช้
สินซื่อสัตย์กตัญญูเจ้าอยู่หัว
รอบรู้ทั่วราชการงานน้อยใหญ่
ยี่สิบเอ็ดชันษาต้องคลาไคล
บวชพระได้สามพรรษาศึกษาธรรม
ลาสิกขามารองบาทบรมโกษฐ์
ทำประโยชน์โปรดเกล้าทุกเช้าค่ำ
สิ้นแผ่นดินบรมโกษฐ์จึงระกำ
ไปตรากตรำอยู่เมืองตากพรากอยุธยา
กินตำแหน่งยกบัตรบุญเมืองตาก
ดับทุกข์ยากไพร่ทาสีเสริมศาสนา
ปีสองสามศูนย์เก้าเศร้าโศกา
พม่าล้อมอยุธยาต้องมาไว
รบพม่าไพรีมีความชอบ
เอกทัศน์ปลอบขวัญกำนัลให้
เป็นพระยาวชิรปราการสะท้านไกล
แต่คงไว้อยุธยาสู้ม่านพาล
แต่ต้องโทษยิงปืนใหญ่ไม่ปรึกษา
รับอาญาภาคทัณฑ์คขั้นประหาร
เอกทัศน์ทรราชย์ขลาดเขลาการ
พม่าผลาญกรุงไกรไม่ไยดี
พระยาวชิรปราการต้านไม่ไหว
ตัดสินใจรวมพลพรากกรุงศรี
ขอลาก่อนอยุธยาราชธานี
แม้นชีวีไม่ลับจะกลับมา
พาทหารห้าร้อยรบพลม่าน
ตีต่อต้านหาญหั่นสู้ฟันฝ่า
ผ่านพม่ามาได้ไม่มรณา
พักรักษาพลพลัด ณ วัดพิชัย
พม่าคิดติดตามไม่คร้ามขลาด
หมายพิฆาตพระยาตากให้ตักษัย
ตามถึงโพสังหารหาญชิงชัย
แต่บรรลัยไทยตีแตกแหลกละลาย
หยุดรั้งพลฮึกหาญบ้านพรานนก
พม่ายกตามตีกลับแตกพ่าย
ผู้เลื่อมใสในฝีมือเริ่มมากมาย
ได้สหายกู้ชาติฉกาจฉกรรจ็
ไประยองหยุดยั้งคอยฟังสาสืน
กรมการเมืองระยองมองผิดผัน
ไม่ยอมยกเมืองระยองต้องฟาดฟัน
ระยองพลันพลิกพ่ายตายกันเอง
ขุนรามระยองหลบไถลไปจันทบุรี
พึ่งบารมีพระยาจันทร์เจ้าเมืองเก่ง
ตากสินเกียรติลือไกลใจนักเลง
ต้องรีบเร่งตีเมืองจันท์ประกันไว้
ให้ทหารทุบหม้อข้าวในคราวนี้
ตายเป็นผีไม่ต้องกินสิ้นสงสัย
แม้นตีได้เมืองจันท์ไม่บรรลัย
เข้ากินในเมืองจันท์อันอุดม
ถึงยามสามค่ำคืนดึกดื่นโข
โห่ไชโยฤกษ์งามสงครามขม
พระขี่พังคีรีตีระดม
เมืองจันท์ล่มราษฎร์รับประทับเมือง
หยุดพักพลพอสบายหายเหนื่อยล้า
อิ่มรักษาอาการแล้วขานเรื่อง
วางแผนกู้กรุงศรีที่รุ่งเรือง
เจ้าตากเคืองพม่าเผาอยุยายับ
จะจับพม่าชิงเมืองมาลงโทษ
จะล้างโคตรกบฎกรุงมาปรุงสับ
จะรวบรวมราษฎร์เข็ญที่เร้นลับ
ให้คืนกลับกรุงไกรได้ฟื้นฟู
เรือรบร้อยทหารกล้าห้าหกพัน
พร้อมเพรียงกันพายจ้วงล่วงเข้าสู่
ปากน้ำเจ้าพระยาฆ่าริปู
ได้ต่อสู้นายทองอินลิ้นทรยศ
มันครองด่านธนบุรีอารีพม่า
จับมันฆ่าตัดสีรษะเสียบหัวสด
ตัวเป็นไทยใจคอกลับคิดคด
อัปยศยอมศัตรูอดสูนัก
ยกทัพใหญ่ไปค่ายโพธิ์สามต้น
รบทรชนสุกี้ที่ประจักษ์
ตะลุมบอนบุกประจันดังฟันฟัก
แทงกระอักฟันสุกี้ชีวีวาย
พม่าร้ายตายสิ้นธานินทร์กลับ
รอยย่อยยับยังเห็นเข็ญใจหาย
สุดเยียวยาพากันเหงาเศร้าเสียดาย
กรุงวอดวายเจ็บใจอาลัยลา
ขุดพระศพเจ้าเอกทัศน์ถวายพระเพลิง
ตาเบือนเบิ่งกรุงไกรไห้โหยหา
โอ้แต่นี้มีแต่จะลับตา
อยุธยาสูญ ลับดับชีพเอยฯ
*****************************
5 กันยายน 2552 18:52 น.
ปติ ตันขุนทด
***ยิ้มหญิงสยาม***
***โอ้นารีศรีสุรางค์ช่างสาวใส
พิศลักขณาน้องยิ้มอิ่มอกใจ
สาวสวรรค์ช้นใดมาเกิดกาย
แต่คบหามานานมีสาส์นศรี
ยิ้มคนดียิ้มตอบมอบมิตรหมาย
ยิ้มมียศจริยาย้อมห่มกาย
ยิ้มงามง่ายอิ่มบุญการุณธรรม
มีบางนางหน้างามแต่ทรามปาก
ไม่กระดากแดกด่าพาตัวต่ำ
ทั้งปากบอนปากบ้าทารกรรม
ใครยินคำเบือนหน้าระอาอาย
แม้นชายใดได้พบคบเป็นคู่
จะอดสูเสื่อมศักดิ์ชักฉิบหาย
จะพาหมองมัวหมกตกอบาย
จงเคลื่อนคลายเหินห่างจากนางไป
ควรคบแต่หญิงดีอารีทั่ว
ทั้งงามตัวงามจิตพิสมัย
เจรจาขาคะชนะใจ
ฟังครั้งใดดูดดื่มปลื้มกมล
เช่นอย่างยิ้มหญิงสยามงามศิริ
ยิ้มปิติอิ่มสุขทุกแห่งหน
แม้นชายใดในพิภพจบสากล
ได้รักคนเช่นอย่างยิ้มอิ่มสุขเอย