13 กันยายน 2552 20:06 น.
ปติ ตันขุนทด
ต่อ จากกลอนที่ 60
ทูลหม่อมแม่เด็จพ่อหายไปไหน
น้อยพระทัยลูกรักเป็นหนักหนา
แต่จากไปไกลลับไม่กลับมา
พระบิดาไม่รักลูกปลูกเลี้ยงแล้ว
พระเทพขจีศรีสงสารลูก
กอดพันผูกปลอบขวัญกัลยาแก้ว
เสด็จพ่อไปบวชผนวชแล้ว
ดำเนินแนวตถาคตปลดเปลื้องเวร
พระทรงศีลภาวนาศึกษาพรต
ลูกจงอตส่าเรียนอย่าเพียรเล่น
เป็นกัลยานีศรีนครเคร่งกฏเกณฑ์
พระบิดามาเห็นจะเย็นใจ
พระธิดาเพคะพระมารดา
ลูกจะรอพระบิดาปลื้มปราศรัย
สองแม่ลูกผูกสอดกอดกันไว้
โศกาลัยใจตรมระทมทน
***จะกล่าวถึงมเหสียิ้มพิมพิลักษณ์
อยู่ตำหนักสิกขารักษากุศล
อกุศลหม่นใจไม่เปื้อนปน
สำรวมตนทรงศีลดังจินดา
ฝ่ายฟ้าไชยไถลเที่ยวดูเหยี่ยวนก
ฝูงวิหคนานาป่าหงสา
เห็นสาวชาวป่าดอยเปอะอ้อยมา
ตรัสถามว่าแบกอะไรไม่หนักหรือ
สาวป่าแดงพูดแบะยาแอะนา
ภาษาป่าว่ารักเธอเซ่อจนซื่อ
อันหนักรักนั้นหนักกว่าบ่ามือ
มาช่วยถือแบกบ้างว่าอย่างไร
พระถามว่าบ้านบ่อนหล่อนอยู่ตึก
หรืออยู่ลึกในเขาเงาไศล
นางตอบว่าขืนยืนช้าอยู่ไย
แม้นแบกได้ให้รางวัลถึงชั้นฟ้า
นางวางเปอะเมอะสานสองตาจ้อง
พระก็ลองคล้องเปอะหลังไหล่บ่า
เดินตามหลังนางน้องข้ามดอยมา
ถึงบ้านป่าห้าสิบหลังข้างพนม
นางรับเปอะไปวางไว้ข้างครัว
แย้มยิ้มหัวว่าอะไรใครเขาข่ม
แบกอ้อยมาข้าชอบขอบใจจม
จะให้ชมรางวัลตามฉันมา
นางจูงมือถือนิ้วลิ่วเลี้ยวลด
ไปจนจรดลำธารเสียงซ่านซ่า
นางถามว่าชื่ออะไรไยหลงมา
ถ้าโจรป่าเห็นก็จับปรับเอาทอง
ดูแต่งตัวสำรวยสวยเหมือนหญิง
เป็นชายจริงหรือเปล่าเจ้างามผ่อง
ไม่เคยเห็นเป็นใครเดินใส่ทอง
เราทั้งสองลงมาเล่นน้ำเป็นไร
นางเปลื้องผ้าโดดผลุงพุ่งลงน้ำ
พระโชยคว่ำหน้าหนีชี้เฉไฉ
ข้าไม่อาบหรอกหนาจะลกไป
นางร้องไฮ้ไยไม่มาคว้ารางวัล
พระฮึกฮัดชัดใจในคำท้า
ทั้งกลัวกล้ากู๊กกิ๊กพลิกผายผัน
ปลดผ้าผ่อนจรลงชลาพลัน
ล่องไล่กันแหวกว่ายตามสายนที
นางเลี้ยวลดหลบลับกับโค้งคุ้ง
พระว่ายวุ้งไววับจับโฉมศรี
ลำธารลึกครึ่งตัวพัวพันพี
สองกายีแนบสนิทจิตผูกกัน
หน้าแนบหน้าเนื้อแนบเนื้อเหลือระทึก
ประคองคึกเข้าลำแพนแผ่นผานั่น
พระถามน้องเป็นใครที่ไหนกัน
ข้าชื่อพันพี่ชื่อแพงนางแจ้งมา
ท่านเป็นใครถามไว้ไยไม่ตอบ
พระชื่นชอบตอบอนงค์ว่างพงศา
ของเจ้ากรุงอิสราหลงทางมา
จะเสาะคนอาสาไมส่งเมือง
จงบอกมาที่ว่าจะรางวัล
คิดหลอกกันหรือไฉนใคร่เอาเรื่อง
นางหัวเราะซิกใสไร้ขุ่นเคือง
ผิวเรื่อเหลืองผลักอกพระกกไว้
รางวัลมีแต่คนมองไม่เห็น
จึงจำเป็นเก็บซ่อนไว้บ่อนใกล้
หากหาพบก็ผับรับเอาไป
พระซอนไซ้ซอกซีกหลีบหลีกลับ
ต่างกระสันงันงกตกภวังค์
พระพบฝั่งสระศรีที่กลอกกลับ
เข้าท่องเที่ยวถึงทางกระทบทับ
นางแน่นรับกายดิ้นทั้งอินทรีย์ 80 คำกลอน ต่อตอน 7
13 กันยายน 2552 08:04 น.
ปติ ตันขุนทด
ต่อ****
ชาติบางตะพานแต่เชื้อ บ่ถ้ามีเกื๋อ หินส้มย้อมเนื้อ สีหากเข้มแดงงาม บ่เปื๋อง
มาตเช็ดดินไฟมะขาม สีหากตึงงามแต่ยามอยู่เบ้า หลอนนายบ่จ๋ำ เชิญฟังเต๊อะเจ้า ยังก๋อนสำเนาเรื่องทุกข์ ลุนหลังนายพี่เมาซวนซุก ป๋านเป้ดบ้าเมาวิน เข้าแลน้ำลางคาบลืมกิ๋น ย่ำเตียวดินหวิดหวาวลุ่มใต้
(ต่อตอน 3 นะครับ พยาพรมใช้ถ้อยคำได้ไพเราะมาก ผมคนอิสานอ่านแล้วยังติดใจ ค่าวซอเรื่องนี้ เป็นเพชรเม็ดเอกของล้านนา ศึกษาไว้ไม่เสียหายนะครับ)
13 กันยายน 2552 07:52 น.
ปติ ตันขุนทด
พระศรีปฏิรัฐ 5
****ฝ่ายมเหสียิ้มพิมพิลกษณ์
พระทัยภักดิ์ภัสดารักษาสัตย์
ขอถือศีลภาวนาอุบสิกาวัตร
พระศรีตรัสวัดต่างวังวิเวกหวิว
จงอุตส่าห์ภาวนาในตำหนัก
เลี้ยงลูกรักเจ้าฟ้าไชยให้ผ่องผิว
อย่าโศกศัลย์โศกาใจปลาซิว
พักตร์เป็นริ้วหมดงามขอห้ามไว้
อันใดใดในโลกล้วนอนิจจัง
จงเตือนตั้งสติเฝ้าเอาใจใส่
รูปธรรมนามธรรมใช่ของใคร
แตกบรรลัยไปสิ้นทั้งอินทร์พรหม
แล้วตรัสหาชายาไพศาลี
พึ่งบารมีพระชายาอย่าขื่นขม
ขอฝากฝังเถิดหนาอย่าปรารมณ์
ให้รักกลมเกลียวกรองอย่าหมองกัน
จงครองรักภักดีดั่งพี่น้อง
กับทั้งสองอัครชายาอย่าเฟือนฟั่น
จะเป็นบาปหาบนรกตกโลกันต์
สิ้นสวรรค์โศกซ้อนร้อนพระทัย
นางทูลสนองฝ่าพระบาทว่าชาตินี้
ข้าธุลีขอรองบาทตราบตัดษัย
ขอร่วมรักภักดิ์องค์พระทรงชัย
จงวางใจในชายาไพศาลี
พระตรัสว่าสาธุเบาอุระ
ตัวข้าจะผนวชเป็นฤาษี
บำเพ็ญพรตสวดนะโมของโยคี
วันพรุ่งนี้ให้ภิญโญโมทนา
****ฝ่ายสังฆราชวัดพระร่วงหลวง
ตรวจดูดวงพระศรีปฏิรัฐา
ผ่านเทวดาจรร้อนอุรา
พระชันษาสี่สิบห้าจะคืนเมือง
พรรษานี้ชันษาสามสิบหก
ชะตาตกคอขาดคาดผ้าเหลือง
อีกเก้าปีเป้นกษัตริย์จำรัสเรือง
ทรัพย์นองเนืองนานาชาติบรรณาการ
ผนวชเสร็จสงฆ์สวดชยันโต
ยถาสัพพีติโยอุทิศขาน
สรรพสัตว์ญาติมิตรศัตรูพาล
มารับทานอภัยกุศลพ้นบ่วงกรรม
ทรงฉายาพระธรรมสาโร
สวดนะโมสิบสองตำนานกาลเช้าค่ำ
วันปัณรสีมีปาฏิโมกข์วินัยกรรม
พระชื่นฉ่ำธรรมรสลดตัณหา
เข้ากุฏิเจริญอานาปนสติ
ภาวนาสมาธิไตรสิกขา
พิจารณาอนิจทุกขะอนัตตา
ทุกทิวาราตรีมิหมองมัว
****จะกล่าวถึงกรุงอิสราธานีใหญ่
กษัตริย์ใหม่เมกะลอนเจ้าอยู่หัว
ราชินีศรีหุ่ยหิรัญบัว
สองพันพัวพิสวาทไม่คลาดคลา
พระชมโฉมประโลมหุ่ยไม่ห่างห้อง
ปทุมทองต้องเต่งเบ่งเบียดคว้า
อรชรอ้อนแอ้นแอ่นกายา
ทะเลบ้าพายุยอกกระฉอกชล
อึกทึกดึกดื่นตื่นตระหนก
วลาหกตกต้องนองหาดหน
คลื่นกระหวัดฟันเฟ้นเร้นรุกรน
ฉ่ำกมลอ่อนแรงตีแปลงนอน
แขนก่ายแขนขาก่ายขาราชาชื่น
ทุกค่ำคืนเสพกระสันหนั่นสิงขร
ลืมราชกิจพิจารณาประชากร
ที่เดือดร้อนฝนแล้งข้างแห้งตาย
ฝ่ายราชธิดาเทพกษัตริย์ขจีศรี
คิดถึงราชสวามีที่แพ้พ่าย
พระจะอยู่ยากเข็ญเป็นหรือตาย
นางวุ่นวายเหว่ว้าห่วงหาองคื
โอ้พระองค์ทรงยศของเมียเอ๋ย
พระมิเคยครองตบะเป็นพระสงฆ์
จะลำบากยากแค้นในแดนดง
เอาพุ่มพงเพิงเขาเป็นเหย้าเรือน
ลูกโสพรรณกัลยานีทูลหาพ่อ
โอ้พระหน่อราชธิดามิตราเพื่อน
จากลูกไปไกลลับไม่กลับเยือน
นับวันเลือนลาร้างห่างลูกยา 60 คำกลอน ต่อตอน 6
13 กันยายน 2552 07:12 น.
ปติ ตันขุนทด
***อรหันต์***
พระพุทธคุณบริสุทธิ์ดุจน้ำใส
พระธรรมสว่างใจไล่จิตเขลา
พระสงฆ์วงศาสดานาบุญเรา
ผู้ใดเข้าครองไว้ได้อริยทรัพย์
อันมนุษย์สมบัติพัสถถาน
ทั้งวงศ์วานญาติมิตรกิตติศัพท์
อีกลาภยศสรรเสริญเพลินซึมซับ
ล้วนตกลับเป็นกิจอนิจจัง
อันรูปนามงามเหมาะเพราะโมหะ
อีกราคะโทสาเป็นตราสังข์
จะคิดทำสิ่งใดใจชอบชัง
สามพลังกิเลสล้วนชวนเมามัว
อนิจจังทุกขังทั้งอนัตตา
เป็นตัวยาพิชิตจิตโฉดชั่ว
แม้นผู้ใดใฝ่ภาวนารักษาตัว
เป็นดั่งบัวพ้นน้ำรับแสงสุรีย์
อันทานศีลภาวนาปัญญายศ
แท้ทั้งหมดเป็นมรรคาพาสุขศรี
ให้ถึงซึ่งนิพพานศานติคดี
ผู้ใดมีชีวันอรหันต์เอยฯ
********************************
12 กันยายน 2552 14:11 น.
ปติ ตันขุนทด
บทที่ 1
รอมถนัด สะอัดโศกร้อน หนักหน่วงข้อน ซะต๊อนอกอิด ก่อยฟังเต๊อะน้อง
ที่ข้องใจติด จักบิดเอาดวง คะปวงมาส้อม หลอนว่าต๋าเสย ลมเจยลวาดต้อม หอมดวงบานซว่านรส บุผาเผย บ่เหยเหือดงด หอมอ่อนอ้วนควรดม
จ๋าเผีบเก๊า สำเนาก๋อนก่ม ผสมแต๊กเตียม เรียมริร่ำสร้าง ก่อยฟังเต๊อะนาย
แม่ลานปักกว้าง ชาติบางตะพานแต่เชื้อ
(มีอีกยาว ได้มาจากเชียงใหม่ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาแก่ผู้ใฝ่รู้ เป็นภาษาเมือง หรือคำเมือง ช จะเป็น จ ต จะเป็น ท ลองๆอ่านดูนะครับ)