3 มีนาคม 2553 08:11 น.
ปติ ตันขุนทด
ไยทำกรรมด่าเย้ย เหยียดเขา
บอกบ่งตัวของเรา ต่ำแท้
คนดีย่อมขัดเกลา เกลสหม่น
ทุกข์ท่านเขาอาจแก้ อย่าได้ทับถม
ทุกข์ตรมตกที่บ้าน ของเขา ดีนา
ใจท่านหัวเราะเอา อิ่มแท้
ยามทุกข์ตกตัวเรา ขมขื่น
หาเพื่อนมามองแก้ แต่ได้คำหยาม
1 มีนาคม 2553 19:51 น.
ปติ ตันขุนทด
ไยทำคำเยาะเย้ย เหยียดเขา
บอกว่าตัวของเรา หยาบแท้
คนดีย่อมขัดเกลา เกลศหม่น
ทุกข์ท่านเขาอาจแก้ อย่าได้ไปถม
27 กุมภาพันธ์ 2553 21:35 น.
ปติ ตันขุนทด
อันว่าลาภยศบทสรรเสริญ
แม้นเพลิดเพลินมัวเมาจะเศร้าหมอง
เป็นมายาอย่าหลงทนงคนอง
จงคิดตรองตั้งสติดำริธรรม
อนิจจังทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง
เกียรติยศชื่อเสียงเพียงความขำ
คนว่าดีว่าร้ายได้ประจำ
แม้นหลงคำเจ็บอกเหมือนตกตาล
24 กุมภาพันธ์ 2553 23:02 น.
ปติ ตันขุนทด
เมื่อศาลาลูกขุน เรียกตัวศรีปราชญ์ไปให้การต่อสู้คดี กรณี สาดโคลน กระเด็นถูก พระสนมนางใน ซึ่งออกมาดูศรีปราชญ์เป็นนักโทษขนโคลนเลน และพูดจาเยาะเย้ย ศรีปราชญ์ให้การต่อ ตระลาการลูกขุนว่า
ผิดผีผียั้งละ ลาเพ
ผิดพระราชโปเล จะล้าง
เหนื่อยนักพักพอเท ถูกแม่ กระมังนา
ผิดพระราชกฤษฎีกาอ้าง เอ่ยไว้ ยังไฉน
***นี่เท่ากับศรีปราชญ์ต่อสู้ว่า ไม่ได้เจตนา โคลนมันกระเด็นไปถูกเอง ในโคลงของศรีปราชญกล่าวได้คมคายมากว่า.....ผิดผี ผียังละ เลิกลากัน เช่นผิดผีระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว ผิดพระราชโปเล จะฆ่ากันเชียวหรือ เพราะเหนื่อยจึงพัก พอเทโคลนจึงไปถูก ถ้าเช่นนี้เป็นการผิดกฏหมาย ก็ยังสงสัยอยู่
***ศรีปราชญ์นี่ น่าจะเป็นตำแหน่งกวีราชสำนัก ไม่น่าจะเป็นชื่อเฉพาะ และคนดำรงตำแหน่งนี้น่าจะเป็นชั้นเจ้า เพราะอะไร นางสนมจึงสนใจ ตอแย เยาะเย้ยถากถางยิ่งนัก
23 กุมภาพันธ์ 2553 16:06 น.
ปติ ตันขุนทด
ใจกลัวบาปท่วมท้น ติดตัว
จงอย่าทำหมองมัว ชั่วช้า
พูดทำจุ่งพันพัว ตรงต่อ กันนา
เวียนว่ายในโลกหล้า ท่านนั้นคนดี
สตรีมีเกลื่อนทั้ง ปฐพี
สวยแจ่มเป็นมาลี คู่หล้า
งามใดเท่าความดี แม่ก่อ กรรมนา
ดังกลิ่นสุคนธ์กล้า หื่นฟุ้งกำจาย