30 เมษายน 2552 04:29 น.
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
ทุกคราเวลาว่าง
มักอ้างว้างระหว่างจิต
ใจยังย้อนหลังคิด
รักสนิทติดในทรวง
แม้รู้เป็นเพียงฝัน
แต่ใจนั้นยังห่วงหวง
ยอมใจให้เธอลวง
รักสุดห้วงดวงฤทัย
เข้านอนถอนใจเพ้อ
ตื่นเช้าเก้อเพียงฝันใฝ่
จะอยู่แห่งหนใด
โอ้หัวใจฝักใฝ่เธอ
อดีตกรีดรู้สึก
แนบแน่นลึกและล้นเอ่อ
หลับไหลไห้ละเมอ
ปากบ่นเพ้อเสมอจินตน์
นี่ล่ะอนาถรัก
สุดห้ามหักมักถวิล
จะมองฟ้าหรือว่าดิน
ยังได้ยินเสียงเธอจา
อารมณ์สุดข่มห้าม
แม้ยิ่งปรามยิ่งดิ้นหา
ยากนักหนักอุรา
อนิจจารักระทม!
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๒๘ เมษายน ๒๕๕๒
28 เมษายน 2552 03:33 น.
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
บนม้านั่งตัวเก่าเราเคียงคู่
ฉันยังอยู่ทบทวนหวนความหลัง
เราพบเจอทักทายเปิดใจฟัง
ฤดียังคำนึงคิดถึงเธอ
ณ ถนนสายนี้ที่เคยคุ้น
มอบไออุ่นจากจิตชิดเสมอ
ชอบมาที่นี่ใช่ไหม ไถ่ถามเจอ
น้ำตาเอ่อสุขใจในเวลา
ร้านอาหารแห่งแรกแรกนัดพบ
ร่มรื่นสงบถ่ายภาพอาบยิ้มร่า
อีกอาหารมื้อนั้นมั่นติดตา
เราพูดจาหยอกเย้าอย่างเข้าใจ
แค่อยากรู้ถามย้ำจำหรือเปล่า
ระหว่างเราเฝ้าจำทำหวั่นไหว
พบกันเพียงสั้นสั้นพลันห่างไกล
จำได้ไหมความเก่าเราคุ้นเคย
วันนี้มีเพียงฉันนั่งหวั่นเพ้อ
คิดถึงเธอลำพังต่างเอื้อนเอ่ย
ถามไถ่จิตคิดต่อขอภิเปรย
กาลล่วงเลยเปลี่ยนไปฤาใจแปร
ทุกครั้งฉันผ่านมามรรคานี้
ยังคิดถึงคนดีที่เผื่อแผ่
พลางสะอื้นกลืนกล้ำช้ำดวงแด
เหลือเพียงแค่ความฝัน ณ กาลเวลา
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๒๗ เมษายน ๒๕๕๒
25 เมษายน 2552 05:20 น.
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
อยากจะกลับ ไทยแลนด์ แดนสยาม
มิถึงยาม ต้องอยู่ สู้ฝันใฝ่
สักวันคง หวนคืน ผืนดินไทย
ที่ห่างไกล จำจาก พลัดพรากมา
ด้วยฝันใฝ่ ในฝัน สักวันหนึ่ง
ล่วงลุถึง ฝั่งฝัน อันเสาะหา
จะหวนคืน ผืนดิน ถิ่นธารา
สู่ท้องนา บ้านไร่ เขตชายแดน
ยามนี้ไทย ร่มเย็น เห็นอีกหน
หลังวกวน วุ่นวาย เหนื่อยหน่ายแสน
กลับคืนมา อาทร มิคลอนแคลน
สามัคคี แน่นแฟ้น ภักดิ์แผ่นดิน
บรรพชน ก่อนเก่า เฝ้ารักษา
สู้อุตส่าห์ พิทักษ์ รักษาสิน
สละเลือด และเนื้อ เพื่อธานินทร์
สยามินทร์ เทวา เป็นพยาน
หวังใจว่า ครากลับ คืนรับขวัญ
จะเป็นวัน คืนสุข สนุกสนาน
ได้พบหน้า น้องพี่ ที่จากนาน
จะกราบกราน แม่พ่อ ก่อชีวัน
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๒๕ เมษายน ๒๕๕๒
16 เมษายน 2552 05:36 น.
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
อยู่ต่างถิ่นดินไทยได้ยินข่าว
ถึงเรื่องราวฉาวโฉ่ออกโตใหญ่
รู้ไปทั่วหัวหน้า (ที่ทำงาน) ถามเป็นนัย
เป็นอย่างไรไทยแลนด์แดนสุนทรีย์
ก้มหน้ายิ้มฝืนไว้มิให้รู้
ข้างในจิตอดอู้อยู่เหลือที่
เกินจะเอ่ยเผยคำทำนองนี้
ด้วยฤดียังรักภักดิ์ไทยแลนด์
อยากจะให้เรื่องราวข่าวสงบ
เลิกลารบผนึกเป็นปึกแผ่น
พัฒนาสยามยามขาดแคลน
ให้เนืองแน่นด้วยรักสามัคคี
เศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่แล้ว
ยังมิแคล้วรบอีกเกินหลีกหนี
อีกเมื่อไรไทยแลนด์แดนรมณีย์
จะกลับมาสุนทรีย์นิรันดร
แม้จะอยู่ไกลถิ่นแผ่นดินแม่
ห้วงดวงแดยังรักฝากนุสรณ์
พี่น้องเอ๋ยเคยเกื้อเอื้ออาทร
ไยตัดรอนกันเองเบิ่งอวดตน
ต่างชาติเขาดูถูกลูกสยาม
เหมือนประณามไทยเองเบ่งขัดสน
เศรษฐกิจตกต่ำสาละวน
สัปดนไทยมารบรากัน
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๑๔ เมษายน ๒๕๕๒
14 เมษายน 2552 05:10 น.
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
ปมประท้วง ทวงแค้น แสนสาหัส
สารพัด จัดกวน ป่วนน่าเบื่อ
อนาถแท้ ไทยเอ๋ย เคยจุนเจือ
กลับหลงเชื่อ คำยุ ปะทุชน
เมื่อไรหนอ พ่อหลวง ทรงหน่วงหนัก
จะได้พัก สบาย คลายหมองหม่น
ด้วยลูกหลาน ผลาญไทย ให้กังวล
ความสับสน วุ่ยวาย เมื่อไรจาง
สีเก่าผ่าน พลันเห็น เป็นสีใหม่
ก่อเหตุให้ ไทยวุ่น ชุลมุนอ้าง
ข้ารักชาติ ศาสนา กษัตริย์พลาง
แต่ทุกอย่าง ตอกย้ำ กลับทำลาย
เรียกประชา-ธิปไตย หรือใดนั่น
อ้างอัตตา ฟาดฟัน ปั่นป่วนหมาย
ถิ่นไทยแลนด์ แดนสงบ รบราราย
มุ่งหวังร้าย หรือไร ไทยจึงรบ
ขึ้นชื่อว่า สงคราม ยุคยามไหน
สุขที่ใด ไทยเทศ เหตุสงบ
ต่างเสียสูญ วุ่นวาย หลายแห่งพบ
หลังจุดจบ สงคราม เขตคามพัง
ใครชนะ แท้จริง หลิงดูเถิด
ต้องเตลิด หลบลี้ หนีไกลฝั่ง
บ้างก็ตาย วายชนม์ มิทนยั้ง
ได้โปรดชั่ง ใจเถิด เกิดเป็นคน
บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก
๑๓ เมษายน ๒๕๕๒