11 มกราคม 2556 00:31 น.
บุหรง
ถึงคุณที่เคยคิดถึง...
"คิดถึง" ใครนะช่างนิยามคำนี้ หากไม่ผูกพัน ไม่อาวรณ์ ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวต่อกันในอดีตที่ล่วงไปแล้ว ความรู้สึกคงไม่คิดถึงหรือนึกย้อนไปสู่ความรู้สึกเก่าๆ ที่ผ่านพ้นไป ซึ่งได้กลายเป็นอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน ฉันไม่ปฏิเสธดอกว่า "คิดถึง" ความคิดถึงของฉันเมื่อแรกที่มีให้คุณคือความตื่นเต้นปนกับความแปลกใจ อัศจรรย์ใจยิ่ง ทำไมหน่ะหรือก็เพราะฉันคิดถึงใคร ใครที่ฉันไม่รู้จัก แต่เหมือนผูกพันโดยไร้ซึ่งเหตุผลใดใด ฉันเก็บความสงสัยนี้ไว้ และเพียรหาคำตอบกับสิ่งที่ตนเป็น นานวันความคิดถึงนั้นโหดร้ายเหลือเกิน ความรู้สึกนั้นค่อยๆ เพาะบ่มอยู่ลึกๆ อยู่ใต้จิตสำนึกกลายเป็นดุจมีดกรีดใจให้เป็นแผลโดยผ่านพ้นคืนวันอันยาวนานหลายปี แต่แล้วฉันก็พบ "ความไม่มี ฉันไม่เคยมีสิ่งใดเลยความคิดถึง คิดถึงอะไรเล่า คน อักษร ทุกอย่างดูว่างเปล่า แต่ฉันก็ยังดื้อรั้นถกเถียงกันจิตสำนึกลึกๆ นั้นว่า มีสิ ฉันมี ฉันมี "ความรัก" แต่แล้วฉันก็ต้อง น้ำตาคลอเมื่อฉันพบว่า "ฉันไม่มี" ไม่มีสิ่งใดเลย ที่มีคือความว่างเปล่า ความคิดถึง ความรักที่ว่างเปล่า สิ่งเหล่านั้น ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย ฉันคิดไปเอง ในโลกจินตนาการของตัวเอง ที่ไม่เคยมีเขาคนนั้นอยู่จริง
..............................
คุณอาจคุ้นเคยกับผู้หญิงที่มั่นใจ และกล้าตัดสินใจ แต่มักอ่อนไหว คนนี้อยู่บ้าง ฉันค่อนข้างมั่นใจ แต่คุณคงลืมคิดไปว่าผู้หญิงในแบบฉันนั้นเด็ดขาดทีเดียวในเรื่องที่ตริตรองแล้วสำหรับตัวเอง ว่าควรทำอย่างไร?
คุณรู้ไหม? การรอคอยทรมานแค่ไหน? ฉันรอคอยมานานแต่ทุกสิ่ง "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" ความรู้สึกก็เช่นกัน ไม่มีอะไรมั่นคงได้ตลอดหรอก แต่ไม่ใช่เพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง แต่เป็นความสัจจ์ของตัวเองต่างหาก คุณจะเข้าใจมันหรือเปล่าฉันไม่กล้าเดา ในวันนั้นฉันบอกทุกสิ่งจากความรู้สึกที่เก็บมานาน แต่คุณไม่เห็นค่ามัน ฉันไม่กล้าคิด ไม่กล้าเดาว่าคุณยิ้มเยาะ เย้ยหยัน ฉันหรือเปล่า? เพราะถ้าคิดเช่นนั้นก็เท่ากับว่าฉันเองสิ้นศรัทธาต่อความรักตัวเอง ฉันดูหมิ่น ศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่วันนั้นก็ทำให้ฉันรู้กรายๆ ว่าถูกปฏิเสธโดยคุณบอกในสิ่งที่ฉันไม่ชื่นชอบ ไม่ชื่นชม ไม่นิยม ในสิ่งที่คุณเป็น ใช่ศรัทธาเราต่างกัน จากนั้นความเงียบงัน ความอื้ออึงก็อยู่รอบตัวของฉัน ที่ปราศจากคุณ แต่ความเริงรื่น สนุกสนาน สดใส ที่เป็นคุณกลับหมุนรอบคนอื่นอีกหลายคน เป็นครั้งแรกที่ฉันเสียน้ำตากับการกระทำของตัวเอง ที่ทำโดยมีเหตุแต่ไร้ผลที่คาดหวัง แต่มีผลที่เจ็บปวดมาทดแทนสิ่งที่คาดหวัง ใช่ฉันผิดหวังในตัวคุณ การรอคอยที่มีแต่ความเงียบงันเป็นเพื่อนนั้น มันทรมานสิ้นดี คุณคงไม่เข้าใจมันหรอก เพราะคุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรอคอยของฉันแม้นแต่น้อย แต่ยังคอยหว่านกลอักษรหลอกล่อใครต่อใครเรื่อยไป
ความเงียบงันที่เป็นเพื่อน ทำให้ฉันได้สติว่า ฉันควรสละความรู้สึกที่มีมายาวนานเกือบสิบปีนี้ออกไปซะ แล้วอยู่กับตัวเองด้วยความสุข รักตัวเอง และทำหน้าที่ ทำความดี คิดถึงสิ่งดีดีที่ตัวเองควรจะทำดีกว่าจะปล่อยตัวเองคิดถึง "ความไม่มี" นั้นอีก สิ่งที่ทำให้ฉันสละความรู้สึกที่มีต่อคุณไปได้ ไม่ใช่เพราะฉันพบใคร หรือมีใคร และเลือกใครดอก ฉันไม่เคยเลือกใคร ไม่เคยรักใคร แต่คุณทำให้ฉันสละออกไปได้เพราะอักษรของคุณทั้งนั้น ไม่ใช่ใครอื่นเลย เพราะยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้ว่าคำว่า "สุภาพบุรุษ" ไม่มีในผู้ชายอย่างคุณ และเป็นครั้งที่สองที่ฉันน้ำตาคลอที่หลงคิดมานานว่าคุณคือสิ่งที่ดีและงดงามที่ได้พบ ฉันเคยนิยามว่าคนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันทุกคนเปรียบเสมือนหนังสือวิชาการเล่มหนึ่งที่ต้องพยายามอ่านเพื่อเรียนรู้ แต่คุณไม่ใช่ คุณคือห้องสมุดที่กว้างใหญ่ ที่ฉันจะได้เรียนรู้ เรียนรู้ไม่รู้จบ ได้เรียนรู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้ และพยายามที่จะเรียนรู้อยู่ในห้องสมุดนั้น แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มี และมันก็ไม่มีจริงๆ มันว่างเปล่า..(สูญเปล่า)
ฉันบอกตรงนี้ ฉันไม่ต้องการคุณคืนมาฉันต้องการตัดบ่วงที่คล้องความรู้สึกของฉันมายาวนานเกือบสิบปีนี้ออกไปซะ ฉันหยิบยื่นมิตรภาพคืนให้เพื่อตัดเวรต่อกัน ไม่ใช่เพื่อกลับมาให้คนอย่างคุณล้อเล่นได้อีก คุณไม่ได้มันอีกแล้วขอให้เข้าใจ "สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ" คุณบอกเสมอๆ และคุณน่าจะเข้าใจได้ดีว่าความรู้สึกของคนเราก็เช่นกัน....
จดหมายทุกฉบับที่ผ่านมาฉันเขียนเพราะฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ แต่นั้นเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว "สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ" จริงไหม๊ จากนี้ไปฉันคงไม่เขียนถึงคุณอีก...เพราะฉันมั่นใจแล้วกับวันเวลาที่ผ่านมา ว่าคุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย
คุณปฏิบัติกับฉันเหมือนเช่นคนอื่นๆ ทุกอย่างฉันเพ้อไปเองและวันนี้ฉันเข้าใจดีแล้ว ฉันตัดความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันยังมีคุณให้คิดถึง แต่ ณ เวลานี้ฉันปล่อยวางความรู้สึกนั้นแล้ว ฉันคงต้องกล่าวคำว่า "ลาก่อน" จริงๆ เสียที
คงมีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ฉันจะให้คุณได้ ขอคุณรับไว้และอวยพรให้ฉันเช่นกัน
ขออวยพรให้คุณพบรักอย่างที่คุณต้องการ ขอให้คุณรักใครได้อย่างจริงใจ ขอให้คุณอย่าเสียใจ(เหมือนที่ฉันเป็น) ขอให้คุณมีความสุขรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น.
9 ธันวาคม 2555 21:03 น.
บุหรง
ถึงคุณที่แสนคิดถึง...
"คิดถึง" การเอ่ยปากบอกว่าคิดถึงนี่ช่างยากเย็นเสียกระไร หากบอกไปต่อหน้าคุณ ฉันคงไม่กล้าเอ่ยมันอย่างแน่นอน แต่นั่นมันเป็นความจริงจากก้นบึ้งหัวใจว่า "คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน" ฉันที่บอกได้ ณ ขณะนี้เพราะการเขียนออกจากใจผ่านตัวอักษรนั้นง่ายกว่าการเอ่ยคำออกจากปากนัก แต่ถ้าหากฉันได้สบตาพบหน้าคุณฉันจะใช้ความกล้าที่มาจากความรักที่สั่งสมไว้บอกคุณให้ได้ คาดว่าวันนั้นคงไม่มีวันมาถึงและไม่เกิดขึ้นจวบสิ้นลมหายใจของฉันและคุณ.
คุณคงสงสัย และรวมไปถึงผู้คนที่ผ่านมาอ่านเจอ คงคิดสงสัยในฉัน...ว่านี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงหรือไม่ นั่นสิจริงหรือไม่ คงเหมือนที่ฉันสงสัยว่าจดหมายรักของยาขอบและวนิดานั้นคนทั้งคู่เขาเขียนจาก ความรู้สึกที่มีต่อกันด้วยความรักแต่ถูกบีบไว้ด้วยเส้นด้ายของศีลธรรม คือความรู้สึกของเขาจริงๆ หรือทำไมมันช่างบีบคั้นหัวใจฉัน เมื่อได้อ่านจดหมายรักของยาขอบทำให้หัวใจฉันพลิ้วไหวไปกับสำบัดสำนวน ที่อ่านแล้วเหมือนจวนเจียนจะขาดใจตามและทำให้คิดถึงจดหมายรักของ "เรา" อืม...ฉันคิดว่าเป็นจดหมายรัก คุณล่ะคิดเหมือนฉันไหม นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ฉันยังคงสงสัยและไม่แน่ใจ แต่ฉันมั่นใจว่าทุกตัวอักษรของฉันไม่ได้เต้นระบำบนเส้นด้ายศีลธรรมอย่างแน่นอน
อีกอย่างหนึ่งที่จดหมายรักของ "เรา" ไม่เหมือนของยาขอบเพราะเทคโนโลยีล้ำสมัย เราไม่ต้องมานั่งคัดลายมือให้อ่านง่าย ไม่ต้องจับปากกาให้ปลายจดจ่อเน้นลงบนกระดาษ แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสแป้นอักษรบอกเล่าเรื่องราวของหัวใจ และไม่ต้องเสียเวลาไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์แล้วรอลุ้นว่าบุรุษไปรษณีย์จะส่งถึงเมื่อใด ในยุคที่เทคโนโลยี ล้ำสมัยเราส่งโดยผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราเรียกว่า "Email" ส่งถึงรวดเร็ว แต่ในทุกครั้งฉันมักหวั่นใจว่าระบบจะขัดข้องจนไม่อาจนำอักษรจากใจส่งไปถึงอีกใจ กลัวจะไปตกอยู่กลางอากาศที่ไหนสักแห่ง ซึ่งก็มีมันเคยเกิดขึ้น แต่ฉันก็แอบสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือคุณเองไม่ยอมรับว่าได้รับมันแล้ว.
เมื่อใดอ่านจดหมายของคุณหัวใจฉันมักเต้นผิดจังหวะ ฉันคอยเฝ้าสังเกตจังหวะของมันทุกครั้งที่สัมผัสอักษรของคุณ ใหม่ๆ ในช่วงแรกๆ ก็เต้นผิดจังหวะแต่การเต้มจังหวะต่างกัน ช่วงแรกนั้นจังหวะสนุกสนานเหมือนเราฟังเพลงเร้า แต่พอเวลาผ่านหลายปีจังหวะการเต้นของหัวใจกลับเปลี่ยนไป เปรียบดุจพลิ้วไหวอยู่กลางฟลอร์เต้นรำที่แสนโรแมนติกรื่นรมย์ เบิกบาน หัวใจฉุ่มฉ่ำในถ้อยอักษรที่อ่านพลิ้วไหวในหัวใจนี่หรือที่เขาเรียกว่า "หลงรักในอักษร" คงจริงแน่แท้แล้ว ฉันอยากจะบอกคุณฉันไม่เคยหลอกใจตัวเองว่า "รัก" และยอมรับว่าใช่ มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณว่า "ความรัก ของคนคนหนึ่งไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย และไม่ใช่เกิดกับใครก็ได้ในโลกนี้" สำหรับฉบับนี้ฉันคงเขียนแต่เพียงนี้ ฉันต้องเดินทางไว้ฉันคิดถึงคุณจนทนไม่ไหวฉันจะมา "กระซิบคำ" ที่นี่ เพื่อบอกคุณในฉบับหน้านะคะ
24 พฤศจิกายน 2555 21:49 น.
บุหรง
"คนของหัวใจ" ของฉัน
คุณรู้ไหม ว่าการคิดถึงมันช่างทรมานเหลือเกิน แต่ถึงแม้จะทรมานเพียงใหนฉันก็ต้องทนให้ได้ในความทรมานที่อยู่บนความสุขกับการได้คิดถึงคนที่รักของหัวใจคุณคงหัวเราะฉันสินะ อาจไม่ใช่เพียงแค่คุณที่จะหัวเราะฉัน แม้แต่เพื่อนสนิทของฉันและผู้คนที่กลายผ่านเข้ามาอ่านอักษรที่ฉันเรียงร้อยถ้อยออกจากห้วงคำนึงเพื่อถ่ายทอดความคิดถึงไปยังคุณ ฉันมิได้หวั่นเลยเพราะมันคือความบริสุทธิ์ของความรู้สึกที่ฉันอยากถ่ายทอดสู่คุณ แต่คุณจะซึมซับซาบซึ้งเพียงไหน? หรือใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรนั้นฉันมิได้คิดหรอกสุดแล้วแต่ใจใครจะรองรับสัมผัสความรู้สึกที่ละมุนนี้ สำหรับคุณฉันคิดว่าคงไม่ เพราะคุณไม่เคยจริงจังกับอักษรหรือถ้อยคำของฉันแต่ไรมาและคุณเคยเตือนสติฉันว่าอย่าจริงจังกับตัวอักษร มันจึงเป็นเหตุผลที่อักษรของฉันคงไม่มหัศจรรย์ในหัวใจคุณดอก หรือในคนบางคนที่ได้อ่านแล้วอาจรู้สึกอยากหัวเราะเยาะหยัน พร้อมกับสมเพช ในบางคนอาจซาบซึ้งไปกับถ้อยรำพันที่ถักทอทาบถึงคุณ ฉันไม่แคร์ดอกว่ามันส่งผลอย่างไร? แล้วแต่ใจใครจะคิดเถิด.
ความมหัศจรรย์ของถ้อยคำ หรือบทกลอนที่ได้สัมผัสนั้นมันช่างเหลือเชื่อจริงๆ มันทำให้เพ้อฝัน มันทำให้ซาบซึ้ง ทำให้ตื่นเต้น สามารถเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะไปได้เชียว และการที่ฉันได้สัมผัสกับถ้อยคำผ่านอักษรมาเนิ่นนานมันทำให้ฉันติดอยู่กับวังวน ความรู้สึกเพ้อฝัน เพ้อเจ้อไปจนเกือบจะลืมความเป็นตัวตนของตัวเองไปเสียแล้ว และมันทำให้ฉันหลงรักตัวอักษรของคุณเข้าให้แล้วและเก็บไว้ในใจเรื่อยมา คุณคงแปลกใจสินะ หรือไม่อาจไม่แปลกใจก็ได้ คุณอยากรู้ไหม? ฉันจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ความละเอียดอ่อนของข้อความหรือถ้อยคำบ่อยครั้งที่หัวใจอันหยาบของฉันได้สัมผัสความห่วงใย ความอ่อนโยน ไม่รู้ว่าจะมีใครสัมผัสได้เหมือนอย่างที่ฉันได้สัมผัสมันไหม๊ นั่นสิหรือทุกคนสัมผัสได้และรู้สึกได้เหมือนๆ กันทุกคน หรือเจตนาถ้อยของคุณประสงค์จะให้ทุกคนสัมผัสได้เช่นนั้น ใช่ฉันรู้สึกทุกครั้งที่ได้อ่านและสัมผัสถ้อยของคุณเหมือนหัวใจอันหยาบนั้นมันละเอียดขึ้น มันอ่อนหวานขึ้น มันอ่อนโยน โลกช่างดูสดใสทุกครั้ง หายเหนื่อยล้าทุกครั้งที่ฉันได้สัมผัสถ้อยคำที่คุณส่งถึงฉัน ฉันเชื่อในถ้อยคำที่ได้เห็นด้วยตาและใช้ใจสัมผัสยิ่งนานวันยิ่งทำให้หัวใจของฉัน อ่อนไหว อ่อนโยนมากขึ้น และอ่อนหวานกับถ้อยของคุณจนใครใครมักแปลกใจและคอยเย้าเสมอๆ ว่าฉันมีความรักแน่แล้ว แต่ฉันกลับปฏิเสธว่าฉันไม่ได้มีความรักหรอก แต่ฉันมีเรื่องราวดีดี กัลยาณมิตรดีดี เพราะฉันไม่สามารถค้นหรือสัมผัสถึงหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของถ้อยคำเหล่านั้นที่เขาส่งผ่านมาให้ได้สัมผัส
ครั้งหนึ่งนั้น ฉันเคยผิดหวังกับถ้อยคำที่คุณพยายามบอกฉัน เหมือนเตือนว่าฉันกำลังจะปล่อยสายป่านของใจให้หลุดลอยสูง ถ้าหากมันหลุดไปมันคงไม่มีวันกลับคืนมา ใช่มันเป็นของแน่อยู่แล้ว อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นไม่มีวัน หรือไม่มีสิ่งใดทดแทนหรือสร้างขึ้นใหม่แล้วทำให้เหมือนดังเดิมเป็นของเดิมได้ ความรู้สึกจิตใจของมนุษย์อย่างฉันและคุณก็เช่นกัน ไม่มีวันจะเหมือนเดิมได้ ครั้งนั้นฉันรู้สึกปวดร้าวและอาการคล้ายคนอกหักถูกปฏิเสธความรัก ถูกทอดทิ้ง มันอ้างว้างโดดเดี่ยวเหนือคำบรรยาย มันทำให้ฉันสับสนเพียงลำพังในโลกที่มืดมนนั้น ฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่าฉันเป็นอะไร ได้แต่ถามตัวเองวนซ้ำๆ "เป็นอะไรไปเล่าหัวใจเจ้า" เพราะมันรู้สึกเหนื่อย รู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกเหมือนแสงสว่างดับมืดลงไปในทันใด เปรียบได้เหมือนใจจวนเจียนจะขาด แต่ก็ไม่ขาดกลับอัดอั้นแน่นสุมอยู่ในอก ไม่อาจบอกเล่า เอ่ยกล่าวระบายให้ใครรับฟังได้ แต่ฉันก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ ความรู้สึกหัวใจของฉันเพราะบ่มความรู้สึกเหล่านั้นเรื่อยมา จากนั้นเป็นต้นมาฉันค่อยค่อยละเลียดอ่านทุกถ้อยของคุณ ทุกตัวอักษรฉันใช้หัวใจที่ละเอียดขึ้นที่คุณช่วยกล่อมเกลามาค่อยค่อยอ่านทุกถ้อยทุกตัวอักษรของคุณที่ส่งถึงฉันและใครใคร มันทำให้พบและเข้าใจ ในเจตนาของคุณ แต่การจะถอนใจหรือตัดใจจากสิ่งที่รักที่หลงไปแล้วนั้นยากนัก เหมือนเราได้เสพสารเสพติดเข้าไป แต่ฉันก็ต้องพยายามเพื่อช่วยเหลือ หัวใจที่อ่อนหวั่นให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อนนั้น
จากนั้นประมาณสองสามปี ฉันก็ทำให้ใจนิ่งได้มากยิ่งกว่าเดิมผลกระทบจากการที่เข้าไปอยู่ในวังวนหลงรักตัวอักษรของคุณทำให้มีผลกระทบ กับการดำเนินชีวิตของฉันพอสมควร มันทำให้ฉันไม่สามารถรักคนอื่นได้ ทำให้ฉันปฏิเสธคนดีดีที่เข้ามาในชีวิต อาจดูตลก ไม่ตลกหรอกนะ ฉันพยายามที่จะรักคนอื่น แต่ฉันก็ยังคิดถึงคุณ ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหายจากอาการดังกล่าวโดยการสวดมนต์แผ่เมตตา ขอขมาคุณอยู่เสมอๆ จนฉันร้องไห้เพราะเกลียดสิ่งที่ตัวเองเป็น จนมาถึงปัจจุบันฉันไม่เหลือใครและไม่สามารถรักใครได้ "หัวใจผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว" ฉันเขียนจดหมายขึ้นไม่ใช่เพื่อโทษหรือกล่าวผิด หรือบอกว่าเป็นความผิดใครดอก "หัวใจฉันเองที่ผิด ที่ไม่หนักแน่นปล่อยให้ความรักเกิดขึ้น"
ฉันรักการเขียน...ฉันเลิกไม่ได้ที่จะเขียนฉันอาจต้องเปลี่ยนแนวการเขียน "ยอดรัก" คนของหัวใจฉันคุณยังคงเป็นความทรงจำและเรื่องราวที่ดีดีในชีวิต
คุณยังคงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และยังคงเป็น "ห้องสมุดที่กว้างใหญ่" สำหรับฉัน ไว้ฉันจะเขียนจดหมายถึงคุณในฉบับหน้า แล้วพบกันค่ะคนของหัวใจ...
3 พฤศจิกายน 2555 19:21 น.
บุหรง
ถึง jupiter
...........สวัสดีจ๊ะ jupiter นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธอ
นานเท่าใดแล้วนะที่ฉันไม่ได้เขียนเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เธออ่าน ฉันหวังว่าเธอคงสบายดีและมีความสุขทุกวินาทีในการก้าวดำเนินไปบนเส้นทางชีวิต เธอคงมีความสุขดี คงไม่เหงา ไม่เศร้า ไม่เดียวดายสินะ ขอเพียงเธอมีความสุขดีฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว สำหรับฉันหรอ? ฉันมีความสุขดีถึงดีมากเลยล่ะ ฉันยืนได้มั่นคงหนักแน่นกว่าที่ผ่านมามาก ทุกย่างก้าวของฉันเพียงได้ทำความดีสำเร็จในทุกวันที่ผ่านก็คือความสุขสำหรับฉันแล้ว แต่ฉันอยากบอกเธอว่าความสุขอีกอย่างหนึ่งของฉันก็คือการที่ฉันได้คิดถึงเธอ jupiter...
.............เมื่อครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ในช่วงค่ำวันที่ 13 มี.ค.55 และดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงอยู่เคียงกันจนถึงเวลา 21.30 น. แล้วตกลับขอบฟ้านั้น เหมือนเป็นปริศนาให้ฉันขบคิด มันทำให้ฉันตื่นเต้นไปพร้อมๆ กับมีความเศร้าลึกๆ ในใจด้วย เวลานั้นมันช่างสั้นเหลือเกิน ถ้าดาวสองดวงอยู่ค้างฟ้าตราบนิรันดร์คงดีนะ ใช่แล้ว Jupiter ฉันชอบมองดูเธอ เวลาใดที่ฉันเหนื่อยกับปัญหาฉันมักจะมองหาเธอทุกครั้งไป เพราะเธอจะคอยสบตากับฉันขอเพียงเท่านี้ฉันก็อุ่นใจแล้ว และฉันคิดว่าคงทำได้เพียงแค่มองเห็นเธอไกลๆ อยู่ตรงนี้ตลอดไปจวบสิ้นลมหายใจ...
...............วันเวลาผ่านไปดุจสายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับ มันคือความจริงเป็นธรรมชาติ ธรรมดาของโลก ฉันจึงพยายามทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด ฉันตั้งปณิธานไว้ว่า "ฉันจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด" ฉันขอบคุณเธอนะ เธอก็มีส่วนทำให้ฉันได้มาอยู่ที่นี่และได้ทำหน้าที่นี้ ขอบคุณเธออีกครั้ง ฉันเข้มแข็งขึ้นมาก จนไม่เหลือภาพ
ผู้หญิงอ่อนแออ่อนไหวคนนั้นแล้ว ฉันอยากให้เธอดีใจที่ฉันเข้มแข็งและเด็ดขาดกับการดำเนินชีวิตที่เลวร้าย และจัดการทุกปัญหาได้ด้วยสติปัญญา พร้อมกล้าเผชิญโดยไม่หวั่นไหวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
...................ที่ฉันมานั่งเขียนยาวๆ แบบนี้ (ปกติก็ไม่เคยเขียนสั้นเนอะ เพราะฉันชอบเขียนมากกว่าพูด) เพราะฉันมองเห็นดาวจึงทำให้คิดถึงเธอ ก็ไม่รู้ว่าทำกรรม หรือบุญใดไว้จึงทำให้ฉันมีใจรักที่บริสุทธิ์มอบให้เธอ แต่ฉันเองก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่าถ้าหากเราได้เดินร่วมทางกันฉันจะรักษาความรู้สึกที่บริสุทธิ์นี้ได้ตลอดรอดฝั่งไหม? มันจึงเป็นสิ่งที่ดีแล้วขณะนี้ ที่ฉันรู้สึกมอบความรู้สึกบริสุทธิ์นี้ไว้ตรงนี้ และให้คงอยู่เช่นนี้ ถือว่าเป็นกำไร ว่าครั้งหนึ่งฉันมีความรักที่บริสุทธิ์ไม่ได้หวังสิ่งใด ไม่อยากได้มา ไม่ต้องการครอบครอง ไม่ต้องการจับต้องมัน ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันรู้ว่า "รักบริสุทธิ์ รักที่ปรารถนาดี" เป็นอย่างไร ขอให้เธอมีความสุขในทุกเวลานะ Jupiter...
ปล.จดหมายฉบับนี้ฉันตั้งใจเขียนมันด้วยความคิดถึงที่แนบมาให้เธอ ไม่ต้องตอบจดหมายฉบับนี้นะ "ตัวจริง หรือตัวปลอม" ณเวลานี้ไม่สำคัญแล้วฉันไม่ต้องการ และคงไม่ฝืนโชคชะตา และกุศลบุญที่ทำให้เราเป็นได้เพียงเท่านี้
คิดถึงนะ/นกยูง
30 กันยายน 2555 22:42 น.
บุหรง
การได้รู้จักใครสักนับว่าเป็นวาสนา...
ถ้าพบพานนั้นนับว่าบุพเพนำพามาให้พบพานอาจเป็นเพราะในชาติอันใกล้เคยร่วมทำบุญตักบาตรไม่ว่าหญิงหรือชาย จึ่งทำให้ได้มาพบพานสร้างรอยกรรมไว้แก่กันอีกในชาติภพปัจจุบัน บ่อยครั้งที่มักสงสัยมีคนเป็นล้านคนแต่ไม่อาจบอกเหตุผลได้ทำไม? ต้องเป็นคนนี้ที่ต้องพบ ต้องเจอ ต้องรู้จัก แล้วคนอีกในจำนวนหนึ่งล้านที่เหลือนั้น ทำไมจึงไม่รู้ไม่คุ้นเคย ไม่มีผลต่อการทำปฏิกิริยาเคมีใดๆ ในร่างกาย
แต่เมื่อได้รู้จักหรือเริ่มเรียนรู้ใครสักคน เราๆ มักคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ โดยลืมไปว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของเขาที่จะมีอิทธิพลชักนำได้ และเมื่อพบว่าสิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เป็นนั้น แตกต่างกันสิ้นเชิง จึงพยามบอกตัวเองอยู่เสมอๆ ว่า "อย่าคาดหวังให้ใครเป็นดั่งใจเรา" และบอกใครทุกคนว่า "อย่าคาดหวังใดๆ กับฉัน" เพราะฉันไม่อาจเป็นทุกอย่างที่ใครต้องการได้
เพียงแต่ขอร้องไว้ใครก็ตามที่เขามาหรือเพียงผ่านเข้ามา เพราะคนเราเพียงผ่านมาเพื่อผ่านไปอย่าสร้างเกาะหรือกำแพงซ่อนอะไรไว้เลย อีกไม่นานก็จากกันไปแล้ว ได้โปรดอย่ามาสร้างภาพลวง อย่ามาทำให้สับสน อย่ามาทำเพียงเพื่อลองดีหรือลองใจ เพราะหากเมื่อใดที่รู้ความจริง หัวใจที่เด็ดเดี่ยวเคยมีมาแต่เดิมมักจะตัดออกไปจากระบบไม่ว่าอย่างไรก็อภัยให้ทุกอย่าง
เพียงแต่อยากบอกว่าเมื่อใดที่หัวใจที่เด็ดเดี่ยวนี้ตัดสินไปแล้ว ก็เหมือนกับเวลาที่เดินไปเปรียบดั่งสายน้ำ เพราะสายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ คนเราก็คงเหมือนกันเดินไปอย่างเด็ดเดี่ยว คงไม่อาจเดินกลับหลังหันเพื่อมารับฟัง รับรู้คำโกหกหลอกลวงได้อีก แม้ว่าหนทางข้างหน้านั้น จะมืดหม่น มืดมิดไร้แสงสว่างก็ตาม หรือแม้จะเป็นสุดขอบเหวก็คงไม่ย้อนกลับไปได้อีก...
อาจจะมีบ้างบางครั้งหันหลังกลับไปมอง แต่เปล่าเลยยังไงก็ไม่เดินย้อนกลับไปเพียงแต่อยากเหลียวกลับไปมองว่าคนที่อยู่ข้างหลังนั้นยังมีความสุขดี แต่คงไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิน บางสิ่งอาจทดแทนบางสิ่งได้ บางอย่างอาจทดแทนบางอย่างได้ หรือบางสิ่งอาจทดแทนบางอย่างได้ เวลาเมื่อหมดไปย่อมไม่ได้คืน เราทุกคนจึงอยู่กับปัจจุบันตรงหน้าและตั้งสติเดินไปพร้อมกับวันเวลา
ใช่..."ฉัน" เคยหวังว่าคุณคือที่สุด และดีที่สุดนั่นเป็นภาพในใจเสมอมาและพยายามหลอกตัวเองเสมอมาว่าคุณจะไม่ทำร้ายฉัน แต่เปล่าเลย เพราะยิ่งนานวันมันยิ่งชัดเจน พอทุกอย่างเริ่มชัดมันทำให้ฉันรู้สึกกลัว กลัวสิ่งที่คุณเป็น ความศรัทธา ความเชื่อมั่น ที่ฉันเคยมีให้คุณมันค่อยเลือนไปเรื่อยๆ จางไปเรื่อย ก่อนนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการเรียนรู้กับการอ่านหนังสือ(อ่านคุณ) แต่ทว่า.... หนังสือเล่มนี้ที่ฉันอ่านนานวันยิ่งทำให้ฉันไม่อยากรู้ตอนจบของ ฉันจึงปิดหนังสือเล่นนี้ซะทั้งที่ยังอ่านได้เพียงไม่กี่หน้า จำเป็นต้องเลิดปิดก่อนที่ฉันจะเริ่มหมดศรัทธาในตัวบุคคล แต่ในขณะเดียวกันฉันเริ่มเห็นบางอย่างพร้อมกับทำให้ฉันรู้ใจตัวเอง ความคิดของคนเราไม่มีผิดไม่มีถูกแต่ควรมีขอบเขต แสดงอย่างเหมาะสมตามกาล ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
ใช่....ฉัน "หวัง"
หวังว่า "คุณจะไม่เป็นเช่นภาพที่ฉันเห็น" เพราะฉันยังคงเชื่อความรู้สึกแรกตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
ขอให้คุณโชคดี...และมีความสุขอย่างแท้จริงกับสิ่งที่คุณพยายามสร้างมันเพื่อเป็นเกาะกำบัง...