11 มกราคม 2556 00:31 น.

จดหมายรัก...ฉบับสุดท้าย

บุหรง



ถึงคุณที่เคยคิดถึง...

"คิดถึง" ใครนะช่างนิยามคำนี้  หากไม่ผูกพัน ไม่อาวรณ์ ไม่มีสิ่งใดข้องเกี่ยวต่อกันในอดีตที่ล่วงไปแล้ว  ความรู้สึกคงไม่คิดถึงหรือนึกย้อนไปสู่ความรู้สึกเก่าๆ  ที่ผ่านพ้นไป ซึ่งได้กลายเป็นอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน  ฉันไม่ปฏิเสธดอกว่า "คิดถึง" ความคิดถึงของฉันเมื่อแรกที่มีให้คุณคือความตื่นเต้นปนกับความแปลกใจ อัศจรรย์ใจยิ่ง ทำไมหน่ะหรือก็เพราะฉันคิดถึงใคร  ใครที่ฉันไม่รู้จัก แต่เหมือนผูกพันโดยไร้ซึ่งเหตุผลใดใด  ฉันเก็บความสงสัยนี้ไว้  และเพียรหาคำตอบกับสิ่งที่ตนเป็น นานวันความคิดถึงนั้นโหดร้ายเหลือเกิน   ความรู้สึกนั้นค่อยๆ  เพาะบ่มอยู่ลึกๆ อยู่ใต้จิตสำนึกกลายเป็นดุจมีดกรีดใจให้เป็นแผลโดยผ่านพ้นคืนวันอันยาวนานหลายปี  แต่แล้วฉันก็พบ "ความไม่มี  ฉันไม่เคยมีสิ่งใดเลยความคิดถึง คิดถึงอะไรเล่า  คน อักษร  ทุกอย่างดูว่างเปล่า  แต่ฉันก็ยังดื้อรั้นถกเถียงกันจิตสำนึกลึกๆ นั้นว่า มีสิ ฉันมี  ฉันมี "ความรัก"  แต่แล้วฉันก็ต้อง  น้ำตาคลอเมื่อฉันพบว่า "ฉันไม่มี"  ไม่มีสิ่งใดเลย ที่มีคือความว่างเปล่า ความคิดถึง ความรักที่ว่างเปล่า  สิ่งเหล่านั้น  ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย  ฉันคิดไปเอง  ในโลกจินตนาการของตัวเอง  ที่ไม่เคยมีเขาคนนั้นอยู่จริง



..............................letter-13_zpsa8d6e219.jpg


คุณอาจคุ้นเคยกับผู้หญิงที่มั่นใจ และกล้าตัดสินใจ  แต่มักอ่อนไหว คนนี้อยู่บ้าง ฉันค่อนข้างมั่นใจ  แต่คุณคงลืมคิดไปว่าผู้หญิงในแบบฉันนั้นเด็ดขาดทีเดียวในเรื่องที่ตริตรองแล้วสำหรับตัวเอง  ว่าควรทำอย่างไร?





คุณรู้ไหม? การรอคอยทรมานแค่ไหน?  ฉันรอคอยมานานแต่ทุกสิ่ง  "เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  ดับไป"  ความรู้สึกก็เช่นกัน  ไม่มีอะไรมั่นคงได้ตลอดหรอก  แต่ไม่ใช่เพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง  แต่เป็นความสัจจ์ของตัวเองต่างหาก  คุณจะเข้าใจมันหรือเปล่าฉันไม่กล้าเดา  ในวันนั้นฉันบอกทุกสิ่งจากความรู้สึกที่เก็บมานาน  แต่คุณไม่เห็นค่ามัน  ฉันไม่กล้าคิด  ไม่กล้าเดาว่าคุณยิ้มเยาะ  เย้ยหยัน  ฉันหรือเปล่า?    เพราะถ้าคิดเช่นนั้นก็เท่ากับว่าฉันเองสิ้นศรัทธาต่อความรักตัวเอง  ฉันดูหมิ่น ศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่วันนั้นก็ทำให้ฉันรู้กรายๆ  ว่าถูกปฏิเสธโดยคุณบอกในสิ่งที่ฉันไม่ชื่นชอบ  ไม่ชื่นชม  ไม่นิยม ในสิ่งที่คุณเป็น ใช่ศรัทธาเราต่างกัน  จากนั้นความเงียบงัน  ความอื้ออึงก็อยู่รอบตัวของฉัน  ที่ปราศจากคุณ  แต่ความเริงรื่น สนุกสนาน สดใส  ที่เป็นคุณกลับหมุนรอบคนอื่นอีกหลายคน  เป็นครั้งแรกที่ฉันเสียน้ำตากับการกระทำของตัวเอง  ที่ทำโดยมีเหตุแต่ไร้ผลที่คาดหวัง  แต่มีผลที่เจ็บปวดมาทดแทนสิ่งที่คาดหวัง  ใช่ฉันผิดหวังในตัวคุณ  การรอคอยที่มีแต่ความเงียบงันเป็นเพื่อนนั้น  มันทรมานสิ้นดี  คุณคงไม่เข้าใจมันหรอก เพราะคุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรอคอยของฉันแม้นแต่น้อย แต่ยังคอยหว่านกลอักษรหลอกล่อใครต่อใครเรื่อยไป
 




ความเงียบงันที่เป็นเพื่อน  ทำให้ฉันได้สติว่า ฉันควรสละความรู้สึกที่มีมายาวนานเกือบสิบปีนี้ออกไปซะ  แล้วอยู่กับตัวเองด้วยความสุข  รักตัวเอง และทำหน้าที่  ทำความดี  คิดถึงสิ่งดีดีที่ตัวเองควรจะทำดีกว่าจะปล่อยตัวเองคิดถึง "ความไม่มี"  นั้นอีก   สิ่งที่ทำให้ฉันสละความรู้สึกที่มีต่อคุณไปได้    ไม่ใช่เพราะฉันพบใคร  หรือมีใคร และเลือกใครดอก ฉันไม่เคยเลือกใคร  ไม่เคยรักใคร  แต่คุณทำให้ฉันสละออกไปได้เพราะอักษรของคุณทั้งนั้น ไม่ใช่ใครอื่นเลย  เพราะยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้ว่าคำว่า "สุภาพบุรุษ"  ไม่มีในผู้ชายอย่างคุณ  และเป็นครั้งที่สองที่ฉันน้ำตาคลอที่หลงคิดมานานว่าคุณคือสิ่งที่ดีและงดงามที่ได้พบ  ฉันเคยนิยามว่าคนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉันทุกคนเปรียบเสมือนหนังสือวิชาการเล่มหนึ่งที่ต้องพยายามอ่านเพื่อเรียนรู้  แต่คุณไม่ใช่ คุณคือห้องสมุดที่กว้างใหญ่  ที่ฉันจะได้เรียนรู้  เรียนรู้ไม่รู้จบ  ได้เรียนรู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้  และพยายามที่จะเรียนรู้อยู่ในห้องสมุดนั้น  แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่ไม่มี  และมันก็ไม่มีจริงๆ  มันว่างเปล่า..(สูญเปล่า)





ฉันบอกตรงนี้  ฉันไม่ต้องการคุณคืนมาฉันต้องการตัดบ่วงที่คล้องความรู้สึกของฉันมายาวนานเกือบสิบปีนี้ออกไปซะ  ฉันหยิบยื่นมิตรภาพคืนให้เพื่อตัดเวรต่อกัน  ไม่ใช่เพื่อกลับมาให้คนอย่างคุณล้อเล่นได้อีก  คุณไม่ได้มันอีกแล้วขอให้เข้าใจ  "สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ"  คุณบอกเสมอๆ  และคุณน่าจะเข้าใจได้ดีว่าความรู้สึกของคนเราก็เช่นกัน....




จดหมายทุกฉบับที่ผ่านมาฉันเขียนเพราะฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  แต่นั้นเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้ว "สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ"  จริงไหม๊  จากนี้ไปฉันคงไม่เขียนถึงคุณอีก...เพราะฉันมั่นใจแล้วกับวันเวลาที่ผ่านมา ว่าคุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลย  
คุณปฏิบัติกับฉันเหมือนเช่นคนอื่นๆ   ทุกอย่างฉันเพ้อไปเองและวันนี้ฉันเข้าใจดีแล้ว  ฉันตัดความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว   เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันยังมีคุณให้คิดถึง  แต่ ณ เวลานี้ฉันปล่อยวางความรู้สึกนั้นแล้ว   ฉันคงต้องกล่าวคำว่า "ลาก่อน"  จริงๆ  เสียที


คงมีแค่สิ่งนี้สิ่งเดียวที่ฉันจะให้คุณได้  ขอคุณรับไว้และอวยพรให้ฉันเช่นกัน
ขออวยพรให้คุณพบรักอย่างที่คุณต้องการ  ขอให้คุณรักใครได้อย่างจริงใจ  ขอให้คุณอย่าเสียใจ(เหมือนที่ฉันเป็น)  ขอให้คุณมีความสุขรักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น. 
				
9 ธันวาคม 2555 21:03 น.

จดหมายรัก...เปิดผนึก III

บุหรง

latter.jpgถึงคุณที่แสนคิดถึง...
"คิดถึง"  การเอ่ยปากบอกว่าคิดถึงนี่ช่างยากเย็นเสียกระไร   หากบอกไปต่อหน้าคุณ  ฉันคงไม่กล้าเอ่ยมันอย่างแน่นอน  แต่นั่นมันเป็นความจริงจากก้นบึ้งหัวใจว่า "คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน"   ฉันที่บอกได้ ณ ขณะนี้เพราะการเขียนออกจากใจผ่านตัวอักษรนั้นง่ายกว่าการเอ่ยคำออกจากปากนัก  แต่ถ้าหากฉันได้สบตาพบหน้าคุณฉันจะใช้ความกล้าที่มาจากความรักที่สั่งสมไว้บอกคุณให้ได้  คาดว่าวันนั้นคงไม่มีวันมาถึงและไม่เกิดขึ้นจวบสิ้นลมหายใจของฉันและคุณ.  





คุณคงสงสัย  และรวมไปถึงผู้คนที่ผ่านมาอ่านเจอ  คงคิดสงสัยในฉัน...ว่านี่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงหรือไม่   นั่นสิจริงหรือไม่  คงเหมือนที่ฉันสงสัยว่าจดหมายรักของยาขอบและวนิดานั้นคนทั้งคู่เขาเขียนจาก   ความรู้สึกที่มีต่อกันด้วยความรักแต่ถูกบีบไว้ด้วยเส้นด้ายของศีลธรรม  คือความรู้สึกของเขาจริงๆ หรือทำไมมันช่างบีบคั้นหัวใจฉัน  เมื่อได้อ่านจดหมายรักของยาขอบทำให้หัวใจฉันพลิ้วไหวไปกับสำบัดสำนวน   ที่อ่านแล้วเหมือนจวนเจียนจะขาดใจตามและทำให้คิดถึงจดหมายรักของ "เรา"  อืม...ฉันคิดว่าเป็นจดหมายรัก  คุณล่ะคิดเหมือนฉันไหม  นี่ก็เป็นอีกอย่างที่ฉันยังคงสงสัยและไม่แน่ใจ  แต่ฉันมั่นใจว่าทุกตัวอักษรของฉันไม่ได้เต้นระบำบนเส้นด้ายศีลธรรมอย่างแน่นอน   





อีกอย่างหนึ่งที่จดหมายรักของ "เรา" ไม่เหมือนของยาขอบเพราะเทคโนโลยีล้ำสมัย  เราไม่ต้องมานั่งคัดลายมือให้อ่านง่าย ไม่ต้องจับปากกาให้ปลายจดจ่อเน้นลงบนกระดาษ แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสแป้นอักษรบอกเล่าเรื่องราวของหัวใจ  และไม่ต้องเสียเวลาไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์แล้วรอลุ้นว่าบุรุษไปรษณีย์จะส่งถึงเมื่อใด  ในยุคที่เทคโนโลยี  ล้ำสมัยเราส่งโดยผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราเรียกว่า "Email"  ส่งถึงรวดเร็ว  แต่ในทุกครั้งฉันมักหวั่นใจว่าระบบจะขัดข้องจนไม่อาจนำอักษรจากใจส่งไปถึงอีกใจ  กลัวจะไปตกอยู่กลางอากาศที่ไหนสักแห่ง  ซึ่งก็มีมันเคยเกิดขึ้น  แต่ฉันก็แอบสงสัยว่ามันเกิดขึ้นจริงหรือคุณเองไม่ยอมรับว่าได้รับมันแล้ว.





เมื่อใดอ่านจดหมายของคุณหัวใจฉันมักเต้นผิดจังหวะ  ฉันคอยเฝ้าสังเกตจังหวะของมันทุกครั้งที่สัมผัสอักษรของคุณ  ใหม่ๆ ในช่วงแรกๆ ก็เต้นผิดจังหวะแต่การเต้มจังหวะต่างกัน ช่วงแรกนั้นจังหวะสนุกสนานเหมือนเราฟังเพลงเร้า  แต่พอเวลาผ่านหลายปีจังหวะการเต้นของหัวใจกลับเปลี่ยนไป เปรียบดุจพลิ้วไหวอยู่กลางฟลอร์เต้นรำที่แสนโรแมนติกรื่นรมย์ เบิกบาน  หัวใจฉุ่มฉ่ำในถ้อยอักษรที่อ่านพลิ้วไหวในหัวใจนี่หรือที่เขาเรียกว่า "หลงรักในอักษร"  คงจริงแน่แท้แล้ว  ฉันอยากจะบอกคุณฉันไม่เคยหลอกใจตัวเองว่า "รัก"  และยอมรับว่าใช่    มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกคุณว่า  "ความรัก ของคนคนหนึ่งไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย  และไม่ใช่เกิดกับใครก็ได้ในโลกนี้" สำหรับฉบับนี้ฉันคงเขียนแต่เพียงนี้  ฉันต้องเดินทางไว้ฉันคิดถึงคุณจนทนไม่ไหวฉันจะมา "กระซิบคำ"  ที่นี่  เพื่อบอกคุณในฉบับหน้านะคะ





				
24 พฤศจิกายน 2555 21:49 น.

จดหมายรัก...เปิดผนึก II

บุหรง

Love-letter.jpg"คนของหัวใจ" ของฉัน
คุณรู้ไหม  ว่าการคิดถึงมันช่างทรมานเหลือเกิน  แต่ถึงแม้จะทรมานเพียงใหนฉันก็ต้องทนให้ได้ในความทรมานที่อยู่บนความสุขกับการได้คิดถึงคนที่รักของหัวใจคุณคงหัวเราะฉันสินะ  อาจไม่ใช่เพียงแค่คุณที่จะหัวเราะฉัน  แม้แต่เพื่อนสนิทของฉันและผู้คนที่กลายผ่านเข้ามาอ่านอักษรที่ฉันเรียงร้อยถ้อยออกจากห้วงคำนึงเพื่อถ่ายทอดความคิดถึงไปยังคุณ  ฉันมิได้หวั่นเลยเพราะมันคือความบริสุทธิ์ของความรู้สึกที่ฉันอยากถ่ายทอดสู่คุณ  แต่คุณจะซึมซับซาบซึ้งเพียงไหน?   หรือใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรนั้นฉันมิได้คิดหรอกสุดแล้วแต่ใจใครจะรองรับสัมผัสความรู้สึกที่ละมุนนี้  สำหรับคุณฉันคิดว่าคงไม่  เพราะคุณไม่เคยจริงจังกับอักษรหรือถ้อยคำของฉันแต่ไรมาและคุณเคยเตือนสติฉันว่าอย่าจริงจังกับตัวอักษร มันจึงเป็นเหตุผลที่อักษรของฉันคงไม่มหัศจรรย์ในหัวใจคุณดอก  หรือในคนบางคนที่ได้อ่านแล้วอาจรู้สึกอยากหัวเราะเยาะหยัน พร้อมกับสมเพช ในบางคนอาจซาบซึ้งไปกับถ้อยรำพันที่ถักทอทาบถึงคุณ  ฉันไม่แคร์ดอกว่ามันส่งผลอย่างไร?   แล้วแต่ใจใครจะคิดเถิด.




ความมหัศจรรย์ของถ้อยคำ หรือบทกลอนที่ได้สัมผัสนั้นมันช่างเหลือเชื่อจริงๆ มันทำให้เพ้อฝัน มันทำให้ซาบซึ้ง  ทำให้ตื่นเต้น  สามารถเปลี่ยนจังหวะการเต้นของหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะไปได้เชียว  และการที่ฉันได้สัมผัสกับถ้อยคำผ่านอักษรมาเนิ่นนานมันทำให้ฉันติดอยู่กับวังวน ความรู้สึกเพ้อฝัน  เพ้อเจ้อไปจนเกือบจะลืมความเป็นตัวตนของตัวเองไปเสียแล้ว และมันทำให้ฉันหลงรักตัวอักษรของคุณเข้าให้แล้วและเก็บไว้ในใจเรื่อยมา  คุณคงแปลกใจสินะ  หรือไม่อาจไม่แปลกใจก็ได้  คุณอยากรู้ไหม? ฉันจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร




ความละเอียดอ่อนของข้อความหรือถ้อยคำบ่อยครั้งที่หัวใจอันหยาบของฉันได้สัมผัสความห่วงใย ความอ่อนโยน  ไม่รู้ว่าจะมีใครสัมผัสได้เหมือนอย่างที่ฉันได้สัมผัสมันไหม๊   นั่นสิหรือทุกคนสัมผัสได้และรู้สึกได้เหมือนๆ  กันทุกคน  หรือเจตนาถ้อยของคุณประสงค์จะให้ทุกคนสัมผัสได้เช่นนั้น  ใช่ฉันรู้สึกทุกครั้งที่ได้อ่านและสัมผัสถ้อยของคุณเหมือนหัวใจอันหยาบนั้นมันละเอียดขึ้น  มันอ่อนหวานขึ้น  มันอ่อนโยน โลกช่างดูสดใสทุกครั้ง  หายเหนื่อยล้าทุกครั้งที่ฉันได้สัมผัสถ้อยคำที่คุณส่งถึงฉัน   ฉันเชื่อในถ้อยคำที่ได้เห็นด้วยตาและใช้ใจสัมผัสยิ่งนานวันยิ่งทำให้หัวใจของฉัน  อ่อนไหว อ่อนโยนมากขึ้น  และอ่อนหวานกับถ้อยของคุณจนใครใครมักแปลกใจและคอยเย้าเสมอๆ ว่าฉันมีความรักแน่แล้ว   แต่ฉันกลับปฏิเสธว่าฉันไม่ได้มีความรักหรอก  แต่ฉันมีเรื่องราวดีดี  กัลยาณมิตรดีดี  เพราะฉันไม่สามารถค้นหรือสัมผัสถึงหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผู้เป็นเจ้าของถ้อยคำเหล่านั้นที่เขาส่งผ่านมาให้ได้สัมผัส  




ครั้งหนึ่งนั้น  ฉันเคยผิดหวังกับถ้อยคำที่คุณพยายามบอกฉัน  เหมือนเตือนว่าฉันกำลังจะปล่อยสายป่านของใจให้หลุดลอยสูง   ถ้าหากมันหลุดไปมันคงไม่มีวันกลับคืนมา  ใช่มันเป็นของแน่อยู่แล้ว  อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นไม่มีวัน หรือไม่มีสิ่งใดทดแทนหรือสร้างขึ้นใหม่แล้วทำให้เหมือนดังเดิมเป็นของเดิมได้  ความรู้สึกจิตใจของมนุษย์อย่างฉันและคุณก็เช่นกัน  ไม่มีวันจะเหมือนเดิมได้  ครั้งนั้นฉันรู้สึกปวดร้าวและอาการคล้ายคนอกหักถูกปฏิเสธความรัก  ถูกทอดทิ้ง  มันอ้างว้างโดดเดี่ยวเหนือคำบรรยาย  มันทำให้ฉันสับสนเพียงลำพังในโลกที่มืดมนนั้น ฉันตอบตัวเองไม่ได้ว่าฉันเป็นอะไร  ได้แต่ถามตัวเองวนซ้ำๆ  "เป็นอะไรไปเล่าหัวใจเจ้า"  เพราะมันรู้สึกเหนื่อย  รู้สึกสิ้นหวัง  รู้สึกเหมือนแสงสว่างดับมืดลงไปในทันใด  เปรียบได้เหมือนใจจวนเจียนจะขาด  แต่ก็ไม่ขาดกลับอัดอั้นแน่นสุมอยู่ในอก  ไม่อาจบอกเล่า เอ่ยกล่าวระบายให้ใครรับฟังได้  แต่ฉันก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้  ความรู้สึกหัวใจของฉันเพราะบ่มความรู้สึกเหล่านั้นเรื่อยมา  จากนั้นเป็นต้นมาฉันค่อยค่อยละเลียดอ่านทุกถ้อยของคุณ  ทุกตัวอักษรฉันใช้หัวใจที่ละเอียดขึ้นที่คุณช่วยกล่อมเกลามาค่อยค่อยอ่านทุกถ้อยทุกตัวอักษรของคุณที่ส่งถึงฉันและใครใคร  มันทำให้พบและเข้าใจ  ในเจตนาของคุณ  แต่การจะถอนใจหรือตัดใจจากสิ่งที่รักที่หลงไปแล้วนั้นยากนัก  เหมือนเราได้เสพสารเสพติดเข้าไป  แต่ฉันก็ต้องพยายามเพื่อช่วยเหลือ  หัวใจที่อ่อนหวั่นให้กลับมาเข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อนนั้น   



จากนั้นประมาณสองสามปี  ฉันก็ทำให้ใจนิ่งได้มากยิ่งกว่าเดิมผลกระทบจากการที่เข้าไปอยู่ในวังวนหลงรักตัวอักษรของคุณทำให้มีผลกระทบ  กับการดำเนินชีวิตของฉันพอสมควร  มันทำให้ฉันไม่สามารถรักคนอื่นได้  ทำให้ฉันปฏิเสธคนดีดีที่เข้ามาในชีวิต  อาจดูตลก  ไม่ตลกหรอกนะ  ฉันพยายามที่จะรักคนอื่น  แต่ฉันก็ยังคิดถึงคุณ  ฉันทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหายจากอาการดังกล่าวโดยการสวดมนต์แผ่เมตตา  ขอขมาคุณอยู่เสมอๆ  จนฉันร้องไห้เพราะเกลียดสิ่งที่ตัวเองเป็น   จนมาถึงปัจจุบันฉันไม่เหลือใครและไม่สามารถรักใครได้  "หัวใจผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว"  ฉันเขียนจดหมายขึ้นไม่ใช่เพื่อโทษหรือกล่าวผิด  หรือบอกว่าเป็นความผิดใครดอก    "หัวใจฉันเองที่ผิด ที่ไม่หนักแน่นปล่อยให้ความรักเกิดขึ้น"




ฉันรักการเขียน...ฉันเลิกไม่ได้ที่จะเขียนฉันอาจต้องเปลี่ยนแนวการเขียน  "ยอดรัก"  คนของหัวใจฉันคุณยังคงเป็นความทรงจำและเรื่องราวที่ดีดีในชีวิต
คุณยังคงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม และยังคงเป็น "ห้องสมุดที่กว้างใหญ่"  สำหรับฉัน  ไว้ฉันจะเขียนจดหมายถึงคุณในฉบับหน้า  แล้วพบกันค่ะคนของหัวใจ...				
3 พฤศจิกายน 2555 19:21 น.

จดหมายรัก...เปิดผนึก

บุหรง

5a_xy6974.gif


ถึง jupiter

...........สวัสดีจ๊ะ jupiter นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธอ 
นานเท่าใดแล้วนะที่ฉันไม่ได้เขียนเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เธออ่าน  ฉันหวังว่าเธอคงสบายดีและมีความสุขทุกวินาทีในการก้าวดำเนินไปบนเส้นทางชีวิต  เธอคงมีความสุขดี  คงไม่เหงา  ไม่เศร้า  ไม่เดียวดายสินะ   ขอเพียงเธอมีความสุขดีฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว สำหรับฉันหรอ?   ฉันมีความสุขดีถึงดีมากเลยล่ะ  ฉันยืนได้มั่นคงหนักแน่นกว่าที่ผ่านมามาก    ทุกย่างก้าวของฉันเพียงได้ทำความดีสำเร็จในทุกวันที่ผ่านก็คือความสุขสำหรับฉันแล้ว   แต่ฉันอยากบอกเธอว่าความสุขอีกอย่างหนึ่งของฉันก็คือการที่ฉันได้คิดถึงเธอ jupiter...



.............เมื่อครั้งที่เกิดปรากฏการณ์ในช่วงค่ำวันที่ 13 มี.ค.55 และดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงอยู่เคียงกันจนถึงเวลา 21.30 น. แล้วตกลับขอบฟ้านั้น  เหมือนเป็นปริศนาให้ฉันขบคิด  มันทำให้ฉันตื่นเต้นไปพร้อมๆ กับมีความเศร้าลึกๆ ในใจด้วย  เวลานั้นมันช่างสั้นเหลือเกิน ถ้าดาวสองดวงอยู่ค้างฟ้าตราบนิรันดร์คงดีนะ ใช่แล้ว Jupiter ฉันชอบมองดูเธอ เวลาใดที่ฉันเหนื่อยกับปัญหาฉันมักจะมองหาเธอทุกครั้งไป  เพราะเธอจะคอยสบตากับฉันขอเพียงเท่านี้ฉันก็อุ่นใจแล้ว  และฉันคิดว่าคงทำได้เพียงแค่มองเห็นเธอไกลๆ  อยู่ตรงนี้ตลอดไปจวบสิ้นลมหายใจ...



...............วันเวลาผ่านไปดุจสายน้ำไม่มีวันไหลย้อนกลับ  มันคือความจริงเป็นธรรมชาติ ธรรมดาของโลก ฉันจึงพยายามทำทุกสิ่งให้ดีที่สุด  ฉันตั้งปณิธานไว้ว่า "ฉันจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด" ฉันขอบคุณเธอนะ เธอก็มีส่วนทำให้ฉันได้มาอยู่ที่นี่และได้ทำหน้าที่นี้  ขอบคุณเธออีกครั้ง  ฉันเข้มแข็งขึ้นมาก จนไม่เหลือภาพ
ผู้หญิงอ่อนแออ่อนไหวคนนั้นแล้ว  ฉันอยากให้เธอดีใจที่ฉันเข้มแข็งและเด็ดขาดกับการดำเนินชีวิตที่เลวร้าย  และจัดการทุกปัญหาได้ด้วยสติปัญญา  พร้อมกล้าเผชิญโดยไม่หวั่นไหวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว   



...................ที่ฉันมานั่งเขียนยาวๆ  แบบนี้ (ปกติก็ไม่เคยเขียนสั้นเนอะ  เพราะฉันชอบเขียนมากกว่าพูด)  เพราะฉันมองเห็นดาวจึงทำให้คิดถึงเธอ  ก็ไม่รู้ว่าทำกรรม หรือบุญใดไว้จึงทำให้ฉันมีใจรักที่บริสุทธิ์มอบให้เธอ  แต่ฉันเองก็ไม่มั่นใจหรอกนะว่าถ้าหากเราได้เดินร่วมทางกันฉันจะรักษาความรู้สึกที่บริสุทธิ์นี้ได้ตลอดรอดฝั่งไหม? มันจึงเป็นสิ่งที่ดีแล้วขณะนี้  ที่ฉันรู้สึกมอบความรู้สึกบริสุทธิ์นี้ไว้ตรงนี้  และให้คงอยู่เช่นนี้  ถือว่าเป็นกำไร  ว่าครั้งหนึ่งฉันมีความรักที่บริสุทธิ์ไม่ได้หวังสิ่งใด  ไม่อยากได้มา  ไม่ต้องการครอบครอง  ไม่ต้องการจับต้องมัน  ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันรู้ว่า "รักบริสุทธิ์ รักที่ปรารถนาดี" เป็นอย่างไร  ขอให้เธอมีความสุขในทุกเวลานะ  Jupiter...





ปล.จดหมายฉบับนี้ฉันตั้งใจเขียนมันด้วยความคิดถึงที่แนบมาให้เธอ  ไม่ต้องตอบจดหมายฉบับนี้นะ "ตัวจริง หรือตัวปลอม" ณเวลานี้ไม่สำคัญแล้วฉันไม่ต้องการ  และคงไม่ฝืนโชคชะตา  และกุศลบุญที่ทำให้เราเป็นได้เพียงเท่านี้  

คิดถึงนะ/นกยูง				
30 กันยายน 2555 22:42 น.

ห วั ง...

บุหรง

20_dangohhaung.gifการได้รู้จักใครสักนับว่าเป็นวาสนา...
ถ้าพบพานนั้นนับว่าบุพเพนำพามาให้พบพานอาจเป็นเพราะในชาติอันใกล้เคยร่วมทำบุญตักบาตรไม่ว่าหญิงหรือชาย  จึ่งทำให้ได้มาพบพานสร้างรอยกรรมไว้แก่กันอีกในชาติภพปัจจุบัน  บ่อยครั้งที่มักสงสัยมีคนเป็นล้านคนแต่ไม่อาจบอกเหตุผลได้ทำไม?   ต้องเป็นคนนี้ที่ต้องพบ  ต้องเจอ  ต้องรู้จัก  แล้วคนอีกในจำนวนหนึ่งล้านที่เหลือนั้น  ทำไมจึงไม่รู้ไม่คุ้นเคย  ไม่มีผลต่อการทำปฏิกิริยาเคมีใดๆ  ในร่างกาย








แต่เมื่อได้รู้จักหรือเริ่มเรียนรู้ใครสักคน  เราๆ มักคาดหวังว่าเขาจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้  โดยลืมไปว่าเราไม่ใช่ศูนย์กลางของเขาที่จะมีอิทธิพลชักนำได้  และเมื่อพบว่าสิ่งที่เราคิดกับสิ่งที่เป็นนั้น   แตกต่างกันสิ้นเชิง  จึงพยามบอกตัวเองอยู่เสมอๆ  ว่า "อย่าคาดหวังให้ใครเป็นดั่งใจเรา"   และบอกใครทุกคนว่า "อย่าคาดหวังใดๆ  กับฉัน" เพราะฉันไม่อาจเป็นทุกอย่างที่ใครต้องการได้







เพียงแต่ขอร้องไว้ใครก็ตามที่เขามาหรือเพียงผ่านเข้ามา  เพราะคนเราเพียงผ่านมาเพื่อผ่านไปอย่าสร้างเกาะหรือกำแพงซ่อนอะไรไว้เลย  อีกไม่นานก็จากกันไปแล้ว   ได้โปรดอย่ามาสร้างภาพลวง  อย่ามาทำให้สับสน  อย่ามาทำเพียงเพื่อลองดีหรือลองใจ  เพราะหากเมื่อใดที่รู้ความจริง  หัวใจที่เด็ดเดี่ยวเคยมีมาแต่เดิมมักจะตัดออกไปจากระบบไม่ว่าอย่างไรก็อภัยให้ทุกอย่าง  





เพียงแต่อยากบอกว่าเมื่อใดที่หัวใจที่เด็ดเดี่ยวนี้ตัดสินไปแล้ว  ก็เหมือนกับเวลาที่เดินไปเปรียบดั่งสายน้ำ  เพราะสายน้ำไม่เคยไหลย้อนกลับ  คนเราก็คงเหมือนกันเดินไปอย่างเด็ดเดี่ยว  คงไม่อาจเดินกลับหลังหันเพื่อมารับฟัง  รับรู้คำโกหกหลอกลวงได้อีก  แม้ว่าหนทางข้างหน้านั้น  จะมืดหม่น  มืดมิดไร้แสงสว่างก็ตาม หรือแม้จะเป็นสุดขอบเหวก็คงไม่ย้อนกลับไปได้อีก...






อาจจะมีบ้างบางครั้งหันหลังกลับไปมอง  แต่เปล่าเลยยังไงก็ไม่เดินย้อนกลับไปเพียงแต่อยากเหลียวกลับไปมองว่าคนที่อยู่ข้างหลังนั้นยังมีความสุขดี  แต่คงไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิน  บางสิ่งอาจทดแทนบางสิ่งได้   บางอย่างอาจทดแทนบางอย่างได้  หรือบางสิ่งอาจทดแทนบางอย่างได้  เวลาเมื่อหมดไปย่อมไม่ได้คืน   เราทุกคนจึงอยู่กับปัจจุบันตรงหน้าและตั้งสติเดินไปพร้อมกับวันเวลา



ใช่..."ฉัน"  เคยหวังว่าคุณคือที่สุด  และดีที่สุดนั่นเป็นภาพในใจเสมอมาและพยายามหลอกตัวเองเสมอมาว่าคุณจะไม่ทำร้ายฉัน  แต่เปล่าเลย  เพราะยิ่งนานวันมันยิ่งชัดเจน  พอทุกอย่างเริ่มชัดมันทำให้ฉันรู้สึกกลัว  กลัวสิ่งที่คุณเป็น  ความศรัทธา ความเชื่อมั่น  ที่ฉันเคยมีให้คุณมันค่อยเลือนไปเรื่อยๆ  จางไปเรื่อย  ก่อนนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการเรียนรู้กับการอ่านหนังสือ(อ่านคุณ)  แต่ทว่า....  หนังสือเล่มนี้ที่ฉันอ่านนานวันยิ่งทำให้ฉันไม่อยากรู้ตอนจบของ ฉันจึงปิดหนังสือเล่นนี้ซะทั้งที่ยังอ่านได้เพียงไม่กี่หน้า   จำเป็นต้องเลิดปิดก่อนที่ฉันจะเริ่มหมดศรัทธาในตัวบุคคล  แต่ในขณะเดียวกันฉันเริ่มเห็นบางอย่างพร้อมกับทำให้ฉันรู้ใจตัวเอง  ความคิดของคนเราไม่มีผิดไม่มีถูกแต่ควรมีขอบเขต   แสดงอย่างเหมาะสมตามกาล  ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป






ใช่....ฉัน "หวัง"  
หวังว่า "คุณจะไม่เป็นเช่นภาพที่ฉันเห็น"  เพราะฉันยังคงเชื่อความรู้สึกแรกตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้





ขอให้คุณโชคดี...และมีความสุขอย่างแท้จริงกับสิ่งที่คุณพยายามสร้างมันเพื่อเป็นเกาะกำบัง...  
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุหรง
Lovings  บุหรง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุหรง
Lovings  บุหรง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟบุหรง
Lovings  บุหรง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงบุหรง