22 มิถุนายน 2554 16:05 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หลากมวลมาลย์บานช่อหยอกล้อฝน
บ้างร่วงหล่นปลิดปลิวเป็นทิวแถว
ยามลมโชยพลิ้วพัดระบัดแนว-
ต้นดอกแก้วเอนลู่พร้อมหมู่มาลย์
พยับเมฆเทาหม่นเสกฝนหลั่ง
สายฟ้าดังกึกก้องร้องประสาน
คาบราตรีร้างดาวดูยาวนาน
กว่าจักผ่านคืนหม่นของคนไพร
**ดอกพุดซ้อนซ้อนช่อขึ้นรอเช้า**
ดั่งคนเหงาคอยหาฟากฟ้าใส
**หลอมละมุนอุ่นเอื้อคล้องเยื่อใย**
จากกรุงไกลถึงพนาตั้งตาคอย
ยามแสงสางย่างเยือนสู่เถื่อนถิ่น
รานหม่นสิ้นคืนเศร้าและเหงาหงอย
ดั่งอาทรข้ามฟ้าสู่ป่าดอย
เข้าเรียงร้อยโอบอุ่นละมุนมาน
เหลือเพียงกายเท่านั้นถูกคั่นเขต
ด้วยนิเวศน์แสนห่างต่างสถาน
เพียงเรือนใจเคียงเจ้าเยาวมาลย์
หวังวันผ่านเดือนล่องได้ครองกัน
วันเดือนปีล่วงลับกับสมัย
เยื่อสายใยมั่นแท้มิแปรผัน
เกี่ยวกระหวัดฤดีสองชีวัน
สถิตย์มั่นตราบสิ้นแผ่นดินเดิน
วอนเทพไท้เรืองฤทธิ์อย่าปิดกั้น
ร่นคืนวันโน้มฟ้าสบป่าเถิน
ให้เรียมขวัญร่วมทางสร้างดำเนิน
พร้อมเผชิญความสุขไปทุกกาล ๚ะ๛
13 มิถุนายน 2554 16:37 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ดุจช่วงกาลนานเนิ่นคราเดินฝ่า
ท่ามมรรคาของจิตต้องพิษศร-
รัก,ปักตรึงชีวาตม์แทบขาดรอน
เกินถอดถอนผ่อนเจ็บที่เหน็บมาน
เพียงลำพังท่ามวารที่ผ่านลับ
เหมือนมืดดับพลังสิ้นสังขาร
เหลือเพียงเศษซากร่างอยู่กลางกาล
ทรมานเกินร่ำความคำใด
**เลือนลงแล้ว..แสงหวังที่ปลั่งปราบ
จินตนภาพพรากขวัญจนหวั่นไหว
มิอาจตัดแรงถวิลให้สิ้นไป
จึงฝังใจทั้งดวงสู่ห้วงรอ**
นานนับนานเพียงใดมิใคร่รู้
เพียงทนอยู่ทนเป็นเช่นนี้หนอ
เส้นทางฝันแห่งรักเคยถักทอ
ยากสานก่อต่อหวังอันพังภินท์
เพียงเงื้อมเงาเศร้าคลอพะนอชิด
ซากชีวิตรอแค่กระแสสินธุ์
พัดพาร่างจมหายสลายจินต์
คืนชีวินลับล่วงห้วงอนันต์
ก่อนปราศสิ้นวิญญานขอขานฝาก
หนึ่งพจน์พากย์แนบวาง ณ ทางฝัน
หากเราสองร่วมสร้างแต่ปางบรรพ์
" รัก " คำนั้นสถิตย์อยู่มิรู้เลือน๚ะ๛
10 มิถุนายน 2554 19:44 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ บ้านหลังน้อยมากมายในน้ำมิตร
ร่วมลิขิตกลกลอนอักษรศิลป์
บทประพันธ์กรองกลั่นคั้นจากจินต์
มิล่มสิ้นวรรณกรรมล้ำค่าไทย
แม้นเวลาเปลี่ยนผันจากกวันก่อน
บางช่วงตอนลับล่มจมสมัย
กี่คนครูล่วงลับดับแสงไป
แต่หาไร้ผู้สืบสานงานกวี
มวลมิ่งมิตรมากมายในบ้านน้อย
ที่ยังคอยแต่งเติมเพิ่มแสงสี
ทั้งโคลงกลอนกาพย์ฉันท์บรรดามี
ล้วนสิ่งที่ด้วยใจไร้มารยา
แม้นมิใช่บรมครูผู้ล้ำเลิศ
แต่ก็เกิดตามจินต์ถวิลหา
แม้นยังด้อยความหมายในอักษรา
แต่คุณค่าคือใจใฝ่เขียนงาน
ขอขอบคุณบ้านกลอนไทย...จากใจนี้
สิบสองปีหยัดยืนและสืบสาน-
วรรณกรรมมิหายกับสายกาล
จงหยัดยืนยาวนาน...ตราบนิรันดร์๚ะ๛
8 มิถุนายน 2554 08:04 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เวิ้งฟ้ากว้างทางไกลสุดปลายโลก
เศร้าทุกข์โศกหนักยิ่งปานสิงขร
ทนว่ายเวิ้งนทีสีทันดร
ด้วยบทตอนแรงบาปที่สาปทรวง
แม้นช่วงกาลพานพบถูกหลบเร้น
มาดแม้นเป็นเล่ห์กลจากบนสรวง
ขีดชะตาเราห่างต่างทั้งปวง
ก็มิทวงคำวอนคราก่อนมา
ขอก้าวตามเพรงกรรมที่ซ้ำซัด
ตราบรอบวัฎฎ์รอนแรงแห่งโทษา
จักกี่ชาติภพผ่านกาลเวลา
มิฎีกาถอนทัณฑ์แม้นวันใด
ต่อตกใต้บรรพ์บาปที่สาปส่ง
ยังมั่นคงผูกพันมิหวั่นไหว
ถึงจบสิ้นวิญญาณกับกาลไป
จักวนชาติภพใหม่เคียงใกล้กัน
กี่ร้อยพันกัลป์กัปที่ลับล่วง
ทุกคาบช่วงเสี้ยวกาลที่ผ่านผัน
มิเคยสิ้นเยื่อใยในสัมพันธ์
คืออนันต์แห่งรักเกินจักรวาล
ถึงชาตินี้ได้เพียงร้อยเรียงพจน์
มธุรสแห่งกลอนแสนอ่อนหวาน
เข้าแอบอำทุกช่วงของดวงมาน
เพื่อเผาผลาญพิษเหงาที่เข้าครอง
**ต่อแต่นี้แม้คอยอีกร้อยชาติ**
กี่นิราศคอยเนาพรากเราสอง
แม้นต้องโทษโดนทัณฑ์ตามครรลอง
แต่ทรวงคล้องข้ามภพมิลบเลือน๚ะ๛
2 มิถุนายน 2554 14:39 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ วสันต์กางม่านบังสองฝั่งฟ้า
ห้วงเวหาหม่นเทาดูเศร้าหมอง
ร้างแสงวันเคลื่อนขับเข้าจับจอง
ไร้แสงทองเรื่อรุ้งท่ามคุ้งธาร
ฟ้าอีกฝั่ง..คงเป็นดั่งเช่นนี้
ฝากวจีถามไถ่โปรดไขขาน
สุขฤๅเศร้าอย่างไรท่ามสายกาล
อย่าปล่อยผ่านเอื้อนเอ่ยเฉลยนัย
มวลสุมาลย์บานช่อดั่งรอช่วง
สายฝนร่วงรินรดหยาดหยดใส
ดั่งทรวงหนึ่งชื่นฉ่ำหากคำใคร
จักขานไขทุกอย่างยามห่างกัน
พรรษากาลผันมาอีกคราหนึ่ง
ม่านฟ้าจึงหม่นนานมิผ่านผัน
ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นมิเว้นวัน
หวังดวงขวัญร้างหมองเข้าครองทรวง
สองฝั่งฟ้าแม้นห่างเหมือนอย่างเก่า
ขอสองเราแน่นแฟ้นด้วยแหนหวง
จักเติมเต็มรักของใจสองดวง
ตราบแมนสรวงโน้มฝั่งมารั้งกัน ๚ะ๛