10 มีนาคม 2553 15:18 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ดูเหงาเหงาเศร้าสร้อยเกลื่อนรอยยิ้ม
นัยน์ตาปริ่มหยาดใสคล้ายไหวหวั่น
ฤๅกั้นกักกล้ำกลืนโศกหมื่นพัน
หวังเจ็บนั้นจมห้วงหว่างดวงมาน
ก่อนนั้นรอยยิ้มแย้มช่างแต้มแต่ง
แววตาแห่งปรีดาและกล้าหาญ
โลกนี้ดูงามทั่วไปชั่วนาน
จวบสูรย์ผ่านจันทร์จรดยังงดงาม
แต่ยามนี้คล้ายคล้ายความหมายว่า
ในแววตาซ่อนงำหลากคำถาม
บางคำตอบที่รู้ทุกครู่ยาม
คือน้ำใสไหลลามตามแก้มตน
ในระทมขมขื่นสะอื้นนั้น
ท่ามคืนวันรองรับความสับสน
คงยากเอ่ยพจน์พากย์จากกมล
จึ่งฝืนทนยิ้มย้ำ...ทั้งน้ำตา
ดูเหงาเหงาเศร้าสร้อยเกลื่อนรอยยิ้ม
เค้นความอิ่มเอิบทรวงว่าห่วงหา-
กลบความเจ็บเหน็บหนาวทุกคราวครา
แม้นน้ำตาไหลริน...แทบสิ้นใจ ๚ะ๛
9 มีนาคม 2553 15:05 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เจ้าหลงทางหรือไรอยากใคร่ถาม
จึ่งเดินตามแสงวันที่ผันผาย
ฤๅบาดเจ็บเหน็บหนาวรานร้าวกาย
เกินสยายปีกบินกลับถิ่นไพร
แต่ละช่วงก้าวย่างบนทางจร
ดูโหยอ่อนเหลือเกินจักเดินไหว
เจ้าค้นหาความจริง...ของสิ่งใด?
เสาะหาใคร..? ท่ามเมืองอันเรืองรอง
กลับเถื่อนถิ่นเถิดหนออย่ารอช้า
ยามวันลาลับพ้นจักหม่นหมอง
คาบราตรีขานขับเข้าจับจอง
เจ้าจักท่องเท้าย่างอย่างไรกัน
เจ้าหลงทางหรือไรอยากใคร่ถาม
ฤๅหลงงามรุ่งเรืองของเมืองฝัน
จึ่งมิย้อนคืนหาพนาวัน
คงดึงดันย่ำย่างอยู่กลางเมือง๚ะ๛