26 กันยายน 2549 11:18 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ ลำนำหนาวคราวฝนล่วงพ้นผ่าน
มวลดอกไม้เบ่งบานท่ามลานเขา
ม่านหมอกแรกแทรกร่างอันบางเบา
ใต้ร่มเงาพฤกษาพนาไพร
ลาลับไปไกลถิ่นคราสิ้นหนาว
ทิ้งเรื่องราวบอบบางน้ำค้างใส
เคยแต่งแต้มแซมซอกกลีบดอกใบ
แต้มหัวใจไล้พวงแก้มคนแรมทาง
สัมผัสแรกแทรกกายดูคล้ายคุ้น
อ่อนละมุนโอบเอื้อยามเมื่อสาง
บรรจงถักม่านขาวอันเบาบาง
แล้วทอดวางเก็จใสลงไล้ลาน
ลำนำหนาวพราวฟ้าท่ามป่าหนาว
หลากเรื่องราวรอรับผู้ขับขาน
บทกวีที่ถักร้อยสอดสร้อยกานท์
จักแว่วหวานจากหัวใจก้องไพรพง๚ะ๛
22 กันยายน 2549 14:35 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ ไล้ลมหนาวคราวค่ำเหมือนย้ำจิต
คิดถึงมิตรสนิทกายเมื่อวายฝน
เจ้าสัญญาจะเยือนถิ่นอินทนนท์
โอ้กมลคนดอยพลอยดีใจ
เหล่าเด็กน้อยเมียงมองดั่งจ้องหา
พี่อัลมิตราคนสวยมาด้วยไหม ?
"ดอกกระดาษของฝากมากน้ำใจ"
หน้าใสใสของเด็กน้อยเหมือนคอยรอ
มวลดอกไม้เบ่งบานทั่วลานเขา
พี่อยู่เหย้ารอน้องนานแล้วหนอ
กระท่อมไพรไร้เจ้าเฝ้าพนอ
จึ่งตัดพ้อฝากคำคล้ายย้ำเตือน
โอ้ลมหนาวคราวค่ำเหมือนย้ำจิต
ว่ามิ่งมิตรจักหวนมาทุกคราเหมือน-
เมื่อปีกลายวายฝนมิพ้นเดือน
เจ้าคืนเรือนอยู่เคียงกันทุกวันคืน๚ะ๛
20 กันยายน 2549 07:37 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ พิรุณพรำร่ำไรคล้ายพิลาป
พรมพรมอาบดินดอนยามค่อนสาง
ลมพัดพริ้วปลิวล่องละอองจาง
ก่อนรุ่งรางกางแสงแห่งตาวัน
เพลงอำลาแว่วแว่วช่างแผ่วไหว
จากฟ้าไกลสุดห้วงสรวงสวรรค์
กระซิบผ่านม่านพรำคล้ายรำพัน
ว่าวสันต์ผันแล้วนะแก้วตา
คำอำลาอาลัยไร้อักษร
ทุกบทตอนไร้นามให้ถามหา
ความทรงจำสุดท้ายในเวลา
จักมีค่าเพียงใดให้คำนึง
พิรุณพรำอำลายามฟ้าสาง
ละอองบางปลิวปลิดด้วยคิดถึง
ความอาทรห่วงหายังตราตรึง
เหมือนประหนึ่งเริ่มวสันต์เมื่อวันวาน๚ะ๛
19 กันยายน 2549 09:18 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ มาดแม้นข้าฯปลดปลงซบลงหล้า
มอบกายาคืนดินคราสิ้นสูรย์
อันคำสัตย์ที่มีคราธรณีบูร
ยังเทิดทูลดำรงมั่นคงนาง
โลหิตที่ไหลหลั่งสู่ฝั่งน้ำ
ยามพลบค่ำจวบคราอุษาสาง
จงรินรดมาลีดอกสีจาง
ให้แดงเด่นท่ามทางอลังการ
อันเนื้อหนังเปื่อยยุ่ยเป็นผุยผง
จักถมลงตรงทางเจ้าย่างผ่าน
อีกดวงจิตแม้นสิ้นและวิญญาน
จักฉายฉานแทนคบให้สบทิศ
มาดแม้นเจ้าถึงฝั่งยังจุดหมาย
ไร้ภยันอันตรายกล้ำกรายจิต
ประสบฝันที่วางทางชีวิต
จงจุมพิตพื้นดิน...ข้าฯยินดี๚ะ๛
12 กันยายน 2549 03:38 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
..๏ อัสดงลงเยือนทั่วเถื่อนถิ่น
สูรย์คล้อยสิ้นแรงขับพยับแสง
ทิวาวารผ่านห้วงด้วยช่วงแปลง
อ่อนโรยแรงสุริยาล่วงราตรี
ความมืดดำก่ำหมองครอบครองภพ
ชัดเจนลบกลบเกลื่อนคล้ายเบือนหนี
แม้นจันทร์ฉายกรายล่วงสร้างท่วงที
ห้วงฤดีมิบรรเทาความเศร้าตรม
หว่างคืนวันผันผ่านเฉกธารไหล
รอยอาลัยเลือนรางเหมือนร้างล่ม
ปรารถนาห่างหายคล้ายสายลม
ต้องขื่นขมตรมช้ำเพียงลำพัง
ดุจสุรีย์ยามพลบจวนจบวัฏ
จิตกระหวัดพรั่นพรึงถึงความหวัง
คล้ายแสงทองยามพลบจบพลัง
ก่อนลับหยั่งฝั่งฟ้าสุราลัย๚ะ๛