30 มิถุนายน 2549 05:08 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เห็นแก่แม่สั่งไว้ในวันก่อน
จึงจำอ่อนข้อให้หลากหลายสิ่ง
ทั้งการบ้านห้องหับที่พักพิง
มิเฉยนิ่งปล่อยสกปรกรกรุงรัง
พอได้คืบสืบสาวจะเอาวา
มิไว้หน้าเกรี้ยวกราดตวาดสั่ง
อยากสวนกลับจับตบ(จูบ)ดูสักครั้ง
จำยับยั้งเพราะคำแม่ย้ำมา
แต่วันนี้สุดทนบนทางทาส
ขอประกาศปลดแอกแยกขี้ข้า
ตะโกนก้องร้องป่าวชาวพารา
กาลามังซักผ้า...ใครเอาไป(โว๊ย)...๚ะ๛
28 มิถุนายน 2549 12:13 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ กี่หยาดหยดรดรินจนสิ้นสาย
เซ่นความหมายว่ารักและภักดิ์มั่น
กี่บาดแผลแล่กรีดจิตจาบัลย์
สังเวยฝันลวงหลอกช้ำชอกใจ
กี่อาทรห่วงหามาสูญสิ้น
กับลมลิ้นปลิ้นปล้อนเขาย้อนใส่
กี่คำนึงแหนหวงและห่วงใย
มาร้างไปเพราะกลับกลอกลวงหลอกกัน
ขอจบรักจบฝันตราบวันสูญ
แม้นอาดูรพูนใจให้โศกศัลย์
ดีกว่าจมหล่มลวงทุกช่วงวัน
ปล่อยผ่านผันลับสิ้นมิยินดี
เมื่อหัวใจร้างไร้ในเมฆหมอก
ความช้ำชอกจักหายมลายหนี
วันฝนซาฟ้าสาง...ที่สุราษฏ์ธานี
ดวงฤดีจงก้าวย่างอย่างทรนง๚ะ๛
23 มิถุนายน 2549 14:16 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ แม้นหัวใจดวงนี้มีค่าน้อย
อีกด่างพร้อยรอยแผลแต่หนหลัง
ผ่านเรื่องราวหลายหลากมากรัก-ชัง
ยังคงหวังเพียงเจ้าจักเข้าใจ
เพียงสองมือถือฝันวันอ่อนล้า
ผ่านเวลาเนิ่นนานเกินขานไข
บางเสี้ยวส่วนสูญสิ้นซบดินไป
บางเสี้ยวไยรอคืนเพื่อฟื้นตน
เพียงหนึ่งหวังวาดวางอย่างหวาดหวั่น
หมายเจ้าจันทร์มอบรักให้สักหน
แม้นเศษเสี้ยวหนึ่งน้อยพลอยได้ยล
ห้วงกมลแสนยินดีและปรีดา
เพียงหนึ่งใจมอบวางอย่างเกรงกริ่ง
หวังแอบอิงพิงพักได้รักษา
บาดแผลเก่าลึกรอยคอยเยียวยา
โปรดเมตตาอย่าเมินหมางระคางใจ๚ะ๛
19 มิถุนายน 2549 11:50 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ตะวันคล้อยลอยลับดับแสงฉาน
ทิวาวารกล่าวลาภูผาใหญ่
เจ้าจันทร์เพ็ญเด่นแขมาแต่ไกล
บทเพลงไพรขานขับรับราตรี
ฟ้าสกาวพราวจันทร์เฉิดฉันฉาย
ดาษดาวรายวับแวมแต่งแต้มสี
มองเพ็ญดวงห่วงหากัลยานี
ป่านฉะนี้คงเหว่ว้าให้อาลัย
ยามดึกดื่นคืนหนาวพราวน้ำค้าง
คงอ้างว้างเนิ่นนานเกินทานไหว
ผ้าผืนบางห่มเนื้อเอื้ออุ่นไอ
ฤๅเทียมในอ้อมกอดตลอดคืน
ยามเหว่หว้าหาใครมาไล่เหงา
อีกโศกเศร้าหมองหม่นต้องทนฝืน
ร้อยภิรมย์คงร้างไร้ไม่ยั่งยืน
เทียบหนึ่งชื่นสุขอุราคราใกล้กัน
ตะวันคล้อยลอยลับดับแสงสูรย์
ยิ่งพอกพูนความเศร้าเคล้าโศกศัลย์
จึ่งฝากรักผ่านดาวหาเจ้าจันทร์
บางใครนั้นแสนห่วงหาและอาทร๚ะ๛
16 มิถุนายน 2549 04:30 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ลมแผ่วแผ่วพลิ้วไหวใบไม้ร่วง
หมู่ดาวดวงเร้นตนอยู่หนไหน
ปราศโสมส่องล่องเลื่อนเป็นเพื่อนใจ
เคยอำไพประกายแจ่มกลับแรมลา
ห้วงราตรีที่เหงาเข้าซ้อนทับ
ด้วยเดือนดับลับตนเกินค้นหา
ฤๅอาลัยกลายแล้วในแววตา
ที่ผ่านมาเพียงหยอกเอินให้เพลินชม
มองใบไม้ปลิดปลงหล่นลงพื้น
แอบสะอื้นทรวงในคล้ายขื่นขม
ยิ่งดึกดื่นรื้นน้ำค้างที่พร่างพรม
ทุกข์โศกตรมพลันโถมทับจับหัวใจ
ลมแผ่วแผ่วพลิ้วไหวใบไม้ร่วง
ทุกห้องห้วงร้าวรานเกินทานไหว
ปราศคำปลอบมอบหวังร้างเยื่อใย
โอบลูบไล้เพียงน้ำตาท่วมราตรี๚ะ๛