27 มกราคม 2549 15:32 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ อันจริตติดตนทุกหนแห่ง
ใครปรุงแต่งให้งามยามขีดเขียน
แม้ปกปิดอำพรางอย่างแนบเนียน
ก็วนเวียนดั่งเดิมเหมือนเริ่มตน
เฉกเช่นชายวิปริตคิดเป็นหญิง
เพราะบางสิ่งในใจคล้ายสับสน
เหมือนผิดหวังบางอย่างยังวกวน
ต้องหน้าทนแปลงจริตจนบิดเบือน
หรือหญิงที่ผิดกายคล้ายเพศผู้
จะมองดูเทียมชายก็ไม่เหมือน
ประหลาดแท้จึงพร่ำดั่งย้ำเตือน
เห็นกลาดเกลื่อนวิปริตจิตเบี่ยงเบน
อีกจริตจงระวังเป็นนักหนา
คืออัตตาอวดตนให้คนเห็น
หวังชนะคะคานค้านประเด็น
ทำตัวเด่นแท้เพียงด้อยคอยชูคอ๚ะ๛
24 มกราคม 2549 15:41 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพียงร่องรอยเลือนลางแล้วจางหาย
ยามแดดสายทอทาบส่องอาบหล้า
น้ำค้างใสกลายร่างเหมือนพรางตา
ล่องวับสู่เวหาพากลับคืน
คมอดีตบาดเกี่ยวเสี้ยวความฝัน
แต่ละวันหมองหม่นสู้ทนฝืน
หยาดน้ำตาไหลหลั่งช่างรกรื้น
แอบสะอื้นลำพังอย่างเดียวดาย
ฤๅรอยแผลบาดบากยากรักษา
แม้นเวลาผันผ่านกาลลับหาย
ยังเจ็บช้ำโศกศัลย์เกินบรรยาย
แทบวางวายยามฝืนหยัดยืนตน
เพียงร่องรอยเลือนลางแล้วจางหาย
ยามแดดสายเยี่ยมห้วงเวหาหน
แต่รอยเจ็บเหน็บแน่นแก่นกมล
หนาวร้อนฝนมิจางรอยสักน้อยเลย๚ะ๛
20 มกราคม 2549 09:09 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ รัตติกาลโอบแขนกอดแผ่นฟ้า
ท้องนภาพร่างพราวดาวสดใส
เหล่าแมลงบรรเลงบทเพลงไพร
พฤกษาไหวดั่งพร่ำย้ำทำนอง
ลมเหมันต์พัดเพียงแผ่วแผ่วผ่าน
มิสะท้านเพราะอุ่นไอหัวใจสอง
มือหนึ่งคอยเติมไฟฟืนในกอง
อีกหนึ่งมือประคองกอดน้องนาง
กรุ่นกลิ่นอายกายสาวเร้ารู้สึก
พลันหวนนึกถึงคราก่อนอุษาสาง
ได้โอบกอดแนบชิดจุมพิตปรางค์
มิเลือนรางยังจำจดหมดหัวใจ
รัตติกาลโอบแขนกอดแผ่นฟ้า
เหล่าพฤกษาชูช่อล้อลมไหว
ดั่งรับรู้บางคนและบางใคร
จะกลับมาประสานใจที่สะเมิง๚ะ๛
17 มกราคม 2549 15:25 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ หมอกบางและลมหนาว........นภพราวเก็จดารา
น้ำค้างละลานตา....................อุระข้าสิเปลี่ยวดาย
ห่างกัน ณ วันก่อน................รติซ่อนดุจลับหาย
ลืมเลือนฤคลอนคลาย...........ละจุดหมายบ่เมียงมอง
ทิ้งรักระโรยแรง...................ดุจแกล้งฤทัยหมอง
เพลงฝันสราญย์ครอง...........อนิจาระกำใจ
หรือเพียงวิหคดง..................พินิจหงส์เลิศวงศ์ไพร
ต้อยต่ำบ่เกรียงไกร...............ศิวิไลศฤงคาร
จึ่งร้างนิราศรัก......................มิประจักษ์กมลมาน
เรื่องราวและตำนาน..............วิบัติสิ้นมิยินดี๚ะ๛
13 มกราคม 2549 14:34 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพราะแตกต่างห่างกันเกินฝันใฝ่
แม้นหัวใจมอบวางอย่างหมดสิ้น
ค่าคงเพียงเสี้ยวเศษธุลีดิน
จำกลืนกินโศกหมองน้ำนองตา
เพียงตัวตนต่ำต้อยอีกน้อยทรัพย์
ทั้งจนอับลาภยศวาสนา
อัปลักษณ์รูปชั่วทั่วกายา
บังอาจเอื้อมดอกฟ้าช่างน่าอาย
มิมองตนข้นแค้นแสนสาหัส
ทั้งปากกัดตีนถีบตราบชีพสลาย
ใครจักลดหลั่นตัวเกลือกกลั้วกาย
ละศักดิ์ศรีมากมายให้อายคน
เพราะผิดแผกแตกต่างอย่างสุดขั้ว
ได้แต่กลัวรักกลายไม่เป็นผล
คำประณามเขาด่าต้องหน้าทน
ถึงทุกข์ล้นอย่างไรใจจำยอม๚ะ๛