20 ตุลาคม 2553 08:19 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ พิรุณพรมเถื่อนด้าว...............แดนดิน
เหมือนดั่งกระแสจินต์..............ท่วมท้น
ฝนพราวพร่างโรยริน................นองบ่า
ฤๅเท่าเทียมหนึ่งล้น..................รักนี้พลีนาง๚
๏ ทรวงสองเอยห่างเหย้า...........ไกลเวียง
จิตห่อนหาแนบเคียง.................อื่นชู้
ยังคงแต่คอยเพียง....................เรียมอยู่ เสมอมา
งามอื่นฤๅจักสู้..........................หนึ่งน้องนางเดียว๚
๏ พระพายโชยพัดพลิ้ว..............รานกาย
ประหนึ่งจักวางวาย....................ดับดิ้น
คำนึงแต่นวลสาย.......................ใจพี่
ยามห่างเหมือนล่มสิ้น................ร่างนี้วายปราณ๚
๏ วชิรหมายล่มหล้า....................ฤๅไฉน
ครวญคร่ำรำสายไฟ...................กึกก้อง
มาดเหมือนดั่งทรวงใน...............อกพี่
สายรักเรียกร่ำร้อง.....................แข่งฟ้าแดนแถน๚
๏ ฝากคำสัตย์ผ่านฟ้า..................แมนสรวง
ตราบล่มสูรย์ดับดวง....................จากฟ้า
รักเรียมอย่างเต็มทรวง...............คงมั่น เรียมเอย
หากผิดคำอย่าช้า........................ตกใต้อเวจี๚ะ๛
2 ตุลาคม 2553 17:19 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพ็ญเด่นดวงทอแสงขึ้นแต่งสรวง
เกลื่อนดาวดวงเลือนรางคล้ายจางหาย
ดั่งทรวงหนึ่งขื่นขมล่มละลาย
ด้วยแห่งสายรักนั้นพันธนา
เคยก่นคำพ้อโลกท่ามโศกหนัก
อยากล่มสิ้นหาญหักมิรักษา
จ่อมจมห้วงซากฝันแต่นั้นมา
ขลาดมิกล้าข้ามผ่านสายธารใจ
ก่อกำแพงกั้นกลางระหว่างโลก
กกกอดโศกโศกาน้ำตาไหล
ความขมขื่นรุมล้อมโอบอ้อมใน-
ดวงฤทัยยับแตกลงแหลกราน
จวนจบสิ้นวิญญา ณ ครานั้น
หว่างคืนวันชาเฉยปล่อยเลยผ่าน
คงเหลือเพียงซากร่างอยู่กลางกาล
กลบตำนานรักนั้นนิรันดร
เธอ...ผู้มาเยือนเงียบเงียบแลเรียบง่าย
คนเดียวดายอิดโรยแลโหยอ่อน
เริ่มสัมผัสห่วงหาเอื้ออาทร
เจ็บเริ่มผ่อนจากจินต์ก่อนสิ้นลม
ค่อยค่อยเติมเสริมแต่งลบแหล่งเจ็บ
ค่อยค่อยเก็บซากฝันอันขื่นขม
เพียรเปลื้องปัดความเศร้าเคล้าระทม
แล้วคลี่ห่มห้องทรวงด้วยห่วงใย
เธอ..ผู้จูงมือข้ามผ่านสายธารโศก
วิปโยคเนืองนองเริ่มล่องไหล
ล่มกำแพงขวางกั้นสะบั้นไป
ก่อกองไฟไล่หม่นลับพ้นทาง
เธอ..ดั่งแสงโสมโลมฟ้าคราเพ็ญย่ำ
เกลื่อนมืดดำเลือนลาดุจฟ้าสาง
คนหมดสิ้นความหมายแทบวายวาง
กล้าก้าวย่างอีกหนบนโลกเดิม๚ะ๛
29 กันยายน 2553 13:24 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ สารพัดเรื่องราวหลากข่าวสาร
สารพันเหตุการณ์คนขานไข
ร้อยความยกพันข้อแย้งแถลงไป
เพื่อความนัยกระจ่างร้างมลทิน
ความสองด้านสืบค้นดั้นด้นสาว
คนเสพข่าวจงตรองอย่ามองหมิ่น
จักเผชิญรอยด่างกลางดวงจินต์
อย่าตัดสินเร็วไปควรไตร่ตรอง
พุทธพจน์ศาสดาครากาลก่อน
เพียรมุ่งสอนสัตว์คนชนทั้งผอง
ใช้ปัญญากรองกลั่นตามครรลอง
แล้วจักมองเห็นแจ้งด้วยแรงธรรม
" อย่าเพิ่งเชื่อ " เพราะข่าวถูกเล่าต่อ
จากต้นตอลุกลามหลากความร่ำ
" อย่าเพิ่งเชื่อ " ด้วยฐานการกระทำ
ที่คนนำสืบสานตามกาลมา
" อย่าเพิ่งเชื่อ " คำเล่าและข่าวลือ
เขากระพือมากล้นยากค้นหา
" อย่าเพิ่งเชื่อ " ความคำอ้างตำรา
หลากมาตราถูกผิดอาจบิดเบือน
" อย่าเพิ่งเชื่อ " ความเขาโดยเดาสุ่ม
เพราะอาจลุ่มหลงจริตคิดเชือดเชือน
" อย่าเพิ่งเชื่อ " อนุมานคาดการณ์เลือน
จงหมั่นเตือนตนตัวอย่ามัวเมา
" อย่าเพิ่งเชื่อ " กริยาที่ปรากฎ
เท็จ , จริงหมดอย่างไรในใจเขา
" อย่าเพิ่งเชื่อ " เพราะเห็นตรงเช่นเรา
ความขลาดเขลาอาจเร้นมิเห็นมัน
" อย่าเพิ่งเชื่อ " ด้วยความน่านับถือ
เพราะอาจคือศิปล์ศาสตร์พลาดมหันต์
" อย่าเพิ่งเชื่อ " พจน์ถ้อยร้อยจำนรรจ์
ด้วยคนนั้นคือครูผู้ชำนาญ
ใช้ปัญญาตรองหนอให้พอเหมาะ
อย่าจำเพาะเรื่องราวดังกล่าวขาน
อันคำพูดของตนทุกบนการณ์
หากปล่อยผ่านจากปากยากเอาคืน๚ะ๛
25 กันยายน 2553 09:39 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ สายฝนยังชื้นชุกอยู่ทุกคาบ
โรยรินอาบแดนภพจบสวรรค์
ไร้แสงเรื่อเรืองรองของดวงจันทร์
ร้างแสงวันเคลื่อนขับเข้าจับจอง
ไผ่ยืนกอแกว่งไกวกลางสายฝน
ท่ามเมฆหม่นซึมเซาดูเศร้าหมอง
หว่างคืนวันอิ่งอ้อยให้คอยมอง
สูรย์,โสมส่องล่องฟ้า ณ คราใด
เหมือนห้วงจินต์ถวิลคอยหนึ่งรอยรัก
ซึ่งประจักษ์ค่ายิ่งกว่าสิ่งไหน
แววอาทรห่วงหาและอาลัย
ยังโชนไฟคุเชื้อทุกเมื่อกาล
หวังบางใครรับรู้แม้นครู่หนึ่ง
รักตราตรึงห้วงใจเกินไขขาน
จักฝากฟ้าส่งข่าวกลัวยาวนาน
ฝากลมผ่านหวั่นร้างบนทางจร
มาดแม้นสองห้องทรวงคล้องพ่วงจิต
นิรมิตแห่งฝันของวันก่อน
จงประกายข้ามขัณฑ์สีทันดร
ให้บังอรประจักษ์ความรักเรา
สายฝนยังชื้นชุกอยู่ทุกคาบ
โรยรินอาบภพภูดูเงียบเหงา
ไร้โสม,สูรย์เคลื่อนผ่านนับนานเนา
แต่รอยเงารักจรัสแจ่มชัดทรวง๚ะ๛
23 กันยายน 2553 13:34 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ในสังคมสงครามการหยามเหยียด
ทุกกระเบียดของจิตริษยา
ย่อมหมกมุ่นศิลปะอวิชา
ที่หมายฆ่าเข่นกันให้บรรลัย
สารพันชั้นเชิงเข้าเริงรุก
กลซ่อนซุกเหลี่ยมเล่ห์สาดเทใส่
หวังอริพลาดล้มได้สมใจ
เพื่อยิ่งใหญ่ของตนบนเส้นทาง
สอพลอนายค่ำเช้าเขาถนัด
ชั้นเชิงจัดครบกระบวนถ้วนทุกอย่าง
ได้ครับพี่ดีครับท่านเพียรหมั่นวาง-
ถ้อยเสริมสร้างความชอบเข้าครอบเงา
คงมิคิดต่อกรหรือสอนสั่ง
มิอยากดังอยากเด่นเช่นใครเขา
ยังทะนงยึดถือเราคือเรา
ไม่ยื้อเอายึดติดจิตราคี
เป็นหัวหมาหากินมิสิ้นศักดิ์
ฤๅเป็นหางพยัคฆ์ไร้ศักดิ์ศรี
จงเลือกเถิดมวลชนหลากคนดี
เดินทางที่ถูกต้องครรลองธรรม
จึ่งใคร่ถามสหายที่รายล้อม
จักหัวค้อมทุกเวลาก้มหน้าต่ำ
ฤๅมองฟ้าเบื้องบนแม้นฝนพรำ
จงไขคำเผยความได้ตามใจ๚ะ๛