6 มิถุนายน 2548 07:44 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
หากวันนี้คือสุดท้ายของปลายกาล
แล้วใครจักเล่าวันวานให้ขานไข
อนาคตนั้นมืดดับลับลาไป
พรุ่งนี้ไม่มาเยือนเหมือนดั่งเคย
อีกตำนานเรื่องราวอันเก่าก่อน
คงถูกซ่อนซุกไปมิได้เผย
สิ่งถูกผิดย้อนแก้ไขมิได้เลย
ยากเอื้อนเอ่ยเพราะไร้วันให้บรรยาย
หากพรุ่งนี้มืดดับลับจากห้วง
วันนี้ล่วงแสงสุรีย์เริ่มเลือนหาย
สรรพสิ่งเงียบสงบซบผืนทราย
รอละลายพร้อมกับกาลบนลาน...เวลา
4 มิถุนายน 2548 08:40 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
แม้นจะเจ็บซ้ำรอยเกินร้อยครั้ง
จมหล่มหวังพันหนสู้ทนฝืน
อาบความเหงาต่างน้ำอย่างกล้ำกลืน
ยังคงยืนยันรักและภักดี
ด้วยหัวใจมอบไว้ให้ที่รัก
เกินห้ามหักห่างหายฤทัยหนี
แม้ชีวิตยอมตายถวายพลี
ขอจำนนน้องนี้มิคลายคลอน
เศษเสี้ยวรักมอบมามีค่าล้ำ
เกินเอ่ยคำถ้อยใดในอักษร
เพชรน้ำหนึ่งฤาครึ่งซึ่งบังอร
แพรอาภรณ์นางฟ้ายังล้างาม
ตราบชีพนี้เพียงน้องเกี่ยวข้องจิต
หากมีฤทธิ์ท่องไปในโลกสาม
แม้นวายปราณเพียงเถ้าจะเฝ้าตาม
ขอนงรามอย่าผลักไสใจนี้เลย
2 มิถุนายน 2548 10:14 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
ที่ละเมอเพ้อพร่ำย้ำว่ารัก
หวงห่วงนักคนไกลในห้วงฝัน
ความคิดถึงคะนึงหาทุกคราวัน
สายสัมพันธ์มั่นคงมิหลงใคร
ยามบอบช้ำเหนื่อยล้ามารุมเร้า
ปลอบขวัญเจ้าจงมั่นอย่าหวั่นไหว
คราท้อแท้สิ้นหวังกำลังใจ
ห่มอุ่นไออาทรมิคลอนคลาย
สายลมรักพัดผ่านรานดวงจิต
ฝันลิขิตทางฝันที่มั่นหมาย
หวังครองคู่อยู่ข้างทั้งใจกาย
แต่รอยลายร้างลาคล้ายมาเยือน
ความอาทรห่วงหาทุกคราค่ำ
ดั่งหลุมดำแฝงพรางบนทางเหมือน-
หลอกหัวใจจมหวังอันรางเลือน
ดุจรอเดือนลงบ่อขุดล่อคอย
ทุกเรื่องราวเพ้อไปให้สมเพช
เกินขอบเขตของใจไกลเกินสอย
แท้ความรักทางฝันอันเลื่อนลอย
แม้นเพียงน้อยมิกรายมาอาบทาใจ
31 พฤษภาคม 2548 11:33 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
เมื่อความรักทักทายจากปลายฟ้า
ถึงแก้วตาจอมใจคนในฝัน
บินข้ามธารผ่านขุนเขาเงาตะวัน
ตามรอยจันทร์นำทางระหว่างเรา
อุ่นไอรักถักทอก่อเป็นผืน
ยามค่ำคืนห่มกายใจคลายเหงา
ความคิดถึงขึงเปลน้อยคอยนงเยาว์
จะไกวกล่อมขวัญเจ้าเข้านิทรา
เพลงความรักขับขานอาบลานฝัน
ท่ามกลางจันทร์มองเมียงเยี่ยงอิจฉา
จึงลับหายกรายเข้าเงาเมฆา
ปล่อยเราแนบแอบอุราอย่างเต็มใจ
เมื่อความรักทักทายจากปลายฟ้า
ขอแก้วตาจอมขวัญอย่าหวั่นไหว
เพียงมีเราเท่าที่เห็นความเป็นไป
ความห่วงใยที่เป็นเรา..เท่าที่มี
27 พฤษภาคม 2548 13:41 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
สาระพันปัญหามารุมเร้า
หลากเรื่องเข้าสุมทุมปานอุ้มหิน
ร้อยคำเหน็บเจ็บใจให้ได้ยิน
แทบล้มสิ้นชีวาจะวางวาย
ใจเคยนิ่งอ่อนไหวให้ได้เห็น
เคยเยือกเย็นสติล้าปัญญาหาย
แบกคอนเศร้าเข้ารัดมัดตรึงกาย
วนเวียนว่ายกระแสโศกวิโยคครวญ
ดั่งเพลิงกัลป์เผาผลาญแหลกราญซาก
ปานวิบากรอยกรรมย่ำคืนหวน
รุมกระหน่ำซ้ำซัดอัดเจียนจวน-
เสียขบวนเพราะบอบช้ำเกือบจำนน
มรสุมความทุกข์รุกล้ำจิต
คราสิ้นคิดปานคนบ้าน่าฉงน
ด้วยสติมิตั้งมั่นในกมล
เพราะเป็นคนที่หวั่นไหวไม่นิ่งพอ