8 กุมภาพันธ์ 2549 10:49 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ยังจำได้ก่อนหน้านี้ที่สีชัง
เจ้าเปลื้องปลดความหลังด้วยใจหาญ
ปล่อยรักที่หลงรอลงบ่อธาร
กลบตำนานมิให้เหลือเมื่อกลับมา
แต่วันนี้ที่เห็นเจ้าเป็นอยู่
ยังหดหู่จาบัลย์ขวัญผวา
ยังจ่อมจมหล่มทุกข์รุกอุรา
ธารน้ำตาท่วมท้นล้นทรวงใน
ฤๅมิอาจตัดได้สายสวาท
แม้นบากบาดความรักสักเพียงไหน
ยังอาลัยอาวรณ์ทุกตอนไป
จะหักใจกลัวเจ็บซ้ำจึ่งจำทน
จะล่องลอยเจ็บนี้อีกกี่ครั้ง
จะเปลื้องปลดความหลังอีกกี่หน
เจ้าจักหลุดจากอดีตกรีดกมล
ใครบางคนที่คอยเริ่มน้อยใจ๚ะ๛
1 กุมภาพันธ์ 2549 10:38 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ แค่เพียงคิดเราสองต้องจบฝัน
ความเจ็บพลันจุกอกวิตกหมอง
แสงศรัทธาที่มั่นคงวิรงรอง
พลันถูกครองด้วยมืดมนอนธกาล
น้ำตาคงเอ่อล้นท่วมท้นภพ
คลื่นซัดกลบกระหน่ำซ้ำหักหาญ
ต้องว่ายทวนกระแสโศกวิโยคธาร
นานเนิ่นนานตราบร่างจะวางวาย
เจ็บนั้นคงเกินทานสุดต้านไหว
และหัวใจคงแหลกแตกสลาย
ทั้งชีวิตอ้างว้างอย่างเดียวดาย
ตราบกาลหายกลืนตนจักพ้นมัน
หากวันนั้นมีจริงสิ่งอยากขอ
อย่ารีรอให้พบความโศกศัลย์
วอนเธอแทงหัวใจในเร็วพลัน
เพราะว่าฉันอยู่มิได้หากไร้เธอ๚ะ๛
27 มกราคม 2549 15:32 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ อันจริตติดตนทุกหนแห่ง
ใครปรุงแต่งให้งามยามขีดเขียน
แม้ปกปิดอำพรางอย่างแนบเนียน
ก็วนเวียนดั่งเดิมเหมือนเริ่มตน
เฉกเช่นชายวิปริตคิดเป็นหญิง
เพราะบางสิ่งในใจคล้ายสับสน
เหมือนผิดหวังบางอย่างยังวกวน
ต้องหน้าทนแปลงจริตจนบิดเบือน
หรือหญิงที่ผิดกายคล้ายเพศผู้
จะมองดูเทียมชายก็ไม่เหมือน
ประหลาดแท้จึงพร่ำดั่งย้ำเตือน
เห็นกลาดเกลื่อนวิปริตจิตเบี่ยงเบน
อีกจริตจงระวังเป็นนักหนา
คืออัตตาอวดตนให้คนเห็น
หวังชนะคะคานค้านประเด็น
ทำตัวเด่นแท้เพียงด้อยคอยชูคอ๚ะ๛
24 มกราคม 2549 15:41 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ เพียงร่องรอยเลือนลางแล้วจางหาย
ยามแดดสายทอทาบส่องอาบหล้า
น้ำค้างใสกลายร่างเหมือนพรางตา
ล่องวับสู่เวหาพากลับคืน
คมอดีตบาดเกี่ยวเสี้ยวความฝัน
แต่ละวันหมองหม่นสู้ทนฝืน
หยาดน้ำตาไหลหลั่งช่างรกรื้น
แอบสะอื้นลำพังอย่างเดียวดาย
ฤๅรอยแผลบาดบากยากรักษา
แม้นเวลาผันผ่านกาลลับหาย
ยังเจ็บช้ำโศกศัลย์เกินบรรยาย
แทบวางวายยามฝืนหยัดยืนตน
เพียงร่องรอยเลือนลางแล้วจางหาย
ยามแดดสายเยี่ยมห้วงเวหาหน
แต่รอยเจ็บเหน็บแน่นแก่นกมล
หนาวร้อนฝนมิจางรอยสักน้อยเลย๚ะ๛
20 มกราคม 2549 09:09 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ รัตติกาลโอบแขนกอดแผ่นฟ้า
ท้องนภาพร่างพราวดาวสดใส
เหล่าแมลงบรรเลงบทเพลงไพร
พฤกษาไหวดั่งพร่ำย้ำทำนอง
ลมเหมันต์พัดเพียงแผ่วแผ่วผ่าน
มิสะท้านเพราะอุ่นไอหัวใจสอง
มือหนึ่งคอยเติมไฟฟืนในกอง
อีกหนึ่งมือประคองกอดน้องนาง
กรุ่นกลิ่นอายกายสาวเร้ารู้สึก
พลันหวนนึกถึงคราก่อนอุษาสาง
ได้โอบกอดแนบชิดจุมพิตปรางค์
มิเลือนรางยังจำจดหมดหัวใจ
รัตติกาลโอบแขนกอดแผ่นฟ้า
เหล่าพฤกษาชูช่อล้อลมไหว
ดั่งรับรู้บางคนและบางใคร
จะกลับมาประสานใจที่สะเมิง๚ะ๛