25 มิถุนายน 2556 13:58 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ วันทากวีแก้ว.................กรุงสยาม
รัตนมณีงาม.....................แห่งหล้า
ศาสตร์ศิลป์เลื่องลือนาม....เอกบุรุษ
กลอนกาพย์เคียงคู่ฟ้า.........หนึ่งนั้นใครเทียม๚
๏ จันทร์แปดหนึ่งค่ำขึ้น.....แรมวาย
นักษัตรมะเมียหมาย..........ท่านท้าว
จวบจนล่วงปีกราย............เดือนหก
กำเนิดครูผู้ก้าว.................สู่ห้วงวรรณศิลป์๚
๏ สองศตวรรตพ้น.............นานปี
คุณค่าอีกความดี..............ท่านสร้าง
แบบแผนแห่งกวี...............คงอยู่
สานก่อมิลบล้าง...............ล่มลิ้นวรรณกรรม๚
๏ น้อมกราบครูภู่สร้าง........แนวทาง
แบบอย่างกลกลอนวาง......ก่อไว้
พระคุณดั่งฟ้ากาง.............โอบสมุทร
ขอเทิดทูนท่านไซร้...........เหนือเกล้าเกศี ๚ะ๛
21 มิถุนายน 2556 13:40 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ม่านวสันต์บดบังสองฝั่งฟ้า
ห้วงเวหาหม่นเทาดูเศร้าหมอง
ร้างแสงวันเคลื่อนขับเข้าจับจอง
ไร้แสงทองเรื่อรุ้งท่ามคุ้งธาร
ฟ้าอีกฝั่ง..คงเป็นเฉกเช่นนี้
ฝากวจีถามไถ่โปรดไขขาน
สุขฤๅเศร้าอย่างไรท่ามสายกาล
อย่าปล่อยผ่านเอื้อนเอ่ยเฉลยนัย
มวลสุมาลย์บานช่อดั่งรอช่วง
สายฝนร่วงรินรดหยาดหยดใส
ดั่งทรวงหนึ่งชื่นฉ่ำหากคำใคร
จักขานไขทุกอย่างยามห่างกัน
พรรษากาลผันมาอีกคราหนึ่ง
ม่านฟ้าจึงหม่นนานมิผ่านผัน
ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นมิเว้นวัน
หวังดวงขวัญร้างหมองครอบครองทรวง
สองฝั่งฟ้าแม้นห่างเหมือนอย่างเก่า
หวังสองเราแน่นแฟ้นด้วยแหนหวง
จักเติมเต็มรักของใจสองดวง
ตราบแมนสรวงโน้มฝั่งมารั้งกัน ๚ะ๛
11 มิถุนายน 2556 15:48 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ ม่านเทาหม่นขึงคาครอบฟ้ากว้าง
จากยามสางคล้อยบ่ายเข้ากรายหน
ร้างดวงวันเรื่อเรืองจากเบื้องบน
เพียงหยาดฝนโปรยหยดรินรดพง
ฤๅสิ้นแล้วดวงสูรย์จำรุญวัฏ
เคยป้องปัดอนธการที่ผ่านหลง
เข้าครองคาบทิวาคลุมป่าดง
ด้วยแสงส่งจากสรวงอาบทรวงดิน
บัดนี้เพียงม่านมัวทุกชั่วคาบ
โลมไล้ทาบทิศทางหว่างลำสินธุ์
อีกแทรกซอนแอบอำครอบงำจินต์
ของคนสิ้นทางเถินจักเดินตาม-
หัวใจของผู้แพ้กระแสโศก
ที่ฝากโลกเก็บกำทุกคำถาม
ปลดปล่อยวางภาระ..นิรนาม
เพื่อจักข้ามความพ่ายกลางสายกาล
เผชิญหน้ามืดดำทุกย่ำย่าง
แม้นเถินทางกว้างกว่ามหาศาล
กลับย่างย่ำรอยเก่าอยู่เนานาน
มิพ้นผ่านมืดดำแทบจำนน
ม่านหม่นเทายังครองทั่วท้องฟ้า
คล้ายบังตาเลือนแหล่งทุกแห่งหน
ฤๅหมายกักกุมขังในวังวน
มิให้พ้นมืดบอดตลอดไป
แม้นม่านหม่นยังครองทั่วท้องฟ้า
คล้ายบังตาเลือนแสงแหล่งไสว
คนแพ้พ่ายยังหวังและตั้งใจ
จักก้าวไกลผ่านพ้น...อนธการ๚ะ๛
21 พฤษภาคม 2556 10:25 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ จักเขียนกลอนอ้อนสาวก็คราวหลาน
ยามเขียนหวานมดตอมรายล้อมทั่ว
มีคนแหน็บเจ้าชู้ดูน่ากลัว
เลยเจียมตัวมิกล้าท้าประจัญ
คราเขียนเศร้าเหงาจิดเพราะพิษรัก
คล้ายอกหักท่ามโลกอันโศกศัลย์
มีคนแซวแนวกลอนอ้อนรำพัน
กลกลอนนั้นขุดบ่อไว้ล่อปลา
กลอนการเมืองเรื่องยุ่งมิมุ่งเขียน
หวั่นพวกเกรียนป้ายปาดวาดมิจฉา
สร้างพวกพ้องแบ่งพงศ์แยกหงส์กา
คนระอาเลิกผ่านเยือนบ้านกลอน
บทอัศจรรย์เนื้อกลอนมานอนคิด
อยากลิขิตการณ์กล..ไร้คนสอน
ใครสามารถสอนหมดทุกบทตอน
จักขอวอนขอจดบทอัศจรรย์
จักเขียนกลอนอ้อนสาวก็คราวหลาน
รักสุดกาลเทียมฟ้าก็น่าขัน
เขียนกลอนเศร้าก็ประจำบทรำพัน
แล้วจักหันเขียนงาน..กลการณ์ใด??๚ะ๛
20 พฤษภาคม 2556 14:16 น.
บินเดี่ยวหมื่นลี้
๏ บางเรื่องราวซ่อนเร้นเกินเค้นพากย์
เอื้อนเอ่ยปากเผยนัยยามใครถาม
คนสนิทเก่าก่อนเขาย้อนนาม
ยังติดตาม-ผูกพันกันอย่างไร??
เหมือนคมมีดกรีดลึกรู้สึกเจ็บ
แต่จำเก็บซุกซ่อนความอ่อนไหว
ฝืนยิ้มหัวกลบเกลื่อนสะเทือนใจ
เลี่ยงตอบนัยถ้อยถามที่ลามรัน
ด้วยภาพเก่าครั้งก่อนคราตอนเริ่ม
ล้วนแต่งเติมชีวีหลากสีสัน
ผ่านเรื่องราวมาก-น้อยจวบร้อยพัน
ชื่นสุขสันต์-โศกเศร้าคละเคล้าทรวง
ตราบวันนี้ภาพนั้นก็พลันหม่น
ด้วยล่วงพ้นสายกาลที่ผ่านล่วง
ร้อยหตุผลมากยิ่งหลายสิ่งปวง
ผันสองทรวงห่างหนคนละทาง
แม้นความคำร่ำลามิกล้าฝาก
แต่เหมือนฟากกั้นเถินจนเหินห่าง
เรื่อรุ้งงามก่อนเก่าเพียงเงาจาง
ที่ทอดวางสองฝั่งเมื่อครั้งนั้น
เก็บเรื่องราวร้อยพันของวันก่อน
ให้ซุกซ่อนตามกาลที่ผ่านผัน
เมื่อโลกจริงต้องข้ามไปตามวัน
รักครานั้น "เรา" วันนี้..มิมีใคร ๚ะ๛