ครั้งหนึ่ง .. เคยเป็นผู้พิชิตภูกระดึง เดินซะเมื่อยตุ้มเลย
ถ้าจะให้บากบั่นไปอีกหน เห็นทีคงบาย สังขารไม่เอื้อซะแล้ว
ครั้งนั้น .. และ ครั้งโน้น .. ก็เดินทางไปในลักษณะของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ในหลาย ๆ สถานที่
อาศัยนอนตามป่าเขาลำเนาไพร ตามบ้านเพื่อน
ยังมีอีกหลายสถานที่ ที่อยากไป ..
แต่สถานที่เหล่านั้น ไกล และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูง ฉันจึงได้แต่อยาก
บางสถานที่ ฉันจินตนาการต่อจากการรับชมสารคดีทางทีวี
บางสถานที่ ฉันนึกฝันต่อจากนิตยสาร คู่มือท่องเที่ยวต่าง ๆ
บางสถานที่ ฉันก็แอบเพ้อตามคำบอกเล่าของคนที่ไปเที่ยวมา
เหวย ! .. ก็ทำได้แค่นั้น
แต่ ! .. ก็ไม่เสียใจหรอก
ตราบใดที่ฉันยังอ่านหนังสือได้ ตามองเห็นภาพ หูได้ยินเสียง
ฉันก็สามารถอิ่มสุขจากการบอกเล่าได้ .. คิดแบบนี้จริง ๆ นะ !
สัปดาห์ที่แล้ว ฉันได้รับซองผ้าป่า เปิดอ่านดู ชื่อวัดสดกโคลก
ต.โอตาบอง อ.ปราการ จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา
เฮ้ย ! ประเทศกัมพูชา เขมรนี่หว่า ขะแมร์นั่นเอง ..
หลวงพ่อที่วัดทองบนท่านช่วยดำเนินการจัดโครงการผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้
เพื่อสร้างหอพระไตรปิฏก ซึ่งหลวงพ่อก็จะมาบูรณะวัดที่นี่ทุก ๆ ปี
หลวงพ่อบอกว่า ในช่วงวันที่ 24-26 พค. หยุด 3 วัน ทอดผ้าป่าในวันที่ 24
เหลืออีก 2 วัน จะพาไปนครวัด นครธม .................... ว๊าววววววววววววว
เมื่อเดือนที่แล้ว ฉันก็เคยเกริ่น ๆ กับเพื่อนสนิทว่า อยากไปนครวัด นครธม
แต่คงต้องเดินทางไปอย่างเขียม ๆ ประหยัดหน่อย คงไม่ได้ไปแบบหรูหรา
ลำพังคนพอมีพอใช้อย่างฉันก็คงทำได้เพียงเท่านี้แหล่ะ ทัวร์ทุลักทุเล
เอาไว้ให้เหลือกินเหลือใช้ซะก่อน ค่อยปรับเกรดการท่องเที่ยวใหม่ ฮา ....
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสามพันบาท เริ่มต้นขึ้นรถตู้ตอนตีห้าที่วัดทองบน
ค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเข้าชม ค่าอะไรต่อมิอะไร ก็อยู่ในกองกลางนั่นแหล่ะ
ถ้าไม่นับหลวงพ่อ ก็จะมีฆารวาสร่วมเดินทาง 10 คน
เอาล่ะ กองคาราวานบุญเดินทางเริ่มต้นหน้ากุฏิหลวงพ่อ ตอนตีห้า
ราว ๆ ตีห้าสิบห้านาทีก็เคลื่อนพล อาศัยฝากท้องมื้อเช้าที่ฉะเชิงเทรา
เก้าโมงกว่า ๆ ไปถึงด่านอรัญฯ ก็ดำเนินการขอผ่านทาง
หลวงพ่อได้เปรียบ เดินลัดได้ ส่วนพวกเราต้องเข้าคิว คนเยอะเหมือนกัน
แต่สงสัยจะมุ่งไปที่คาสิโนซะมากกว่า
ตอนจะเข้าประเทศกัมพูชา นี่เลย เริ่มติดขัดแล้ว ค่าเขียนเอกสาร คิดคนละร้อยบาท
รถตู้ฝั่งเขมรที่หลวงพ่อติดต่อไว้ ก็มาจอดรอรับพวกเรา พอขึ้นไปนั่งได้สักห้านาที
ก็มีเสียงโล้งเล้ง แปลไม่ออก ท้ายสุด ต้องลงจากรถกันหมด และ เดิน ไปขึ้น รถบัส
รถบัสที่เป็นสัมปทาน เขาคิดเงินรวมเพิ่มอีกสองพันบาท นั่งไป ไม่ต้องบ่น
แหม๊ แค่สี่ร้อยเมตรเองนะ อะไรของเขมรก็ไม่รู้ ดูวุ่นวายชอบกล
อย่างกะเสียรู้ยังไงประมาณนั้นน่ะ ลำพังเดินเปล่า ๆ ก็ยังได้ เพราะกระเป๋าเขามีคนลากไปแล้ว
นี่ ตั้งสองพันบาท เสียดายเงินชะมัด
ทว่า ช่างมัน .. มาทำบุญ มาเที่ยว ต้องวางใจให้สบาย ๆ คิดแบบนี้ดีกว่า
มื้อเที่ยงเราไปทานที่ สะวาย เป็นร้านอาหารชั้นเลิศ กินกันเป็นหมื่น (เรียล)
ไข่เจียวที่นี่ ทำตลกมาก อย่างกะเครป รสชาติแปลก ๆ หนักพริกไทยมาก
ที่แปลกกว่านั้น ฉันเหลือบเห็นชุดน้ำพริก+ผักสด เกือบไปแล้ว เกือบจะสั่ง
พอดีทันเห็นเขาเก็บผักสดที่เหลือจากโต๊ะอื่นมาเทรวมกันแล้วจัดใหม่ อึ้ง ก๊าบบบบ งานนี้
จากสะวาย เราผ่านพะตะบอง เห็น สัญลักษณ์ยักษ์ถือตะบอง เด่นเป็นสง่ากลางถนน
ถนนของเขาไม่ได้กว้างอะไรเท่าไหร่เลย ประมาณถนนในซอยบ้านเรานั่นแหล่ะ
ขับรถง่ายดี ตรงอย่างเดียว ฮา ...
เราไปถึงโพธิสัตว์ประมาณบ่ายสาม ชาวบ้านที่นั่นส่วนใหญ่นุ่งชุดขาวยืนเรียงต้อนรับ
เหมือนเป็นคนสำคัญยังไงก็ไม่รู้สิ รู้สึกกระดากเหมือนกัน ฉันทำได้แต่พนมมือแต้ สวัสดีทุกคน
ในลำดับพิธีการทอดผ้าป่านั้น ก็เป็นไปอย่างเรียบง่าย มี 2 ช่วง
ช่วงแรก พวกเราไปที่ต้นโฑธิ์ เขาปู่เสื้่่อรอไว้แล้ว ช่วงที่พระสวด ฆารวาสสวด
ฟ้าก็ทะมึนคำรามโครม ๆ ราวกับรับรู้และอวยชัยในอานิสงค์ของพวกเรา
แต่ด้วยการที่หวั่นใจว่าจะเปียกปอนกันถ้วนหน้า ก็เลยย้ายเข้าศาลา
ทันทีที่เข้าไปรวมอยู่ที่ศาลาแล้ว ปรากฏว่าฟ้ารั่วทันที แถมไฟดับอีกต่างหาก
ก็อยู่กันอย่างมืด ๆ ... ฮา ไปไหนไม่ได้
รอสักพัก เครื่องปั่นไฟก็ทำงาน (เขาว่า ซื้อไฟจากไทย)
เงินทำบุญผ้าป่านับรวมแล้วได้สองแสนกว่า ตีเป็นเงินเขมรก็กว่ายี่สิบล้านเรียล
เทียบเป็นเงินเรียลแล้วเยอะแฮะ เพราะค่าเทียบเงิน 1 บาท เท่ากับ 100 เรียล
และทั้งที่ฉันคิดว่า เตรียมการท่องศัพท์บางคำไว้แล้ว เช่น คำว่า ห้องน้ำอยู่ไหน
ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลา ดันจำไม่ได้
อาศัยภาษาใบ้ ภาษามั่ว เดินเข้าไปหาเด็ก ๆ พร้อมกับบอกว่า ตุ๊บบบบบ ตั๊บบบบบบ
พวกเด็ก ๆ ก็ขำกัน ขำแบบไม่เข้าใจ ดีนะ ที่เอากระดาษ+ปากกาไปด้วย
ก็เลยจัดการวาดส้วมซะเลย ...
อ้อ บนตุ๊บบบบบตึ๊กกกกกกกกก .... เด็ก ๆ เข้าใจแล้ว และจัดการชี้ทางไป
ทีนี้ล่ะ จำง่ายแล้ว เวลาอยากเข้าห้องน้ำ จะต้องไปทุบตึก จำแบบทางลัด
จบท้ายด้วยการที่ชาวบ้านเลี้ยงอาหารพวกเรา
อาหารมากมาย กินไม่หวัดไม่ไหว ชาวบ้านไม่ได้ร่วมกินด้วยหรอก พวกเขาถือศีลแปด
กว่าจะเรียบร้อยอิ่มหมีพีมันก็ย่างเข้าหกโมงเย็น ก็ถึงเวลาลาจากกัน
ที่พักของพวกเขาชื่อ อังกอร์ทิพย์ อยู่เสียมเรียบ ไม่หรูหรามาก แต่ก็พอเหมาะกับฐานะดี
ตอนนั่งรถ ฉันยังนึกอยู่เลยว่า คนขับรถเขาขับรถยังไงนะ สงสัย 40 กม.ต่อชั่วโมง
มันน๊านนนนนนนนนนน นานนนนนนนน กว่าจะถึงที่พักก็ห้าทุ่มแล้ว คร่อก .... ง่วงชะมัด
เรามีนัดกันตอนหกโมงเช้า ออกไปหาอาหารเช้ากินที่ตลาด
และเริ่มต้นการท่องเที่ยวที่นครวัด นครธม ต้องซื้อตั๋วก่อนนะ คนละ 20 ดอลล่าร์
โอ.. คิดเป็นเงินไทย ก็ประมาณ 600 บาท
ถ้างั้น คงจะต้องเที่ยวให้คุ้มล่ะ ต้องไม่เหนื่อย ... ฮา
พอดีว่าวันนี้คนเยอะ (คาดว่า วันไหน ๆ คนก็เยอะ)
เขามีพิธีการอะไรก็ไม่รู้ มีพระสงฆ์มาร่วมพิธีจำนวน 500 รูป แม่ชีก็ประมาณกัน
ตอนแรก ฉันยังคุยกับหลวงพ่อเลยว่า "ไม่กลัวหลง หากหลงให้มองหาจีวรพระ"
เมือ่สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว หลวงพ่อก็หันกลับมาถามฉันว่า
"ทีนี้ อย่ามัวมั่วเดินตามหาจีวรพระ พระตั้งเยอะ เดี๋ยวจะตามผิดคน" .. ฮา
ไปนครวัด ------> นครธม ------>ปราสาทผู้หญิง ------> ปราสาทแก้ว ------> ปราสาทตาพรหม
ที่นครวัดเป็นที่เริ่มต้น ต้องเดินผ่านสะพานที่มีพระกับแม่ชียืนกันเพียบ
เดินไปทางไกน ก็ได้ยินแต่เสียงคนไทย ดีเหมือนกันวุ๊ย อาศัยฟังจากไกด์ไปด้วย
ที่นครธม ต้องขึ้นบันไดไปที่สูง ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ ตอนลง เสียววูบ ๆ ชอบกล
ก็จนเดินไม่ไหวกันนั่นแหล่ะ แล้วค่อยกลับมาหาอาหารกินที่ตลาด
แต่การท่องเที่ยวในวันนี้ยังไม่จบนะ หลังมื้อเย็น เราไปช็อปปิ้งกันต่อ 555
มันเหมือนกับสวนลุมไนท์พลาซ่า แบบนั้นเลย
ฉันอะนะ เดินไปกะเดินมา เสียค่าโอเลี้ยง 10 บาท ข้าวของอื่นไม่ได้ซื้ออะไรกับเขา
ไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่เห็นจะอยากได้อะไรเลย
ฉันคิดว่า ที่สำเพ็งยังน่าเดินกว่านะ
แต่คนอื่น ๆ น่ะ ได้ของกันเยอะเลย หิ้วกันคนละหลายถุง พะรุงพะรัง
ก็บอกแล้ว ....... แค่อยากมานครวัด นครธม อยากมาชมความยิ่งใหญ่อลังการ์
ส่วนเรื่องการซื้อของ มันไม่ได้อยู่ในความคิดของฉันเลย
เอ ! ... หรือว่า ฉันงก 55555
ก็ปล่อยเวลาให้เขาช็อปปิ้งกันหลายชั่วโมง กลับมาที่พักก็เวลาเดิม ห้าทุ่ม(อีกแล้ว)
รีบนอนดีกว่า รุ่งขึ้นหลวงพ่อบอกว่าจะพาไปเทียวทะเลสาป (ไปดูอะไรน๊าาาาาาาาา)
ค่าลงเรือท่องทะเลสาปแพงนะ เขาคิดคนละ 10 ดอลล่าร์ ใช้เวลาประมาณ 3.30 ชม.
ระหว่างทางก็แวะเที่ยวกระเตง มีขอทานกาละมังด้วยนะ เขาว่าเป็นเวียดนาม
เห็นแล้วก็สงสารนะ เด็ก ๆ พวกนั้น อายุไม่น่าจะเกิน 7 ปี นั่งอยู่ในกาละมัง
แต่ละคนก็มีงูคล้องคอ แบบว่า มีโขว์ หากอยากถ่ายรูปด้วยก็ได้นะ ขอตังค์ 20 บาท
กลับมายังไนท์พลาซ่าอีกแล้ว แต่ทีนี้น่าจะเรียกว่า เดย์พลาซ่ามากกว่า
เอาวะ ซื้อของที่ระลึก เป็นจำพวกพวงกุญแจ+ที่ตัดเล็บ
แหะ แหะ ... ควักเนื้อไป 240 บาท ...ฮา .. นี่ ตัดใจสุด ๆ แล้วนะเนี่ย
อย่างน้อยก็มีของฝากให้น้อง ๆ ในที่ทำงานล่ะว๊า
ก็มีเวลาเที่ยวถึงบ่ายสอง ก่อนข้ามฟากกลับมาเมืองไทย
แล้วก็อย่างเคย .. ช็อปปิ้งกันอีกแล้ววววววววววววววววววววววว
ไม่รู้จะทำอะไรดี ที่โรงเกลือ ฉันซื้อกล้วยทอด 20 บาท ชาเขียว 1 ขวด
แล้วก็นั่งรอให้พรรคพวกช็อปปิ้งกันให้พอใจ
โอ้โห .. แต่ละคน ได้ข้าวของมากันละเพียบบบบบบบบบบบบบ
เงินกองกลางยังเหลือ มื้อเย็นที่ฉะเชิงเทรา เลยเสวยซะอร่อยเลย
เงินกองกลางก็ยังเหลืออีก ทีนี้ ก็จัดใส่ซองถวายหลวงพ่อไป
ถือว่าร่วมกันทำบุญ สร้างกุศลด้วยกันก่อนจากอีกสักหน
กลับมาถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม (อีกล่ะ) คืนนี้ขอนอนก่อน กระเป๋าก็ทิ้งไว้งั้นแหล่ะ
รุ่งขึ้นมีภาระกิจ ส่งมอบศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่หนองหญ้าปล้อง
ก็มีส่วนจากเงินสมทบของพวกเรา เหล่าจิตอาสาเพื่อนพ้องน้องพี่
เอาไว้ค่อยเล่า ..... เดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน ...