ชาวไทยลือเชียงคำ มีกลุ่มหนึ่งอพยพมาจากเมืองฮาย แคว้นสิบสองปันนา ก่อนนั้นแก็มีชาว
ไทยลื้อกลุ่มเก่าที่อพยพมาก่อน ราว พ.ศ.๒๓๒๘ คือ ไทยลื้อเมืองหย่วน เมือง มาง เป็นต้น
เมืองฮาย มีเจ้าเมืองเรียกว่า "อาชญา" มีหน้าที่รักษากฏหมาย และให้ความยุติธรรมแก่ราษฎร
รองเจ้าเมืองเรียกว่า "พญาเก๊า" รองพญาเก๊าเรียกว่า "พญากวาน"
ราว พ.ศ. ๒๔๓๐ ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ เจาเมืองเมืองฮาย คือ เจ้าสุริยวงศ์ เมื่อถึง พ.ศ.
๒๔๔๐ เจ้าสุริยวงศ์ได้ถึงแก่กรรม เจ้าอิ่นน้องชายได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน
เจ้าอิ่นมีลูกชายชื่อเจ้าหล้า มีน้องชายชื่อ เจ้าอุ่น มีศักดิ์เป็นอาเจ้าหล้า
เมื่อเจ้าอิ่นถึงแก่กรรม เกิดแย่งชิงตำแหน่งกันระหว่างอากับหลาน
เจ้าหล้าเล่าว่า......
เมื่อเจ้าอิ่นผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรม เจ้าหล้ามีอายุ ๒๐ ปี ตรงกับสมัยเจ้าหม่อมหลวงซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดิน
เมืองเชียงรุ้ง
ชาวเมืองต้องการจะเอาเจ้าหล้าเป็นเจ้าเมืองฮาย เจ้าอุ่นผู้เป็นอาไม่ยอม บอกว่าหลานอายุยังน้อย
บ่สมควรเป็นเจ้า ให้เจ้าอาเป็นก่อน จึงเกิดรบแย่งชิงกันเป็นเจ้า
เจ้าหัวเมืองทางตะวันตกลำน้ำโขง มีเมืองต่าง ๆ สนับสนุนเจ้าหล้า เช่น เจียงลอ ฮุน ลวง
เชียงรุ้ง สูง แจ เจียงเจิง ขวาง วัง หวาด เจียงฮ้า ปาน มาง ตลอดจนชาวเมืองฮายเอง
เข้าข้างฝ่ายเจ้าหล้า รบกันอยู่ ๒ ปี เจ้าอุ่นนำเอาพวกทหารจีนฮ่อ เจ้าหล้าเห็นเหลือกำลัง
ที่่จะขับสู้ จึงพาพวกพ้องเผ่าพงศ์
ของตนหลบหนีเข้ามาอยู่เมืองเชียงใหม่ ราวปี พ.ศ. ๒๔๕๓ (ร.๕ สวรรคตปีนี้)
ต่อมาก็อพยพมาอยู่บ้านหัวแคร่ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย และย้ายมาอยู่บ้านหย่วน
อำเภอเชียงคำตราบจนปัจจุบันนี้
ที่เมืองฮายหลังจากนั้น ทหารจีนก็อยู่ประจำเมืองฮาย เจ้าอุ่นเป็นเจ้าเมืองได้ ๗ ปีก็ได้ถึงแก่กรรม บุตรชายเจ้าเสียชีวิตหมด ยกเว้นบุตรชายที่เป็นใบ้คนเดียว กับบุตรหญิงอีก ๒ คน
บราดาเจ้าเมืองและชาวไทยลื้อเมืองฮาย มีหนังสือมาเชิญเจ้าหล้าให้กลับไปเป็นเจ้าเมือง
ในระหว่างนั้นให้ทหารจีนฮ่อรักษาเมืองไว้ก่อน หากเจ้าหล้ายไปจะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองฮาย
ให้เหมือนเก่าเหมือนหลัง
ถ้ากลับไปก็จะจัดให้เอาม้ามารับ เจ้าหล้าเห็นว่า สิบสองปันนา มีแต่เหตุการณ์ยุ่งยาก
จึงตอบหนังสือไปว่า "ไม่ไปแล้ว จะขอตายอยู่กับแผ่นดินไทย"
ที่อำเภอเชียงคำ ชาวไทยลื้อได้เอาชื่อบ้ ดังนี้านเก่าเมืองเก่าของตน มาตั้งชื่อหมู่บ้าน เช่นบ้าหย่วน
บ้านมาง บ้าแวน บ้าแพด เป็นต้น
**บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ ไทยสิบสองปันนา พิมพ์ครั้งที่ ๓ กรุงเทพ สยาม ๒๕๔๗