ป่าซาง .. ชื่อนี้ กิ่งโศก ได้ยิน บ่อยครั้ง ในบทเพลง ..ทั้งลูกทุ่ง และลูกกรุง เช่น ชรินทร์ , หยาดนภาลัย .นำมาขานขับบทเพลง แสนไพเราะจับใจยิ่งนัก แม้แต่ราชาเพลงลูกทุ่ง อย่างสุรพล ไม่เว้น ยังขับร้อง ถึงสองเพลงเกี่ยวกับเมืองป่าซาง ระบุบ่งถึง สาวงามเมือง ป่าซาง ไฉน เมืองเหนือจึงตราตรึง ให้ผู้คนหลั่งไหลไปเยือนกันนักหนอ โดยเฉพาะ บุรุษชาติที่ ทิ้งความอาลัยอาวรณ์ ยามจรจากนักแล้ว เสียงเพลงครวญหาสาวงาม ป่าซาง และธรรมชาติ เสน่ห์มนต์เมืองเหนือนั้นช่างเป็นดินแดนแสนงาม ที่ถูกบันทึกลงห้วงความใฝ่ฝันของนักเดินทาง เมื่อมาเยือนก็ยากที่จะลืมเลือน ป่าซาง..ดึงใจให้คนลุ่มหลงด้วย ธรรมชาติอันงดงาม บวกด้วยขนบธรรมเนียม แห่งเมืองล้านนา ในอดีต ไม่เว้นความงามของสตรี แห่งเมืองนี้ ก่อน ที่จะสดับกับบทเพลง เรามารำลึกย้อน แล เยี่ยมยล สภาพ ภูมิศาสตร์ และอดีตเมืองป่าซางกันสักนิดเถอะ ป่าซาง ..เป็นเมืองเก่าชุมชนเก่าแก่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ส่วนที่ตั้งของอำเภอป่าซางนั้น ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำทากับแม่น้ำปิง ก่อนที่จะตั้งเป็นอำเภอป่าซางนั้น บ้านป่าซางเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอปากบ่อง จังหวัดลำพูน เมื่อครั้งสมัยพระยากาวิละจะกอบกู้เมืองเชียงใหม่ ได้ส่องซุมกำลังพลที่เวียงเวฬุคาม ลักษณะเวียงเวฬุคามตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำกวงด้านทิศตะวันตก มีแนวกำแพงเมืองลักษณะในรูปเกือกม้าหรือรูปครึ่งวงเดือน คูน้ำที่ล้อมรอบเวียงเวฬุคามนั้นใช้น้ำไหลเข้าจากน้ำแม่ทา โดยมีฝายกั้นที่หน้าธนาคารออมสินปัจจุบัน น้ำไหลรอบคูเมืองไปออกที่ข้างป่าช้าป่าซางปัจจุบัน ลักษณะกำแพงเมืองเวฬุคามกว้างประมาณ 1 เมตร และมีป้อมยามรักษาการณ์ตลอดแนวกำแพงเมืองระยะห่างประมาณ 100 เมตร ปัจุบันซากกำแพงเมืองเวฬุคามยังมองซากอยู่เป็นช่วง ๆ ยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร แลผู้คน ที่พำนักอาศัย อยู่ มีเชื้อสาย เป็นคน ไทยอง ที่อพยพมาอยู่เมืองลำพูนมาครั้งอดีตแล้ว ซึ่งได้ ดำรงค์วัฒธรรม การทอผ้าฝ้ายอันลือชื่อ สืบมาจนทุกวันนี้ ไทยอง คือ ใครอีกเล่า? ประวัติของชาวยอง ยอง หรือไทยอง ชาวล้านนาจะออกเสียงเป็น "ญอง" แต่กลุ่มชาวไทยองมักออกเสียงเป็น "ยอง" ชื่อ ยอง หรือ ไทยองนี้ ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองยอง และกระจายอยู่ทั่วไปในแถบเมืองต่างๆ ในรัฐฉานด้านตะวันออกของพม่า เขตสิบสองพันนา ในมณฑลยูนนานของจีน เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๘ กลุ่มชาวเมืองยองได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูนเป็นส่วนใหญ่ ด้วยสาเหตุของสงครามการรวบรวมกำลังคน ต่อมาก็ได้กระจายไปอยู่ในหัวเมืองต่าง ๆ ในล้านนา คำว่ายองหรือ "ญอง"อันเป็นชื่อเมืองนั้น ตำนานเมืองยองอธิบายว่าเป็นชื่อหญ้าชนิดหนึ่งที่เคยขึ้นในบริเวณเมืองยอง ครั้งหนึ่งมีนายพรานมาจากอาฬวีนคร ได้จุดไฟเผาป่าทำให้หญ้ายองปลิวไปทั่ว เมืองยองมีชื่อเป็นภาษาบาลีว่า "มหิยังคนคร"(ตำนานเมืองยอง) ตัวเมืองตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเชียงตุง ห่างกันประมาณ ๘๐ กม. ห่างจากแม่สายประมาณ ๑๕๗ กม. บริเวณเมืองยองเป็นแอ่งที่ราบกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ ภูมิประเทศด้านตะวันตกสูงกว่าด้านตะวันออก แม่น้ำสายสำคัญคือน้ำลาบ น้ำวัง และน้ำยอง จึงไหลไปทางทิศตะวันออก เมืองยองมีประตูเวียง ๗ ประตูคือประตูเสื้อเมือง ประตูน้อย ประตูดินแดง ประตูม่อนแสน ประตูปางหิ้ง ประตูหูหูด และประตูผาบ่อง บริเวณใจกลางเมืองมีต้นสรี หรือต้นโพธิมีไม้ค้ำโดยรอบซึ่งแสดงถึงความเชื่อเรื่องไม้ค้ำสรีเช่นเดียวกับคนเมืองในล้านนา ............. ขอนำเสนอเพียงคร่าวๆ คือ เมืองลำปูน และโดยเฉพาะป่าซาง นั้นมีคนยอง อาศัยตั้งรกราก พร้อมการนำขนบธรรมเนียม วิชาชีพติดตัวมาด้วย..เช่นการทอผ้าฝ้าย มาฟังบทเพลงที่ชมเมืองชมแม่หญิง ป่าซางกันเถิด สาวป่าซางนั้น งามแต้ๆ เน้อ ขนาดได้เป็นนางสาวไทย เลย ละครับ นางสาวสุธีรา ศรีสมบูรณ์ สาวป่าซางที่ได้รับเลือกเป็นนางสาวไทยเมื่อปี ๒๔๙๗ เป็นหนึ่งในสาวงามป่าซาง ที่สร้างชื่อเสียงในกับป่าซาง และได้รับคำนิยามตามมาว่า สาวงามป่าซาง เพลงมนต์รักป่าซาง ขับร้อง โดย สุรพล สมบัติเจริญ ครวญ คิดถึงถิ่นป่าซาง สวยเกิน คำคนเขาอ้าง ป่าซาง แดนนี้มีมนต์ ใคร แม้นเคยไปมาสักหน แล้วต้อง พร่ำเพ้อกังวล ถึงสาวหน้ามนโฉมเจ้าสะคราญ .....โอษฐ์ พริ้มดังหนึ่งคันศร สรรพางค์ สะอางพลิ้วอ่อน ดั่งนาง อัปสรลาวัลย์ ลอย โฉมมาในลำห้วยนั้น พลิกร่าง บังผาเงิบพลัน แลเห็นทรวงนั้น อั๋นอวบขาวนวล .....โอ ป่าซางเจ้าเอ๋ย เพิ่งเคยได้ไปครั้งเดียว หัวใจโน้มเหนี่ยวรัญจวน เพียงได้เห็น เสมือนเป็นบุญชักชวน ใจฉันป่วน เมื่อหวนคิดถึงป่าซาง .....ลา แล้วเมืองแก้วในฝัน พบกันชั่วพลันแล้วจาก ไม่ทัน ฝากรักนวลนาง คง เหลือเพียงแต่ความอ้างว้าง เพ้อครุ่น คิดถึงนวลนาง มนต์รักป่าซาง ฝังจิตมิคลาย .....โอ ป่าซางเจ้าเอ๋ย เพิ่งเคยได้ไปครั้งเดียว หัวใจโน้มเหนี่ยวรัญจวน เพียงได้เห็น เสมือนเป็นบุญชักชวน ใจฉันป่วน เมื่อหวนคิดถึงป่าซาง .....ลา แล้วเมืองแก้วในฝัน พบกันชั่วพลันแล้วจาก ไม่ทันฝากรักนวลนาง คง เหลือเพียงแต่ความอ้างว้าง เพ้อครุ่น คิดถึงนวลนาง มนต์รักป่าซาง ฝังจิตมิคลาย .ป่าเขา ลำเนาพงพฤกษ์ นั้นได้ซ่อนความวิจิตรงามตะการไว้มากมาย หากตัดแห่งภัยธรรมชาติออกแล้ว..นี่แหละ สรวงสวรรค์ อันแท้จริง ปราสาท หรือจักเทียม เท่า เพียงกระท่อมไพร ที่ห้อมล้อมด้วย มวลบุปผา ไอหมอก ดุจก้อนปุยฝ้าย ที่ขาวพราวสะอาด แลค่อยละลายหายไปเมื่อต้องแสง อาทิตย์อุทัย หลอมจิต หลอมกายให้เข้ากับ กลิ่นอายธรรมชาติ กันเถิด... ๏ เส้นแสงระยับย้อง...........ยั่วยล สูรย์เฮย ห่มหว่างห้วงเวหน................ห่อห้อม สุกสะกาวสกล.......................กวมสู่ กาลนา พร่างจิตพิศจ่างพร้อม...........จึ่งพร้อยน้ำพรม ๚ะ ๏ แสงสูรย์จับระยับย้องยั่วยล น้ำค้างบนสนใบไศลสูง เกร็ดมณีน้ำหนึ่งพึงจรุง ผกายฟุ้งยั่วฟ้าอาภาโพยม ๏ หยาดเพชรก้อนเริงรู้แสงอุษา บุหลันลาจึ่งร่ำลำนำโสม ค่อยค่อยจ่างจืดหายละลายโลม หรี่แสงโคมคลายขับค่อยลับลง ๏ เบื้องบุรีมหิยังคนคร ม่อนสิงขรม่านแคว้นดินแดนหงส์ อรุณโรจน์คีรีบุษบง- ชูอวดองค์ห่มหล้าให้ฟ้าชม ๏ ดรุณีศรีพนัสกำดัดน้อย ประหนึ่งสร้อยซ่อนกลิ่นประทินฉม ซ่อนซ้อนไพรพฤกษ์เถื่อนมิเปื้อนตม พิสุทธิ์สมเทพสร้างสะอางอร ๏ ใจพี่จอดประจงค่อยปลงปลด จิตจรดสเน่ห์สิงมิ่งสมร สวาทแล้วใจร่ำเจียนรอนรอน ทั่วนาครหาใครเทียบได้นาง ๏ เทวีภูเยี่ยมฟ้ารัมภาคล้าย เทพยังพ่ายสยบคราพบร่าง เราเพียงชนหรือทานต้านมนต์นาง คงต้องถอดใจวางบนกลางภู ๚ะ
18 มิถุนายน 2553 08:31 น. - comment id 31209
คงต้องให้พี่แจ้นพาไปชมแล้วแหระ....ไท.ยอง ไทลื้อยอง... อยากเห็น ครับ อิอิ
16 มิถุนายน 2553 13:07 น. - comment id 31218
โอ..ป่าซาง..
16 มิถุนายน 2553 13:17 น. - comment id 31220
แบมชอบเนื้อเพลงสมัยก่อนนะคะ นอกจากจะได้ฟังเสียงแล้ว ในเนื้อหาของแต่ละเพลง นักแต่งสมัยก่อนจะสอดแทรกสาระเข้าไปด้วย เพลงสมัยก่อนจึงฟังแล้วไม่รู้สึกเบื่อค่ะ ขอบคุณที่นำความรู้พร้อมบทเพลงมาให้ นำเสนอจ้า
16 มิถุนายน 2553 14:39 น. - comment id 31221
ลงภาพที่ไม่ขึ้นอีกทีครับ แบบว่าภาพมันสวยอะ
16 มิถุนายน 2553 13:44 น. - comment id 31224
ช่วยปู่หาภาพค่ะ
16 มิถุนายน 2553 13:58 น. - comment id 31228
ข้อมูลแน่นปึ๊ก เพลงนี้..เกิดทันป่าวน๊า.. ไม่เคยฟังก็ไม่ใช่พิมอ่ะ ขอตัวไปงีบก่อน..สาคูมะพร้าวอ่อนกำลังออกฤทธิ์
16 มิถุนายน 2553 14:53 น. - comment id 31231
16 มิถุนายน 2553 15:25 น. - comment id 31233
สาวญองสวยมากเลยค่ะ มีหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอจะเป็นชาวไทยญองอาศัยอยู่ สาวๆงี้ดูดีๆเหมือนสาวญี่ปุ่นสมัยก่อนที่มีเขี้ยวเสน่ห์เลย น่ารักเชียว
16 มิถุนายน 2553 20:08 น. - comment id 31250
1+2 คุณแก้วประภัสสร ขอบคุณมากที่ฟังเสียงเพลงให้ครับ เพลงรุ่นเก่าโดยมากจะอิงบทกลอน ที่พวกเราเขียนๆ กันซะมาก และเนื้อหา จะกล่าวเชิงเปรียบเทียบ ภาษา ยังเป็นแบบฉบับเก่า ดู อ่าน คนที่ชอบอักษร คงชื่นใจเมื่อได้ ชม นักละครับ ผมลงนำเพลงเก่ามาเล่าเป็นหลักนะแหละครับ
16 มิถุนายน 2553 20:09 น. - comment id 31251
คุณน้ำตาล เชื่อแล้วแหละ ว่าได้ฟัง อิอิ คนพิดโลก ก็แบบนี้แหละ ฟังเพลงเก่า อิอิ ขอบคุณนะครับ ที่มาเยี่ยมกัน
16 มิถุนายน 2553 20:10 น. - comment id 31252
คุณโคลอน หุหุ แหม พูด ซะอยากเจอ สาวไท ยองจังอะ อิอิ
17 มิถุนายน 2553 09:16 น. - comment id 31257
ตามมาแอ่วป่าซางด้วยคนค่ะ เพลงนี้ไม่เคยได้ยินเลย เมื่อไหร่จะแอ่วถึงเมืองลิงเจ้าคะคุงปู่
17 มิถุนายน 2553 20:21 น. - comment id 31260
คุณเฌอฯ รอก่องน๊า หาข้อมูล เมืองละโว้ ก่องอะ
17 มิถุนายน 2553 22:38 น. - comment id 31266
คนยองสวยจริงๆค่ะ เชื่อขนมกินได้ ลำนำเพราะจัง
19 มิถุนายน 2553 14:51 น. - comment id 31271
นึกถึงหยาด นภาลัยค่ะ
19 มิถุนายน 2553 22:09 น. - comment id 31275
คุณเพียงพลิ้ว หยาด นภาลัย เพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นานมานี้อะ เงาเสียง ชรินทร หรือไม่ก็ร้องเพลงของทูล ก็เพราะยิ่ง
20 มิถุนายน 2553 13:07 น. - comment id 31278
แวะมาเก็บความรู้ และภาพสวยมากครับ ^ ^
21 มิถุนายน 2553 20:10 น. - comment id 31304
คุณธันวันตี ขอบคุณมากครับที่มาเยี่ยมกัน
26 กรกฎาคม 2553 19:36 น. - comment id 31903
...
30 กรกฎาคม 2553 19:30 น. - comment id 31932
1 สิงหาคม 2553 18:38 น. - comment id 31950
30 มิถุนายน 2554 18:10 น. - comment id 33828
ชอบครับ